Chapter 9 เนรมิตเจ๊เพิ้ง

1656 คำ
กะรัต เปิดตัวคอลเลกชั่นใหม่ “เอเชียนคราฟท์” เครื่องประดับเพชรที่ถูกดีไชน์อย่างลงตัวจากนักออกแบบทั้งไทยและต่างประเทศ หนึ่งในนั้นคือชุดที่ลลินออกแบบมาหลายเดือน “กะรัต” ผู้สร้างสรรค์เครื่องประดับ อัญมณีแบรนด์หรู โดดเด่นและผสมผสานกับดีไซน์แบบร่วมสมัย ดึงเอาแรงแรงบันดาลใจจากสีสันแห่งธรรมชาติท้องทะเลไทยภายไต้ชื่อ อะควาเรียม โดยช่างออกทีมออกแบบชั้นแนวหน้า และฟลอร่า โดยนักออกแบบระดับโลกและน้องใหม่อย่างลลิน อัญมณีที่ดึงเอาความงามของดอกไม้สยามมาโดดเด่นอยู่บนเครื่องประดับได้อย่างลงตัว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เอเชียนคราฟท์ ก็เกิดจากสีสันและความงามของธรรมชาติเป็นหลักตามความหมายของงาน โดยนำความงดงามของเพชรและพลอยสีต่างๆ มาสร้างเครื่องประดับชิ้นหรู เพื่อให้สื่อถึงบุคลิกอันโดดเด่น จึงผสมผสานจินตนาการในการหยิบยกเส้นสายของธาตุในธรรมชาติ ความอ่อนช้อยของน้ำ เส้นสายที่เป็นลวดลายของสัตว์ต่างๆ สีอันโดดเด่นของพฤกษา และความแข็งแกร่งของธาตุดิน มาผสมผสานอย่างกลมกลืน ดอกกุหลาบสีแดงอวดกลิ่นหอมทั่วห้องแกรนด์บอลรูมโรงแรมดัง เครื่องปรับอากาศตัวใหญ่ทำหน้าที่ของมันได้อย่างเยี่ยม สีแดงของดอกไม่ขับแสงแวววาวของเพชรให้โดดเด่นมากขึ้น มูลค่าทรัพย์สินรวมในงานนับพันล้าน ไม่รวมชุดอัญมณีเก่าแก่ที่เอามาโชว์ให้แขกได้ชื่นชมความงามของฝีไม้ลายมือของช่างไทย เจ้าหน้าที่จัดงานต่างทยอยกันลงมาประจำหน้าที่ของตนเอง โรงแรมถูกปิดเพื่อรองรับแขกและเจ้าหน้าที่สำหรับงานนี้โดยเฉพาะ เพื่อความสะดวกและง่ายต่อการรักษาความปลอดภัย ลลินยังคงนั่งหน้างอมองชุดอย่างหนักใจ เธอต้องใส่ชุดวาบหวิวเปลือยแผ่นหลังมากขนาดนี้เชียว ก๊อกๆ เสียงเคาะพร้อมบานประตูถูกเปิดกว้าง ปานดาวเดินเข้ามากับช่างแต่งหน้าที่เธอจ้างมา “นึกอยู่แล้วว่าเจ๊ต้องยังไม่แต่งหน้าเปลี่ยนชุด” ลลินหันกลับไปมองตามเสียง เห็นคนแปลกหน้าเดินตามเข้ามาด้วย เธอจึงเลือกที่จะถามกลับมากกว่าที่จะตอบคำถามปานดาว “พาใครมาด้วยละ ปานก็รู้ว่าแขกมีแต่ระดับชั้นนำ เขาห้ามพาใครเข้ามาในโรงแรมสุ่มสี่สุ่มห้า” ลลินตำหนิลูกน้อง ทุกคนที่ได้เข้ามาในโรงแรมต้องได้รับการตรวจอย่างละเอียด “ไม่ต้องห่วงหรอก ปานใช้วิชามารแอบเนียนกับแขกใช้ลิฟท์ขึ้นมา” “อย่างนั้นยิ่งแย่ไปใหญ่ ภาพของประเทศเสียหายหมด” “อย่าเพิ่งบ่นเลยค่ะ ปานรู้ว่าปานผิด แต่ที่ทำทั้งหมดเพราะปานเป็นห่วงเจ๊จริงๆ” “ห่วงเรื่องอะไร” “ก็ห่วงว่าเจ๊จะทำตัวเป็นยัยเพิ้งออกงานนะสิ ถึงได้พาช่างแต่งหน้าแอบเสี่ยงเข้ามา” “ตายแล้ว! คิดได้ยังไงกันปาน ทำเรื่องใหญ่ๆแบบนี้ด้วยเหตุผลเล็กน้อยเพียงแค่นี้” “แต่มันเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตของเจ๊” ปานดาวค้านขึ้นมาทันที หากแต่อีกคนกลับยิ่งงงหนักไปมากกว่าเดิม เกี่ยวกับเธออย่างไร แล้วสำคัญที่สุดเรื่องอะไร “มันเกี่ยวอะไรกันฉัน” ลลินถามกลับเสียงห้วน “ก็งานนี้เป็นครั้งแรกที่เจ๊จะได้แจ้งเกิด ปานถึงได้เปิดบันไดให้เจ๊ตะกายลงจากคาน ปานจะไม่ยอมให้เจ๊เป็นยัยเฉิ่มแต่งตัวเชยๆ ออกงานหรอก” “แกคิดอะไรเนี่ยปาน” “คิดจริง...แล้วก็จะทำจริงด้วย อย่ามาเสียเวลาเลย มาแต่งหน้าทำผม อีกหนึ่งชั่วโมงงานก็จะเริ่มแล้ว” ช่างแต่งหน้าเปิดกระเป๋าที่หิ้วมาด้วยกลางเตียง ชุดเครื่องแต่งหน้าครบชุด ลลินมองหน้าปานดาวสลับกับช่างแต่งหน้าอย่างหนักใจ ถ้าของพวกนั้นมาอยู่บนตัวเธอทั้งหมด เธอเองก็ยังมองภาพไม่ออก “ปานเอาชุดมาเผื่อเจ๊อีกสองชุด เผื่อว่าชุดนี้จะใส่ไม่ได้” ปานดาวขยับตัวไปหยิบชุดที่เธอแขวนเอาไว้ในตู้เมื่อครู่ออกมาให้ลลินดู พอเห็นชุดที่ลูกน้องสาวหยิบติดมา ลลินถึงกับกลืนน้ำลายฝืดเหนียวลงคอ ชุดที่วางอยู่ก่อนนับว่าโป๊จนเธอไม่กล้าใส่แล้ว ชุดใหม่ที่ปานดาวเอามายิ่งมากกว่าหลายเท่าตัว “พี่ไม่ใส่ชุดนี้เด็ดขาด” “ปานถึงเอามาให้เจ๊เลือกอีกสองชุดไง” ปานดาวลอยหน้าตอบ “พี่หมายถึงชุดที่ปานเอามาใหม่นั่นด้วย” “ไม่มีทางเด็ดขาด คืนนี้เจ๊ต้องจัดเต็ม รวมถึงไอ้นี่ด้วย” ปานดาวหยิบซิลิโคนเสริมหน้าอกขึ้นมาโชว์ “อี๋ ไม่เอาด้วยหรอก หน้าอกฉันก็พอมียะ” ลลินค้อนเหน็บ สิ่งที่แม่ให้มา ถึงจะไม่มากมาย แต่ก็พอเป็นที่เชิดหน้าชูตาอวดใครๆ ได้อย่างไม่อาย ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้สิ่งแปลกปลอมพวกนี้เลย ช่างแต่งหน้าเห็นสองสาวถกเยงกันอยู่ก็ทนไม่ไหว เสนอตัวเข้ามาเป็นกรรมการจำเป็นทันที “พี่ว่าอย่าเสียเวลาเถียงกันเลยนะคะ เรามาแต่งหน้ากันก่อนดีกว่า เผื่อเวลาเลือกชุดอีกสักนิด รับรองว่าฝีมือระดับเจ๊มัดหมี่ ปั้นผู้หญิงหน้าบ้านๆ ให้เจิดจรัสมาหลายรายแล้ว เชื่อมือพี่ได้” ลลินยิ้มปูเลี่ยน เธอคงจะอยู่ในข่ายผู้หญิงหน้าบ้านๆ อย่างที่เจ๊มัดหมี่ตัวเท่าหมีควายคนนี้ว่าจริงๆ ปานวาดฉุดแขนลลินให้ย่อตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ช่างแต่งหน้าตัวขนาดน้องๆ ช้างบรรเลงแต่งหน้าให้เธออย่างคล่องแคล่ว ความอ้วนไม่เป็นอุปสรรคต่อการพลิ้วไหวของหล่อนเลยสักนิด เพียงไม่นานคุณมัดหมี่ก็เนรมิตยัยเพิ้งหน้าเฉิ่มอย่างลลินออกมาสวยพริ้ง