กรวิกายิ้มมองดูคนที่ทำเป็นเดินอวดทรวดทรงอยู่บริเวณสระว่ายน้ำของคอนโดมีเนียม ซึ่งปยุดามักชอบชวนมาในยามเช้า เพราะผู้คนมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่ต้องเตรียมตัวออกไปทำงานกัน จะมีมากหน่อยในช่วงหัวค่ำ สองสาวจึงมักเลือกใช้เวลาในยามเช้าออกกำลังกาย ด้วยการว่ายน้ำเกือบทุกวัน กรวิกาเอื้อมไปหยิบหนังสือที่ถือติดมือมา เมื่อรู้ว่ากำลังถูกยั่วอยู่เลยทำทีเป็นสนใจหนังสือที่อยู่ตรงหน้าเสียมากกว่า
“ลุกเลย ไม่ว่ายน้ำแล้ว” ปยุดาพูดด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดฉุดดึงกรวิกาจนต้องคว้าของและตามกลับขึ้นห้องพักไป
“เป็นอะไร ลงไปแล้วก็ไม่ว่ายน้ำ” กรวิกาถามมองดูคนที่ทำหน้าบึ้งตึงอยู่
“เดี๋ยวนี้ไม่มองเค้าแล้วนะ หยิบหนังสือมาอ่านเฉยเลยเบื่อเค้าแล้ว อะดิ” ปยุดาบ่นพึมพำ กรวิกาแอบยิ้มและพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้
“เออเนอะ สงสัยไม่รู้ตัว” กรวิกาพูดขึ้นล้มตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มๆ
“นิสัย โกรธแล้วนะ” ปยุดาบ่นพึมพำมองดูคนที่นอนยิ้มอยู่
“โกรธจริงดิ เสียใจจัง ใครจะกอดกรล่ะทีนี้” กรวิกานอนอมยิ้มจนทำให้ปยุดารู้สึกหมั่นเขี้ยว
“ถามจริง เบื่อจริงปะเนี่ย” ปยุดาเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วล้มตัวลงนอนทาบทับบนตัวของกรวิกาที่อมยิ้มมองดูคนที่ทำหน้าจ๋อยๆ อยู่
“น่าจะจริง” กรวิกาพูดยิ้มๆ แต่กอดกระชับปยุดาเอาไว้
“แล้วกอดเค้าทำไม เบื่อก็อย่ากอดดิ” ปยุดาบ่นงึมงำ
“เบื่อลงไปว่ายน้ำ หวงแฟน” กรวิกาหัวเราะ
“ไอ้บ้า หวงอะไรล่ะ มีใครที่ไหน ตัวยังไม่มองเค้าเลย” ปยุดาพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ
“อยู่ข้างล่างกอดไม่ได้นี่” กรวิกายิ้มและทำยักคิ้วล้อ
“แกล้งเค้า ใช่เปล่า” ปยุดาถาม
“งอแงน่ารักดีนะ” กรวิกาหัวเราะคิกคัก
“ชอบแกล้ง นิสัยไม่ดี อุตส่าห์ยั่วแทบแย่ หยิบหนังสือมาอ่านเฉยเลย” ปยุดาแสร้งทำหน้าดุอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ยิ้ม เริ่มจูบอย่าง
อ่อนหวาน
“วัยทองหรือเปล่า เพิ่งดุอยู่แป๊บๆ มาจูบแล้วน่ะ”
“ตาสวย มองทีไรใจอ่อนทุกทีเลย” ปยุดาอมยิ้มและจูบเล็กๆ ไปที่จมูกของกรวิกา
“โดนปิ้งๆ เข้าไป รักเลย” กรวิกาหัวเราะ
“ไม่ต้องปิ้งแล้ว รักแล้วรักเลย ไม่เลิก ไม่เบื่อ แต่ยุ่งยิ่งได้ใช่เปล่า”
