ท่านนายพลยอมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ภรรยาฟังตั้งแต่ต้นจนจบ รวมทั้งเหตุผลที่เขาไม่บอกมาตลอด
“นังคนนี้หรือ...ที่ฉันตามหา” ท่านผู้หญิงตวาดลั่นชี้หน้าอลันดา ก่อนที่จะหันมาจ้องหน้าสามี
“สารเลว!”
เพี้ยะ! เรียวมือของท่านผู้หญิงวัยห้าสิบสะบัดแรง กระแทกหน้าของผู้เป็นสามีอย่างจัง นางเป็นลูกผู้ทรงอิทธิพลในพื้นที่ย่านฝั่งธน เศรษฐีที่ดินนับหมื่นไร่ นายพลพสุทเป็นเพียงลูกน้องของบิดาที่อาศัยความเป็นสามีของนางไต่เต้ามาถึงยศนายพล
แต่ผู้ชายที่นางเป็นคนฉุดขึ้นมาเทียบหน้าชูตากลับทรยศมาได้หลายปี ซ้ำยังพาลูกเมียน้อยมาให้นางเลี้ยงดูอุ้มชู จนกลายเป็นหอกข้างแคร่กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาให้นางชอกซ้ำใจ
คชานิ่งงันเหมือนถูกสาป ความจริงที่เขารับรู้ทำให้เขาทำตัวไม่ถูก คนที่เขารักเป็นเลือดเนื้อเดียวกับเขา
ท่านผู้หญิงศจีมาศยืนเหลือบไปเห็นมีดในถาดผลไม้ นางไม่ลังเลสักนิดที่จะยื่นมันให้สามี ถามเสียงหนักเฉียบขาด หันกลับไปมองหญิงสาวที่เคยเลี้ยงดูอุ้มชูด้วยความเกลียดชัง
“คุณจะฆ่ามันเองหรือให้ฉันฆ่ามัน”
“อย่านะคุณแม่” คชาร้องขอมารดา ยกสองมือประคองไหล่ของอลันดาเอาไว้
“อลันดาเป็นลูกนะคุณ” เสียงท่านนายพลสำทับอีกครั้ง
“มันไม่ใช่ลูกของฉัน มันเป็นมารผจญ ทั้งแม่ทั้งมันพรากความรักจากคนที่ฉันรักสองคนไปหมด ฉันเกลียดมัน” ท่านผู้หญิงศจีมาศกรีดร้องเสียงดัง
“คุณฆ่าผมเสียเถอะ ผมเป็นต้นเหตุของทุกอย่าง ทั้งแม่ของอลันดาและอลันดาไม่มีส่วนผิดเลยสักนิด”
“ฆ่าคุณมันง่ายไป คุณต้องปวดร้าวเหมือนอย่างฉัน ฉันจะทำให้คุณมองคนที่คุณรักตายต่อหน้าต่อตา คุณต้องเจ็บปวดมากกว่าฉัน”
ท่านผู้หญิงศจีมาศหันกลับไปจ้องหน้าอลันดาอย่างโกรธแค้น ทุกความรู้สึกของนางแต่หนหลังสาดโครมระรอกแล้วละลอกเล่า สุดท้ายก็กลายเป็นเกลียวคลื่นลูกมหึมา กับบทบาทของคนที่หลงโง่งมมาหลายสิบปี
“แกจะไม่มีวันมีความสุข...นังอลันดา”
คนโกรธเสียสติ ง้างมือสูงจะปักมีดลงที่ตัวอลันดา แต่คชาใช้ตัวรับเอาไว้
มีดแหลมปักกลางอก ท่านผู้หญิงตื่นตระหนกร้องโหยหวนเหมือนคนเสียสติ กับร่างของลูกชายที่ทรุดลงกับพื้น
“ไม่!!! ฉันไม่ได้ทำ” มีดในมือของนางจ้วงแทงอลันดาอีกครั้ง แต่ท่านนายพลคว้าข้อมือเอาไว้ได้ทัน และแย่งมีดมาถือไว้กับตัว
ท่านนายพลง้างมือที่ถือมีดขึ้น มองหน้าภรรยานิ่ง
