น้ำตาหยดใหม่รินรดหลังมือหนา ยาหยีมองเขาเนื้อตัวสั่น ปากสั่นเทาเม้มเข้าหากันอย่างไม่ยอมแพ้ ต่อให้กราบกรานขอร้องเขาก็คงไม่ยอมให้เธอกลับเข้าไปทำงานอีกอยู่ดี เธอก็แค่ต้องหางานใหม่ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะไม่ยอมพาแม่ย้ายกลับไปอยู่สลัม เธอจะดูแลแม่ให้ได้!
“ไม่แต่งค่ะ” ยาหยีบิดข้อมือสุดแรงจนเขายอมปล่อย ก่อนที่มือน้อยจะผลักอกเขาให้หลบทาง แต่กลับเสียหลักเกือบจะล้มหงายหลังเสียเอง “ว้าย!”
อุทานไม่ทันจบ ร่างระหงในชุดเดรสเกาะอกสีแดงก็ถูกรั้งเข้าไปแนบชิดกายแกร่ง ยาหยียืนตัวแข็งด้วยความตระหนก สองมือยกขึ้นกำตรงหน้าอกเพื่อป้องกันไม่ให้ทรวงอกนุ่มนิ่มแนบชิดกับกายเขา
ตัวเขาแข็งเป็นบ้าเลย อย่างกับกำแพง อย่างกับเนื้อหุ้มเหล็ก!
“ฉันให้โอกาสเธอตอบใหม่” ไอศูรย์โอบรัดร่างนุ่มนิ่ม ก่อนจะล้วงเอารูปโพลารอยด์ใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทแล้วยกขึ้นให้เธอเห็นชัดๆ “จะแต่งหรือไม่แต่ง!”
ยาหยีเบิกตาโตมองรูปถ่ายใบนั้นอย่างไม่เข้าใจ...
มันเป็นรูปถ่ายของหญิงวัยกลางคนนั่งอยู่บนรถเข็นภายในบ้านเช่า โดยมีไอศูรย์นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นและถือกล้องโพลารอยด์ถ่ายรูปเซลฟี่ ในรูปใบนั้นทั้งไอศูรย์และผ่องจิตยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริ
ยาหยีไม่เคยเห็นแม่ยิ้มอย่างมีความสุขแบบนี้มาก่อน ตลอดชีวิตสิบเก้าปีที่เติบโตมากับท่าน โดยที่ผ่องจิตเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ทำงานหาเลี้ยงลูกด้วยความยากลำบาก แม่มักจะยิ้มเหนื่อยๆ และแอบร้องไห้คนเดียวอยู่บ่อยครั้งตอนเธอเป็นเด็ก
ไม่ใช่แค่รูปถ่ายที่ทำให้ยาหยีรู้สึกเหมือนโดนตีหัวด้วยของแข็ง แต่ยังมีลายมือของแม่เขียนอยู่ด้านล่างรูปถ่ายที่เป็นพื้นสีขาว ข้อความสั้นๆ แค่สองบรรทัด ทว่ากลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกแช่แข็งทั้งเป็น!
แม่รอวันนี้มานานแล้วนะหยี
ขอให้ลูกกับคุณใหญ่มีความสุขกับงานแต่งงานนะ
ยาหยีเหลือบตาขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างมึนงงและจับต้นชนปลายไม่ถูก มือของเขายังจับอยู่ที่หลังเอวบางอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หญิงสาวตกใจจนไม่ทันสังเกตเลยว่าเขาก้มมองต่ำกว่าใบหน้าของเธอ เพราะความที่ตัวเขาสูงกว่ามาก และชุดเกาะอกทำให้เขาอยู่ในจุดที่เรียกว่า ‘วิวดี’ จนกางเกงมันคับตึงไปหมด
ไอศูรย์จำใจต้องกอดยาหยีไว้แค่หลวมๆ เพื่อไม่ให้กายสาวแนบชิดกับความหื่นกระหายอย่างไร้กาลเทศะของเขา! เดี๋ยวจะกลายเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นอีกรอบ
ชายหนุ่มก้มลงกระซิบเป็นเชิงถาม แต่ก็ไม่ต่างจากการออกคำสั่งสักเท่าไรนัก
“ว่าไง จะเซย์เยสได้หรือยัง”
“อกแปดสิบแปดจุดเก้า เอวห้าสิบแปดจุดสามหนึ่ง...”