“ยุ่งยิ่ง ยุกยิกได้ตลอดแหละ เราน่ะ แม่จอมยุ่ง” กรวิกาหมั่นเขี้ยวจึงแกล้งจูบปยุดาแรงๆ
“ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ เห็นนิ่งๆ แต่อยู่ใกล้ๆ ทีไรรักมากขึ้นเรื่อยๆ เลย แอบทำเสน่ห์ใส่เค้าหรือเปล่าเนี่ย” ปยุดาหัวเราะ
คิกคัก
“พรมๆ ตอนหลับ” กรวิกาหัวเราะ
“เหมือนโดนอาบมากกว่า ขอบคุณนะที่ไม่เบื่อ ไม่รำคาญ”
“ยุ่งน่ารัก ทำไมถึงคิดว่า จะเบื่อ หรือรำคาญล่ะ” กรวิกาถาม
“ไม่รู้ เค้าไม่เคยเป็นแบบนี้กับคนอื่นนี่ ขี้อ้อน ง้องแง้ง เคยเป็นที่ไหนล่ะ ตัวนั่นแหละ ทำให้เค้าเป็น” ปยุดายิ้มอายๆ
“เป็นแบบที่เป็นนั่นแหละ กรรักแบบที่ยายจอมยุ่งเป็น เราเข้าใจตรงกันใช่ไหม” กรวิกาถามและเริ่มจูบอย่างอ่อนหวาน กว่าจะรู้ตัวท่อนบนของปยุดาก็ไม่มีอาภรณ์ติดกายแล้ว
“มือไวนักนะ เดี๋ยวนี้น่ะ” ปยุดาหัวเราะหึๆ
“ช่วยถอดให้ จะได้ไปอาบน้ำ จะพากรไปกราบคุณทวดไม่ใช่หรือ”
“คุณทวดดุนะ กลัวหรือเปล่า” ปยุดาถาม
“รักเหลนท่านและจะดูแลเป็นอย่างดี ท่านคงไม่ดุกรหรอก”
“ปากดีนักนะ ถามจริงๆ ไม่ทำอะไรก่อนไล่เค้าไปอาบน้ำเหรอ”
“ถ้าทำอะไร จะไม่ได้ไปนะ” สองสาวหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ปยุดาจูบกรวิกาอีกครั้งก่อนที่จะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปทั้งที่ท่อนบนไม่มี
อาภรณ์ติดกาย
“แม่จอมยุ่ง ช่างยั่วเอ๊ย” กรวิกายิ้มลุกไปจัดเตรียมเสื้อผ้าทั้งของตัวเองและปยุดา
กรวิกาก้มลงกราบคุณยายทวดของปยุดา ซึ่งเหลนของท่านเองได้ก้มลงกราบด้วยเช่นกัน จามรีเคยเล่าว่า ท่านอายุเกือบจะ
ครบหนึ่งร้อยปีแต่ลูกหลานกลับรู้สึกว่าน่าจะสักเจ็ดสิบ เพราะยังพูดคุยกับลูกหลานได้อย่างดีและมีความสุขกับชีวิตประจำวันที่มีลูกๆ หลานๆ ผลัดเปลี่ยนกันมาเยี่ยมเยียน กรวิกายิ้มๆ ให้กับท่านเมื่อท่านทำท่าเขกหัวคนที่เป็นเหลน ซึ่งนั่งยิ้ม
แป้นพับเพียบเรียบร้อยอยู่ใกล้ๆ
“ว่าอย่างไรแม่ยุ่งวุ่นวาย” คุณยายทวดถามเหลน กรวิกาอมยิ้มกับ ความน่ารักของคุณยายทวดซึ่งดูท่าทางใจดี
“ยุ่งเฉยๆ ค่ะ ไม่วุ่นวายโตแล้ว คุณทวดจำคนผิดหรือเปล่า” ปยุดาพูดแหย่และขยับเข้าไปสวมกอดท่านเอาไว้
“ไม่วุ่นวายจริงหรือ ไอ้ที่แม่เรามาเล่าน่ะ วุ่นวายจนเจ็บเนื้อเจ็บตัวนอนโรงพยาบาลไม่ใช่หรือ”
“หายดีแล้วค่ะ เอาเหลนมาฝากอีกคนด้วย” ปยุดาขยับให้กรวิกา เข้ามานั่งแทนที่และจับมือกรวิกาเอาไว้