“คุณพร่ำบอกว่าผมติดค้างคุณ มีทุกอย่างได้เพราะคุณ ชีวิตผมจะมีความสุขต่อไปไม่ได้ถ้าหากผมยังหดหัวอยู่ใต้กระโปรงของคุณ ทนเป็นหุ่นเชิดที่ไม่มีชีวิต ทนปล่อยให้คุณชี้เลี้ยวซ้ายขวาได้อีกต่อไป ผมขอแลกชีวิตกับลูก ปล่อยเธอไป เด็กคนนี้ไม่ผิด”
ท่านนายพลหันมามองหน้าอลันดาด้วยแววตาสำนึกผิด ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเธออยากรู้จักพ่อแม่ที่แท้จริง แต่เขาก็ไม่สามารถปริปากบอกลูกได้
“พ่อขอโทษที่ปกป้องลูกไม่ได้ ขอโทษที่ไม่กล้ายอมรับ ขอโทษที่พรากลูกออกจากอกแม่ ทุกสิ่งที่ผ่านมาพ่อขอชดเชยด้วยชีวิตของพ่อนะ”
“ได้...เชือดเลยสิ! ถ้าอยากให้ฉันไว้ชีวิตมัน” ท่านผู้หญิงร้องบอกอย่างท้าทาย เพราะคิดว่าอย่างไรท่านนายพลก็คงไม่กล้า
“ไม่นะคะ” อลันดาร้องห้าม
มีดคมกริบกรีดเชือดผ่านหลอดลม ความกล้าหาญที่ชายชาติทหารปลิดชีพตัวเอง ก่อนสิ้นลมไม่ลืมทวงคำมั่นสัญญา...
“คุณสัญญาแล้วนะว่าจะไม่ทำอะไรอลันดา เด็กที่คุณเลี้ยงมากับมือ”
“ไม่!!!” หญิงสาวมองคนรักสองคนฟุบจมกองเลือดอย่างหวาดกลัว แตกต่างจากอีกคนที่มองนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ผู้ชายก็โง่เหมือนกันหมด”
ท่านผู้หญิงมองหน้าอลันดาด้วยความแค้น “แกออกจากบ้านฉันไป ฉันจะไว้ชีวิตแกแค่วันนี้ ถ้าเกิดฉันเห็นหล่อนที่ไหนอีก ฉันจะฆ่าแกด้วยมือของฉันเอง”
“ไม่นะคะคุณแม่ ดาจะพาคุณพ่อ พาพี่คชาไปหาหมอ”
อลันดาถลาเข้าหาคชาที่ยังขยับตัว แต่เลือดยังไหลออกเป็นทาง แตกต่างจากผู้เป็นพ่อที่นอนแน่นิ่งไป
“อย่ามาแตะต้องตัวลูกชายฉัน”
“ไปเถอะน้องดา” เสียงแผ่วของคนบาดเจ็บบอกเสียงเบา ทอดแววตาอาลัยสุดท้าย
“ดาไม่ไป” หญิงสาวดื้อดึง
“ถือว่าพี่ขอ...อย่ากลับมาที่นี่อีก” เสียงสุดท้ายของผู้ชายที่เธอรัก สถานะสุดท้ายคือพี่ชายในสายเลือดสั่งลา ก่อนที่เขาจะหมดสติไป
นางอลันดากลืนความฝืดขมลงคอ ไม่น่าเชื่อว่าคนที่นางไม่อยากเจอที่สุด นางกลับได้เจอเขาตั้งแต่วันแรกที่บินมาเหยียบเมืองไทยอีกครั้ง หลังจากเมื่อห้าปีก่อนนางได้เจอเขาที่ญี่ปุ่น นางก็สาบานกับตัวเองว่าจะไม่มีวันเจอหน้าผู้ชายคนนี้อีก หมดสิ้นแม้กระทั่งคำว่าพี่น้อง
ฟิลิปเดินเข้ามาเงียบๆ หลังจากจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยตามคำสั่งผู้เป็นนายที่นอนป่วยอยู่ในห้อง กว่าจะเจรจากับคุณหมอเจ้าของไข้เสร็จ จรรยาบรรณเป็นเรื่องสำคัญสำหรับวงการแพทย์
“มาดามไปรอที่โรงแรมก่อนไหมครับ” ฟิลิปเอ่ยถามนางอลันดา
คำถามทำให้นางตื่นจากภวังค์ ยกมือปาดรอยคราบน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
“ฉันเป็นห่วงอลัน เขาเป็นอย่างไรบ้าง”