เหมือนโลกหมุนเร็วกว่าใจ ทั้งที่คืนนี้ยาหยีคิดว่าจะได้พบคุณพ่ออุปถัมภ์ผู้แสนใจดีมีเมตตา ได้กราบขอบคุณท่านและค*****นส่วนเกินจากทุนการศึกษา เธอคิดอย่างตื่นเต้นแค่นั้น ไม่คิดเลยว่าดึกป่านนี้แล้วเธอจะยังไม่ได้กลับบ้าน ซ้ำยังต้องสวมเสื้อผ้าลูกไม้สีขาวน้อยชิ้นของร้านตัดชุดแต่งงานเพื่อยืนยกแขนให้ดีไซเนอร์คนดังวัดตัวเป็นหน่วยเซนติเมตร โดยมีลูกมือมาคอยช่วยจดสัดส่วนของเธอตั้งแต่คอจดเท้า
“เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณหยีเปลี่ยนเสื้อผ้าได้เลยค่ะ แล้วออกไปเจอกันที่โซฟาข้างนอก คุณใหญ่กำลังเลือกของชำร่วยรออยู่ค่ะ”
“ค่ะ” เธอตอบสั้นๆ พลางพยายามฝืนยิ้มตามมารยาท ก่อนจะยืนรอจนทั้งสองคนเดินออกไปแล้วรูดม่านสีไพลินหนาหนักปิดไว้ให้ จึงถอนหายใจออกมาอย่างอึดอัด
สาวน้อยเดินไปหยุดยืนตรงหน้ากระจกบานสูงที่แขวนเดรสสีแดงไว้ใกล้ๆ เห็นภาพสะท้อนในกระจกเป็นตนเองที่สวมเกาะอกกับกางเกงลูกไม้สีขาวแนบไปกับเรือนร่าง เส้นผมตรงยาวสลวยสีปีกกาถูกปล่อยสยายคลอเคลียไหล่นวล เธอมองสบตาตัวเองในกระจก แล้วรู้สึกสมเพชเวทนาเหลือเกิน
นี่น่ะหรือผู้หญิงที่เชิดชูรักแท้และมีความฝันว่าวันหนึ่งจะได้พบใครสักคนที่รักเธอและเธอเองก็รักเขาอย่างที่แม่เคยเล่าให้ฟังเสมอว่าอยู่กินกับพ่อด้วยความรัก เธอถือกำเนิดขึ้นมาด้วยความรักของพ่อแม่ แต่ตอนนี้เธอกลับเป็นได้แค่โรงงานผลิตลูกของคนรวยที่ต้องการทายาทเท่านั้น
ยาหยีถอนหายใจยาว น้ำตาเอ่อเต็มหน่วยตาด้วยความสะเทือนใจกับอนาคตที่เลือกไม่ได้ เธอถอดเกาะอกและกางเกงลูกไม้ออกแล้วพับคืนทางร้านวางไว้ในตะกร้า ก่อนจะหยิบเดรสสีแดงออกจากไม้แขวน จากนั้นก็สวมมันเข้ากับเรือนร่าง แปลกดีที่ไอศูรย์ส่งชุดนี้มาให้เธอพอดีตัวราวกับว่าเขาเคยแอบวัดไว้แล้วอย่างนั้นแหละ
แต่คิดไปคิดมาก็ไม่แปลกหรอก เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอนี่ แถมยังไปหาแม่เธอถึงบ้าน และโกหกท่านสารพัดว่าเขากับเธอแอบคบหากันมานานแล้ว แต่เธอยังเด็กเลยไม่กล้าบอกแม่ ซ้ำยังบอกแม่ด้วยว่าเขาเป็นคุณพ่ออุปถัมภ์ของเธอ ทว่าเธอไม่รู้ เขากะจะเซอร์ไพรส์เธอคืนนี้พร้อมขอเธอแต่งงาน ขอให้แม่เก็บเรื่องที่เขาแอบมาสู่ขอเป็นความลับไว้ก่อน
แม่เชื่อเขา เชื่อหมดหัวใจ!
เขาเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟังในรถตอนพาเธอมาที่นี่ ดูท่าทางภูมิอกภูมิใจนักหนา
ฮึ! คนขี้โกหก! ปลิ้นปล้อน! จอมบงการ!
“เสร็จหรือยัง”
ยาหยีสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงทุ้มห้าวของคนที่เธอกำลังนินทาในใจดังเข้ามาก่อนตัว เมื่อเงยหน้ามองกระจกจึงเห็นว่าไอศูรย์กำลังเดินเข้ามาในห้องลองชุดและดึงม่านปิดพอดี
ดูสิ เธอกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าแท้ๆ พรวดพราดเข้ามาไม่ส่งเสียงบอกก่อน นอกจากนิสัยเสียแล้วยังไม่มีมารยาทอีกด้วย!
หญิงสาวหันกลับไปเผชิญหน้ากับเขา แม้ในใจจะยังเคืองขุ่น แต่สองมือก็ลูบกระโปรงด้วยความประหม่า ก่อนจะเพิ่งนึกได้ว่าเธอยังไม่ได้รูดซิปที่ด้านหลังของชุด แต่ไอศูรย์เห็นก่อนผ่านกระจก เขาจึงจับตัวเธอหมุนให้หันหน้าเข้าหากระจกบานใหญ่ แล้วค่อยๆ รูดซิปจากเอวบางขึ้นไปตามแผ่นหลังนวลช้าๆ
ยิ่งเขาทำให้ช้าเท่าไร ยาหยีก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนหัวใจจะปริระเบิดเท่านั้น
บ้าจัง! ทั้งที่เธอไม่เต็มใจจะแต่งงานกับเขา แต่ไม่รู้ทำไมเวลาเขาเข้ามาใกล้ทีไร มันเหมือนถูกสูบลมหายใจหมดไปจากปอดทุกที