“เหมาะกันแล้ว ไอ้คนหนึ่งก็วุ่นวาย อีกคนก็นิ่งเป็นน้ำเย็น”
“ไม่เย็นนะคะ คุณทวด” ปยุดาอมยิ้ม
“ที่รักน่ะ ไม่ใช่เพราะเย็นหรอกหรือ” คุณยายทวดหันไปถาม
“รักนิดหนึ่งค่ะ” ปยุดายิ้ม
“พาคุณแม่กลับมาอยู่ด้วยเสียที่นี่ คุณแม่ไม่ได้ชอบหนาวๆ หรอกนะลูก ไม่ดีกับสุขภาพนะ” กรวิกาแปลกใจหรือว่าปยุดาเคยมา
เล่าเรื่องของมารดาให้คุณยายทวดฟัง
“ยุ่ง” กรวิกาหันมาคล้ายมีคำถาม แต่ปยุดาส่ายหน้าปฏิเสธ
“เค้าเปล่า คุณทวดรู้เอง รู้ทุกเรื่องเลย ยิ่งกับคนที่มาเป็นหลานเป็นเหลนอย่างตัวด้วย” ปยุดายิ้มๆ ให้กับคุณยายทวดที่กำลังยิ้ม
ให้เช่นกัน
“ถ้าแม่กลับมา กรจะพามากราบนะคะ” กรวิกาก้มลงกราบท่าน
“พามาผูกข้อไม้ข้อมือ จะได้หายเจ็บหายป่วย”
“เป็นหมออีกต่างหาก” ปยุดาพูดแหย่คุณยายทวดของตัวเอง
“วุ่นวายกับฉันอีกแล้ว อยากคุยกับเหลนอย่ามาวุ่นวาย” กรวิกายิ้ม แต่จามรีหัวเราะลั่น
“ตกกระป๋อง” จามรียื่นหน้ายื่นตาพูดแหย่ปยุดา
“ไอ้จุ้น เดี๋ยวจะโดน” ปยุดาพูดเสียงเข้ม
“เห็นว่าวาดรูปเก่งไม่ใช่หรือ” คุณยายทวดถาม
“พอวาดได้ค่ะ ไว้จะมาขอวาดรูปคุณทวดนะคะ” กรวิกาพูดยิ้มๆ ถึงแม้ด้วยวัยจะล่วงเลยมาเนิ่นนาน แต่โครงหน้าถือได้ว่า สวย
อยู่มากหากเป็นเมื่อสมัยสาวๆ น่าจะสวยกว่าเหลนๆ เสียอีก
“ฉันมีคนวาดให้แล้ว รออยู่”
“มีศิลปินส่วนตัวเสียด้วย ใครกันคะ” ปยุดาถาม
“ยังไม่รู้จัก รอพามา” ปยุดาได้ยินหันไปมองสบตากับจามรี ซึ่งยิ้มและส่ายหน้า แต่ทั้งสองสาวไม่ค่อยแปลกใจนัก เพราะคุณ
ยายทวดบางทีคล้ายรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า อย่างเช่นเรื่องมารดาของกรวิกา ซึ่งปยุดายังไม่เคยบอกเล่าอะไรเลยสักนิด แต่ท่านกลับรู้ว่า
ป่วยอยู่และอยากให้พากลับ มาอยู่เมืองไทย
“ปริศนามาอีกแล้ว” ปยุดาหัวเราะ
“ยุ่งก็ชอบพูดแหย่ท่าน” กรวิกาพูดดุ
“รักไปได้อย่างไร ยุ่งวุ่นวายไปเสียทุกเรื่อง ตอนเด็กๆ มาวิ่งวุ่นให้ดุอยู่บ่อยๆ ว่าเข้าก็ช่างต่อปากต่อคำ ฉลาดแกมโกง” กรวิกา
หัวเราะ แต่ต้องหยุดเพราะถูกหยิกเข้าที่แขน
“ดีนะ ผูกข้อไม้ข้อมือกันแล้ว เปลี่ยนใจไม่ได้แล้วนะ” ปยุดากระซิบบอกและแอบหอมแก้มกรวิกาต่อหน้าคุณยายทวด
“เอ๊าของขวัญแต่งงานเอาไปเก็บไว้ จะได้งอกเงยมั่งมีไม่ลำบาก”
“จุ้นแต่งจะได้เป็นหีบบ้างไหมคะ คุณทวด” จามรีถามขณะไปยกกล่องคล้ายหีบเล็กๆ ซึ่งแกล้งพูดเสียเหมือนว่าเป็นหีบใหญ่โต
