จดหมายด่วน
วันต่อมา...
“เป็นไงบ้างจ๊ะบุตรชายสุดที่รักของข้า^^” เสียงใสดังขึ้นมาเมื่อเห็นว่าหานมือเสวี่ยนเดินตรงเข้ามาหาเขา
“ท่านแม่ท่านพ่อท่าน…” เมื่อชายหนุ่มกำลังเอ่ยออกไป คนตัวเล็กที่เดินตามหลังมาติดๆ ได้เอ่ยทักหานหนิงและหานเฉิน
“สวัสดียามเช้าเจ้าค่ะ”
“ชูเหยา! มาเถิดข้าทำอาหารไว้ให้เจ้ามากมาย ทานกันก่อนค่อยเดินทางกลับกันนะ”
หวังชูเหยาพยักหน้า ถึงเวลาที่จะต้องเดินทางกลับกันแล้วเพราะมีจดหมายด่วนส่งตรงมาให้หานสือเสวี่ยนว่าให้รีบกลับไป นางก็มิรู้เนื้อหาข้างในจดหมายและก็มิอยากจะเอ่ยถามออกไปหากมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนางเขาคงจะเอ่ยปากบอกเอง
“ทานเยอะๆ จ้ะ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
ยามซื่อ **= คือ 09.00 – 10.59 น.
“ข้าไปก่อนนะขอรับไว้จะกลับมาเยี่ยมพวกท่านใหม่” เข้าไปสวมกอดคนเป็นแม่ก่อนจะผละตัวออกไปสวมกอดผู้เป็นพ่อ
“ท่านวางยาข้า!”
หานเฉินได้ยินบุตรชายเอ่ยเช่นนี้ก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“นั้นมันคือแผนของแม่เจ้า มิใช่ข้าเสียหน่อย” หานสือเสวี่ยนจ้องเขม่งพร้อมเดินขึ้นรถม้าทันที
“ข้ากลับก่อนนะเจ้าคะ” หวังซูเหยาเอ่ยลาท่านทั้งสองก่อนจะขึ้นรถม้าตามหลังไป
“ขับรถม้าดีๆ หน่อยล่ะ” หานหนิงเอ่ยบอกคนขับรถม้า
“ขอรับ!”
กระทั่งรถม้าค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปจนมองไม่เห็น ชายหญิงผู้เฒ่ามองหน้ากันด้วยรอยยิ้มกว้าง
“สงสัยแผนพวกเราสองคนสำเร็จ^^”
“อื้อ แต่นี้ก็นับว่าดีมากแล้วล่ะสำหรับพวกเขาทั้งสองคน”
เมื่อกลับมาถึงชายหนุ่มรีบมาส่งนางและขึ้นรถม้าออกไปยังพระราชวัง เพราะเนื้อหาจดหมายที่ส่งด่วนมาให้เขานั้นคือองค์ฮ่องเต้นั้นเอง
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ”
“เงยหน้าขึ้นเถิด ข้าต้องขอโทษที่เอ่ยเรียกเจ้ากลับมาเช่นนี้เพราะมันเป็นเหตุด่วนจริงๆ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน เมื่อไม่นานมานี้มีข้าศึกบุกรุกรานและพวกเผ่าโจรเร่ร่อนออกอาละวาดทำร้ายชาวบ้าน ข้าจึงอยากให้เจ้าไปประจำอยู่ที่นั่นสักระยะ” หานสือเสวี่ยนได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเข้าใจ อย่างไรซะเขาก็เป็นถึงแม่ทัพและนี่คืองานของเขา
“ขอบคุณที่เจ้าเข้าใจเช่นนั้นอีกสามเดือนเจ้าเตรียมตัวเถิด”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”
ชายหนุ่มเดินขึ้นรถม้าตรงกลับจวนทันที ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดยามนี้เขาถึงได้นึกถึงใบหน้าของนางกันนะ
หลายวันต่อมา
ไม่นานหลังจากนั้นก็มีข่าวว่าเมืองทางเหนือมีข้าศึก รุกรานและเผ่าปีศาจออกอาละวาด แม่ทัพหานสือเสวี่ยนจึงต้องรีบกลับไปประจำการที่ชายแดนอีกครั้ง
หวังซูเหยาที่ได้รับข่าวเช่นนี้ก็รู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก เพิ่งจะได้อยู่ด้วยกันไม่นานเขาจะต้องกลับไปอีกแล้วแม้ว่าเขาจะไม่ชอบนางเหมือนเดิมก็เถอะ แต่เมื่อนึกย้อนไปในวันนั้นที่เราสองคนใช้ค่ำคืนร่วมกันสำหรับนางมันน่าจดจำมิน้อยแม้ว่าจะถูกยากำหนัดก็ตาม
.