นางอลันดาบอกไปตามความจริง ความขมขื่นในใจที่เกิดขึ้นหลังจากที่นางจากไปยังไม่จบ ทางเดินที่นางเลือกกลับฝังรอยเกลียดในใจของอีกคนอย่างไม่ได้ตั้งใจ
หลังจากที่นางแต่งงานกับอิริคพ่อของอลัน คชาก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน ทั้งที่เรื่องของนางกับเขาไม่มีวันที่จะหวนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ยังไงสายสัมพันธ์ทางสายเลือดก็ไม่มีวันเลือนหายออกไปได้
“ตอนนี้คุณอลันปลอดภัยแล้วครับ เจ้าหน้าที่กำลังย้ายเข้าไปห้องพักพื้น”
ฟิลิปจำใจปกปิดเรื่องจริง บอกไปตามคำสั่งเจ้านาย ทั้งที่สงสารหัวอกคนเป็นแม่จับใจ แต่เขาก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเจ้านาย เชื่อว่าเขาคงจะมีเหตุผลสักอย่างที่ต้องทำแบบนี้ แม้กระทั่งความจริงที่บอกมารดาไม่ได้
“แมทซ์ไปไหน ตามแมทซ์ให้ฉันหน่อย”
“แมทซ์ยังอยู่กับคุณอลันครับ คงต้องรออีกสักพัก”
อลันยังไม่ปล่อยให้แมทซ์ออกมา ถ้าปล่อยให้มาดามได้ซักถามความจริงจากปากของแมทซ์ ไม่พ้นที่เขาจะรอดจากการต้อนให้จนมุมจากคนที่เลี้ยงดูเขามา เพราะนางอลันดารู้ใจและรู้จุดอ่อนแมทซ์ที่สุด
“ถามหรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วตอนเกิดเหตุแมทซ์ไปอยู่ที่ไหน”
“คุณอลันสั่งให้แมทซ์ไปทำงานให้ กลับมาอีกครั้งก็เจอคุณอลันตกบันไดแล้ว”
นางอลันดายกมือขึ้นโบกเป็นเชิงสั่งให้หยุด นางรู้จักจิตใจแมทซ์ดี เพราะเป็นคนเลี้ยงเขามากับมือ คนจิตใจดีอย่างแมทซ์คงไม่ทันฉุกคิดถึงอันตราย อลันเองก็มั่นใจจนเกินไป ส่วนตัวนางเองก็ชะล่าใจจนเกินไป
“ฉันอยากได้ภาพในกล้องวงจรปิดทั้งหมด หวังว่าจะไม่ยากเกินไปถ้าอยากได้คืนนี้เลย” นางอลันดาบอกเสียงเข้ม นางต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
“ครับ” ฟิลิปรับคำ ไม่มีอะไรที่เกินความสามารถของเขา แต่ก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แต่ปัญหามันคือ เรื่องราวที่อลันวางแผนเอาไว้จะยิ่งยากขึ้นไปอีก หากมาดามก้าวขาเข้ามายุ่ง
“รออะไรอีกละ”
“ผมต้องไปส่งมาดามที่โรงแรมก่อน”
“อย่าให้ฉันไปเลย ฉันไปก็นอนไม่หลับอยู่ดี ขออยู่ที่นี่ดีกว่า”
“แต่มาดามเพิ่งผ่านการเดินทางมาหลายสิบชั่วโมง”
“เปิดห้องที่นี่ให้ฉันก็แล้วกัน” นางอลันดาสั่งเสียงเข้ม เพราะต้องอยู่กับมาเฟียอย่างพ่อของอลันหลายสิบปี ภาวะผู้นำและความเด็ดเดี่ยวก็ซึมซับติดตัวนางมา ถึงตอนนี้ไม่มีภาพสาวน้อยเรียบร้อยอ่อนหวานหลงเหลืออยู่ในตัวนางสักนิด
ฟิลิปโค้งน้อยๆ ก่อนที่จะก้าวออกไป