“ไอ้คนนี้ก็งกเสียเหลือเกิน จีบยังไม่มีปัญญาเลย” ปยุดาอมยิ้มยักคิ้วล้อจามรีที่ทำหน้าจ๋อยไปทันที
“พูดซะเป็นลางเลย คุณทวดก็” จามรีพูดเสียงอ่อยๆ
ในหีบใบเล็กๆ มีเงินโบราณหลากหลายมีทั้งแบบที่เป็นเหรียญและธนบัตร กรวิกาหันมายิ้มให้ปยุดา ซึ่งพยักหน้าและให้เป็นคนรับไว้กับมือ คนที่รับเอาไว้แปลกใจที่ทำไมรับมาแล้วรู้สึกหนัก แต่คุณยายทวดยกเหมือนเบา มองดูในหีบใบเล็กนั้นไม่ได้มีอะไรมากมายนักมีเพียงธนบัตรกับเหรียญแต่ทำไมน้ำหนักถึงได้มากมาย ปยุดายิ้มน้อยๆ มองดูกรวิกาที่ท่าทางคงจะแปลกใจ จะว่าไปคุณยายทวดของเธอนั้นมีเรื่องให้แปลกใจอยู่เสมอ แม้แต่เรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ท่านยังรู้ก่อนทั้งๆ ที่ไม่มีใครกล้าบอก เพราะปยุดากับจามรีถือเป็นเหลนสองคนที่ท่านรักมาก อาจจะเพราะวุ่นวายและแสนซนกันทั้งคู่ แต่ยอมที่จะนั่งพับเพียบเรียบร้อยพูดคุยกับท่านมาตั้งแต่ยังเยาว์ถึงขั้นเรียกเพียงคำเดียว สองสาวจะมานั่งพับเพียบแต้อยู่ตรงหน้าอย่างว่องไว
“ห้ามเป่ากระหม่อมนะคะ คุณทวด” ปยุดาพูดดักทาง
“ทำไมล่ะ” กรวิกาหันมาถาม
“เค้าขี้หวง คุณทวดเป่ากระหม่อมล่ะก็เป็นเมตตาเลยนะ คนจะรักและเอ็นดูมาก” ปยุดาพูดเสียงอ่อยๆ และส่ายหน้า กรวิกายิ้มๆ
“จริงหรือคะ คุณทวด” กรวิกาถามท่านซึ่งยิ้มๆ ส่ายหน้ากับเหลนที่ฉลาดรีบพูดดักทางเอาไวก่อน
“คงไม่ต้องเป่า เห็นก็รักเลยไม่ใช่หรือเรา” คุณยายทวดถามปยุดา
“ตาสวยมากค่ะ” ปยุดายิ้มน้อยๆ กับคนที่หันมามองสบตาแล้วยิ้ม
“เหลนรักสองคน ไม่ได้เขยมาสักคน” คุณยายทวดพูดคล้ายบ่น
“จอจุ้นไงคะ คุณทวด หนุ่มตอมกันซะ” ปยุดาพูดแหย่คนที่ทำหน้างอนั่งจ้องมองอยู่
“เหลนเขย จริงหรือ” คุณยายทวดหันไปถามจามรีที่รีบบีบนวดที่ขาให้ทันที
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” จามรีพูดเสียงอ่อยๆ ทำเอาปยุดาหันไปมองสบตากับกรวิกา เพราะปกติจามรีจะค่อนข้างตอบชัดเจน โดย
เฉพาะกับผู้ใหญ่แต่ครั้งนี้แปลก คุณยายทวดถามแปลกๆ เหมือนรู้อะไร
“ต้องโดนซักฟอก” ปยุดาพูดเสียงเข้ม
“ทำบุญด้วยกันต่อไปนะ เราสองคน จะได้อยู่เย็นเป็นสุข” ปยุดาหันมายิ้มและจับมือกรวิกาเอาไว้อีกครั้ง
“ถ้าอยู่เมืองไทยคงได้ทำบ่อยๆ ค่ะ” กรวิกาบอก
“อยู่เสียที่บ้านเรา ชื่อเสียงก็มีจะไปอยู่ทำไมที่โน่น” ปยุดายิ้มน้อยๆ มองสบตากับจามรีที่คงรู้สึกคล้ายกัน เพราะคุณยายทวด