.
.
หวังซูเหยานางได้ทานอาหารเสร็จแล้วเลยขอตัวลุกออกไปก่อน แต่พอนางลุกขึ้นเขาก็เดินตามนางออกมา
“เอ่อท่านแม่ทัพมีเรื่องอันใดกับข้าหรือเปล่าเจ้าคะ?”
“เปล่านี่” เอ่ยพร้อมกับทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ ทำให้หญิงสาวนั้นรู้สึกแปลกใจที่จู่ๆ เหตุใดเขาถึงเป็นเช่นนี้ จึงได้รีบก้าวเท้าเดินตรงไปที่แปลงสวนดอกไม้
“ว้าว เริ่มออกดอกแล้ว” หญิงสาวดีใจจนเห็นได้ชัดทำให้ชายหนุ่มนั้นพลอยยิ้มให้กับการกระทำของนางแล้วมองลงไปที่ดอกไม้สีฟ้าที่เขานั้นไม่ค่อยคุ้นตายิ่งนัก
“อะแฮ่ม! มันคือดอกไม้อะไรงั้นหรือ”
หวังซูเหยาที่ได้เห็นใบหน้าชายหนุ่มในยามนี้สนอกสนใจดอกไม้ของนางก็อมยิ้มออกมา
“ดอกไม้ชนิดนี้เรียกว่าดอกเทียนหลันฮวาเจ้าค่ะ”
“ดอกเทียนหลันฮวางั้นรึ ข้าพึ่งจะเคยได้ยินชื่อเป็นครั้งแรก”
“มันมาจากต่างแดนเจ้าค่ะ” แม่ทัพหานพยักหน้าเข้าใจ เขาพึ่งเคยเห็นมันเป็นครั้งแรกก็เลยอดที่จะสนใจมิได้
“แล้วความหมายของมันคืออะไรงั้นรึ?”
ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาวออกไปก่อนที่นางจะเงียบสักพักแล้วจึงเอ่ยมันออกมา
“ได้โปรดอย่าลืมข้า...” ก่อนที่นางจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองเขา แต่ต้องชะงักเพราะว่าในยามนี้เขาเองก็มองนางก่อนอยู่แล้ว
“ความหมายของมันเจ้าค่ะ”
แม่ทัพหานสือเสวี่ยนพยักหน้าเข้าใจ พลางสบสายตาคู่สวยที่มองมาที่เขา ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงหลบสายตานางเช่นนี้เหมือนกัน
กระทั่งได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง “เตรียมรถม้าพร้อมแล้วขอรับ”
“ไปกันเถิด”
“ไปไหนหรือเจ้าคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามออกมาด้วยความงุนงง นี่เขากำลังจะชวนนางอยู่งั้นหรือ?!
หานสือเสวี่ยนไม่ตอบเพียงแต่เดินนำหน้าออกไป หวังซูเหยาที่มิรู้ว่าควรจะเดินตามเขาไปหรือไม่ก่อนพ่อบ้านเฉินจะกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“เชิญฮูหยินขอรับ”
**********
ไรท์คิดว่าแม่ทัพเริ่มมีกลิ่นแปลกๆๆๆๆๆๆ