หนึ่งเดือนผ่านไป…
หนึ่งเดือนผ่านไป…
หวังซูเหยาเขียนจดหมายส่งไปให้ท่านแม่ทัพเสมอแม้ว่านานๆ ทีเขาจะเขียนตอบกลับมาบ้าง เพียงแค่นี้นางเองก็รู้สึกดีใจมากแล้ว
สองขาเรียวเล็กเดินเข้าไปในห้องครัว ถกแขนเสื้อขึ้นเริ่มเตรียมอาหาร เพียงอยากลองทำเกี๊ยวดูบ้าง ก่อนจะนำกระดูกที่ล้างจนสะอาดแล้วไปใส่ไว้ในหม้อด้านใน เคี่ยวด้วยไฟแรง วางแป้งที่นวดเสร็จแล้วไว้ในถาดไม้เพื่อพักแป้ง เด็ดต้นหอมสดใหม่กำใหญ่มาจากสวนหลังจวนที่ปลูกเอาไว้หั่นเป็นชิ้นเล็กทั้งหมด
“ฮูหยินเจ้าคะให้บ่าวช่วยทำเถิดเจ้าค่ะ” สีหน้าร้อนรนของบ่าวรับใช้เมื่อผู้เป็นนายกำลังจะทำการล้างเนื้อหมู มันอาจดูสกปรกได้หากผู้เป็นนายเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง
“ไม่เป็นไรข้าจัดการเองได้ เจ้าออกไปรอข้าข้างนอกประเดี๋ยวข้าจะให้พวกเจ้าช่วยลองชิมเสียหน่อย”
“เอ่อ…เจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้ทั้งหมดเดินออกมาก่อนที่พ่อบ้านเฉินจะแอบมองฮูหยินที่หน้าประตู ตั้งแต่ท่านแม่ทัพออกเดินทางไปก็ปาไปหนึ่งเดือนได้แล้ว ฮูหยินเอาแต่ทำอาหารอยู่ในครัวบางครั้งก็ปลูกดอกไม้แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือเขาบังเอิญไปเห็นฮูหยินท่านนั่งเหม่อลอยอยู่หลายครา พวกบ่าวอย่างเราก็มิรู้ว่าจะช่วยได้อย่างไร ประเดี๋ยวจะหาว่าสอดรู้สอดเห็นเรื่องเจ้านายได้ เฮ้อ!
หวังซูเหยารู้สึกเหมือนมีคนเอ่ยถึงนาง ก่อนจะไม่สนใจจัดการล้างเนื้อหมูจนสะอาด ตัดแบ่งมาประมาณสามจินไขมันสามส่วนเนื้อแดงเจ็ดส่วน สับจนละเอียดทั้งหมด จากนั้นจึงใส่ต้นหอมแล้วจึงสับต่อ ใส่เนื้อหมูที่สับจนละเอียดไว้ในชามใหญ่ ตอกไข่ไก่สองฟองคนให้เข้ากับหมูสับเช่นนี้เนื้อหมูที่ต้มสุกแล้วจะนุ่มลื่นยิ่งกว่าเดิม
หลังจากเตรียมหมูสับเสร็จ จึงเติมเกลือและซีอิ๊วเพื่อปรุงแต่งรสชาติ เวลานี้ก็พักแป้งเสร็จแล้ว ยืดแป้งเป็นเส้นยาวหั่นแบ่งเป็นชิ้นๆ ใช้กระบอกไม้ไผ่ท่อนหนึ่งที่มีความหนาพอเหมาะซึ่งสั่งให้บ่าวรับใช้ตัดมาก่อนหน้านี้ หลังจากนำกระบอกไผ่ไปต้มในน้ำจนเดือดขัดจนเรียบ เวลานี้นำมา ใช้เป็นไม้รีดแป้ง ถือว่าเหมาะมือมากทีเดียว
มือเรียวเล็กค่อยๆ รีดแป้งจนเป็นแผ่นบางไส้เนื้อหมูทั้งหอมทั้งสดใหม่ หวังซูเหยาตระเตรียมอย่างคล่องแคล่ว ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็ห่อเกี๊ยวเสร็จยี่สิบกว่าตัวแล้ว
ตักน้ำเย็นสองกระบวยใส่ในหม้อ ปิดฝาหม้อไฟก็ถูกจุดจนโหมไหม้แล้ว รอน้ำเดือนก่อนที่จะใส่เกี๊ยวลงไปในหม้อ
ไม่นานเกี๊ยวก็ลอยขึ้นมาก่อนมือเล็กจะตักใส่ถ้วย พร้อมเอ่ยเรียกบ่าวให้มาช่วยถือออกไป
“ลองชิมดูสิข้าเพิ่งลองทำครั้งแรกน่ะมิรู้ว่ารสชาติมันจะเป็นเช่นไร” ท่าทางของฮูหยินทำเอาบ่าวรับใช้ต่างก็ยิ้มออกมา ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบเกี๊ยวขึ้นมากัดหนึ่งคำ
“เป็นอย่างไรบ้าง”
บ่าวรับใช้ทั้งหลายต่างพากันมองหน้ากันเมื่อได้ลองชิมเกี๊ยวที่ฮูหยินเป็นคนทำก็พากันกัดอีกคำพร้อมเอ่ยบอกว่า
“อร่อยมากเจ้าค่ะ!”