พูดหลายครั้งเรื่องอยากให้กรวิกาอยู่เมืองไทย
“ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ถามตรงๆ เลยนะ อยากอยู่เมืองไทยหรืออยากไปอยู่ที่โน่น” ปยุดาถามกรวิกา
“กรเป็นห่วงแม่” กรวิกาบอก ปยุดาจึงพยักหน้าเพราะพอจะทราบคำตอบซึ่งคงเป็นอย่างที่คุณยายทวดพูดว่า อยากให้อยู่เมือง
ไทย
“ถ้าอย่างนั้นไปคราวหน้า ถามแม่ดูดีกว่าเนอะ” ปยุดายิ้ม
“แล้วงานของยุ่งล่ะ” กรวิกาถาม
“สามเดือนไปทีก็ได้ หรือให้ไอ้คนหาแฟนไม่ได้แถวนี้ไปทำแทน”
“ไม่เอา ไม่ชอบเมืองหนาว ถูกส่งไปเรียนก็งอแงจะแย่ ยังจะให้ไปอยู่นานๆ อีก เริ่มเองทำเองเลย” จามรีบ่นพึมพำ
“จุ้นก็งอแงหรือ” กรวิกาถาม
“ต้องมีบ้างสิ งอแง ขี้อ้อนน้อยกว่าคนนี้หน่อยหนึ่ง” จามรียิ้ม
“ถ้าขนาดคนนี้ ไม่ไหวนะ” กรวิกาหัวเราะ
“ทำไมเบื่อล่ะสิ” จามรีถาม
“ถ้าขี้อ้อน งอแงแบบยุ่ง จุ้นคงหาแฟนไม่ยาก” ปยุดายิ้มแป้นเมื่อได้รับคำชมยักคิ้วหลิ่วตาให้กับจามรีที่ส่ายหน้ากับความ
ทะเล้น
“แรกรัก น้ำต้มผักยังว่าหวาน เชอะ” จามรียิ้ม
“ทะเลาะกันเป็นเด็กๆ เลย ไอ้พวกนี้” คุณยายทวดพูดบ่นและชวนกรวิกาพูดคุยถามเรื่องภาพเขียน รวมถึงสนนราคา ปยุดารู้สึก
สบายใจที่ญาติผู้ใหญ่เอ็นดูกรวิกาเหมือนดั่งลูกหลาน พอเริ่มพูดคุยลืมไปเลยว่า ยังมีเหลนนั่งยิ้มฟังอยู่ด้วยอีกสองคน จามรียิ้มให้กับ
ปยุดารู้สึกสุขใจไปกับคนที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ปยุดาเป็นคนดีและน่ารักเสมอมา ถึงแม้จะพูดต่อปากต่อคำคล้ายชวนทะเลาะกันอยู่
เสมอ แต่ยามที่มีปัญหาไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว ปยุดาจะรับรู้ได้อาจจะเป็นเพราะสืบสายมากจากคุณยายทวดที่ถือได้ว่าเป็น
ผู้หยั่งรู้
“ยังได้ยินเสียงแว่วๆ อยู่อีกหรือไม่” คุณยายทวดถามกรวิกา
“ไม่ได้ยินแล้วค่ะ ยุ่งคุยเก่งและส่วนใหญ่อยู่ด้วยกันค่ะ เสียงที่เคยได้ยินเลยหายไป สงสัยเพราะกรต้องมาฟังยุ่งคุยแทนค่ะ คุณ
ทวด” กรวิกาทำให้ท่านหัวเราะออกมา เมื่อเห็นเหลนนั่งหน้ามุ่ย
“ฝากด้วยนะ นิดหน่อยอภัยให้ด้วย เหลนฉันน่ะแสนงอน แต่รักจริงนะ รักเดียวด้วย” คุณยายทวดพูดคล้ายกระซิบกระซาบกับกร
วิกาที่อมยิ้มกับความน่ารักของท่านซึ่งบอกฝากเหลน
“มีกระซิบอีกต่างหาก คุณทวดลำเอียงนะคะ” ปยุดาบ่นพึมพำ
“หรือไม่ฝากดี ช่างหัวมันดีกว่า” กรวิกาหัวเราะกับความน่ารักของคุณยายทวดซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่มีอายุอานามมากที่สุดเท่าที่ปยุ
ดาบอกมา
“สงสารยุ่งเถอะค่ะ กว่าจะได้คนนี้มาแทบแย่เลยนะคะ”
“รู้ก็ดูแลให้ดี อย่าดื้อนัก” คุณยายทวดยิ้มๆ
“คนนี้ชอบให้ดื้อคะ” ปยุดาพูดฟ้อง
“ไปสวดมนต์ดีกว่า เวียนหัว รออีกคนน่าจะเวียนหัวน้อยกว่า”
“ไอ้จุ้น มีแฟนไม่บอกฉันหรือ” ปยุดาทำเสียงเข้มใส่ กรวิกาจึงรับ หน้าที่ช่วยประคองคุณยายทวดเข้าไปส่งในห้องพระ
“บ้าหรือไง”
“อย่าๆ หรือไปแอบชอบใคร คุณทวดพูดเคยผิดไหมล่ะ” ปยุดายัง คงทำเสียงเข้ม
“เอ๊าถ้าแอบชอบ แล้วจะพามาได้ไง นี่ก็ถามแปลกๆ” จามรีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ก็จริงเนอะ พูดเรื่องวาดรูป พูดเรื่องให้พามา น่าจะคล้ายๆ กรนะ” ปยุดายิ้มให้กับกรวิกาที่เพิ่งเดินออกมานั่งลงข้างๆ
“ชอบอาร์ตทิสหรือ จุ้น” กรวิกาถาม
“จะหาให้ไหมล่ะ” จามรีถามยิ้มๆ
“ผิวไม่ขาว ตาโตๆ สวยๆ ดูไทยๆ” กรวิการำพึงออกมา ปยุดาอมยิ้ท่าทางเหลนอีกคนของคุณยายทวดจะติดความแปลกๆ ของท่านมา
“ผู้หญิงนะ ที่ตัวพูดมาน่ะ” ปยุดาถาม
“ผู้หญิง” กรวิกามองสบตากับจามรีที่ส่ายหน้ากับคู่รักที่ดูจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“ไม่เกี่ยวกับจุ้นแล้ว” จามรีบอก
“ไม่นานหรอก ไว้ค่อยมาถามจากคุณทวดก็ได้ ไม่รอดแน่ไอ้จุ้น”
“รอดสิ ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้” จามรีพูดจบก็ลุกหนีออกไปทางด้าน หน้าที่เป็นสนามหญ้า แม่บ้านจัดเตรียมขนมพร้อมเครื่อง
ดื่มไว้ให้เรียบร้อย
“มันดูแปลกๆ เนอะ” ปยุดารำพึงออกมาเบาๆ
“ไปยุ่งวุ่นวายเลยสิคะ ญาติสนิทเลยนะนั่น” กรวิกาหัวเราะ
“ตัวอ๊ะ เค้าไม่ได้ยุ่งวุ่นวายขนาดนั้นนะ เดี๋ยวจะโดน” ปยุดาพูดดุ
“อยากโดนมากๆ เลย ของขวัญยุ่งเก็บไว้เองนะ” กรวิกาส่งหีบเล็กๆ ซึ่งคุณยายทวดให้ไว้ ให้กับปยุดา
“เก็บไว้เองสิ วางไว้หัวเตียงก็ได้ ตัวดูแลเองเลยนะ”
“ดูแลด้วยกันสิ ท่านให้เราสองคนนะ” กรวิกาบอก
“ไม่ต้องเป่ากระหม่อม ยังมีคนเมตตาเยอะไปหมด น่ารักจังเนอะแฟนเค้าน่ะ” ปยุดาหยิกแก้มทั้งสองข้างของกรวิกาด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ไปยุ่งวุ่นวายกับคนเดินหนีไปดีกว่า จุ้นจ้านจะโดนยุ่งไปยุ่งยากในชีวิตล่ะทีนี้” กรวิกาหัวเราะปยุดาที่ยิ้มๆ และรีบเดินตามจามรี
ออกไป