“จริงๆเจ้าค่ะอร่อยกว่าท่านแม่ของบ่าวทำเสียอีก”
“อื้อ อร่อยจริงๆ ขอรับ” พ่อบ้านเฉินเอ่ยชมขึ้นอีกเสียงทำเอาหวังซูเหยาอมยิ้มเบาๆ นางไม่มีญาติที่ไหนท่านพ่อท่านแม่ก็จากไปแล้วมีแต่บ่าวรับใช้ที่นี่และท่านพ่อท่านแม่ของเขาเท่านั้นที่รู้สึกว่าอุ่นใจนางคิดว่าเหมือนเป็นที่พักพิงหนึ่งเดียวจริงๆ
ทางด้านของแม่ทัพหานสือเสวี่ยน
อากาศโดยรอบเริ่มเย็นลงอย่างฉับพลัน ไอหม่นเทาสีจางลอยคลุ้งขึ้นมาจากผืนดินสภาพอากาศวันนี้ช่างเอื้อประโยชน์ต่อการเสียเลือดเนื้อ
เสียงต่อสู้กันอย่างดุเดือดโดยที่ไม่มีใครยอมใคร ซ้ายขวาเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!!!!
เสียงดาบที่ฟันลงบนคอของหมาป่าก่อนที่จะเริ่มอีกครั้ง
ฉึก เคร้ง เคร้ง!!!
''ตัดหัวของพวกมันถึงจะฆ่ามันได้'' เสียงทุ้มเอ่ยตะโกนดังขึ้นมาก่อนที่จะต่อสู้อีกครั้ง
“ขอรับ!!!”
“บ้าเอ๊ย! มันไปตามพวกมาด้วยพวกเจ้าระวังตัวไว้ให้ดี!” ไม่คิดว่าไอ้พวกเผ่าโจรพวกนี้จะเลี้ยงหมาป่าเอาไว้
บรู้ววว เคร้ง!!! เคร้งง!! ฉึก!!
“ท่านแม่ทัพข้างหลังขอรับ!” หานสือเสวี่ยนรีบเหวี่ยงตัวเองหลบไปอีกฝั่งก่อนจะฟันเข้าที่คอของหมาป่าทันที
นัยน์ตาคู่คมมองไปอีกฝั่งตกข้ามที่เหลือเพียงไม่กี่คน ส่วนหมาป่าจัดการหมดแล้ว
“จัดการพวกมันให้หมดสิ้นอย่าให้เหลือรอดไปได้สักคนเดียว!”
เสียงกระบี่ดังขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเสียงโหยหวนร้องขอชีวิต ไม่นานก็หยุดลง
แม่ทัพหานสือเสวี่ยนมองกระบี่ในมือที่เต็มไปด้วยเลือดก่อนจะมองไปที่หยกสีฟ้าอ่อนที่ผูกกระบี่เอาไว้แววตาแฝงไปด้วยความนิ่งเงียบคาดเดาอารมณ์มิได้
************