ผมบ๊อบดัดไร้การบำรุงของเธอถูกแทนที่ด้วยวิกผมยาวสลวยนุ่มลื่นเป็นมันวาว ปานวาดเองยังมองอย่างตะลึง แม้จะรู้พื้นฐานหน้าตาของลลินที่จัดว่าสวย แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะสวยได้มากขนาดนี้เมื่อมีเครื่องสำอางแต้มแต่ง “เขาว่ากันว่าไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่งนี่เห็นจะจริง” ปานดาวพูดเหมือนละเมอ “เครื่องสำอางเปลี่ยนผีญี่ปุ่นหน้าขาวซีดให้เป็นคนยังได้” “ปานดาว!” ลลินร้องปราม “ปานขอโทษ...ก็พี่ลินสวยจริงๆ” ปานดาวบอกอย่างเอาใจ ลลินค้อนเหน็บ ปานดาวเป็นเด็กโผงผางปากไว แต่ก็จริงใจกับเธอทุกเรื่อง ทุกประโยคที่ออกจากปากของเธอ ไม่จำเป็นต้องตรึกตรองว่าเสแสร้งหรือพูดจริง “ทีอย่างนี้ละมาเรียกพี่” “ก็เมื่อก่อนเห็นภาพยัยเพิ้งเหมือนผีดิบก็เรียกเจ๊ แต่ตอนนี้สวยแล้ว จะเรียกเจ๊ก็กระดากปากสิ” ลลินยิ้มขำ เจ๊มัดหมี่หยิบกระจกยื่นส่งให้เธอ “ดูเองดีกว่าค่ะ” ทันทีที่ได้เห็นใบหน้าตัวเองในกรอบกระจก ริ้วรอยของความพอใจก็ส่งผ่านทางสายตา มันเปล่งประกายระริกกว่าทุกครั้งที่เธอมองมันผ่านกระจก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครเปลี่ยนรูปโฉมของเธอให้งดงามราวกับคนละคนได้ เพียงเวลาไม่ถึงชั่วโมง ครั้งแรกในรอบสิบปีที่แววตาของเธอไร้แววหม่นซ่อนความรู้สึกหนักหน่วงที่แบกรับ แพขนตาไม่เคยได้ยลรสมาสคาร่าสักครั้ง ยิ่งอายไลเนอร์ยิ่งห่างไกลจากกรอบดวงตาของเธอ ประกายมุกสีวาวที่เคลือบอยู่บนเปลือกตายิ่งขับวงกลมสีดำในดวงตาให้ดูโดดเด่น แก้มระเรื่อที่เคยสัมผัสบลัชออนอยู่บ้าง แต่ครั้งนี้มันดูแตกต่างด้วยสีโทนส้มประกายทอง ทุกสิ่งที่ถูกรังสรรค์บนกรอบใบหน้าสวยของเธอทำให้เจ้าของดวงหน้าสวยฉ่ำ ริมฝีปากสีเดียวกันปิดทับรับริมฝีปากรูปกระจับ เพียงเผยอเล็กน้อยก็ดูยั่วยวนน่าแนบปากประทับรอยจูบ... “แต่งตัวเลยดีกว่าค่ะ” เสียงของช่างแต่งหน้าเรียกสติของหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์ “เอ่อ...” ลลินกลืนน้ำลายลงคออีกครั้งเมื่อเห็นชุดในมือของปานดาว และแผ่นซิลิโคนเสริมหน้าอกในมือช่างแต่งหน้า “ไม่ใช่ว่าคุณไม่มีหน้าอกนะคะ แต่ชุดนี้ไม่เหมาะที่จะใส่บราเซียร์ แต่ต้องเสริมทรงให้ดูเต่งพองาม” คำพูดของช่างแต่งหน้าทำให้ลลินได้อาย เธอกระดากอายเกินกว่าจะกล้าถอดเสื้อต่อหน้าคนอื่น แม้ว่าคนในห้องจะเป็นหญิงสาวแต่หัวใจเป็นชาย แต่หากอีกคนก็เป็นชายที่สวมจิตวิญญาณผู้หญิง แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่กล้าอยู่ดี “ไม่ต้องพูดเยอะหรอกค่ะพี่มัดหมี่ เดี๋ยวไม่ทัน จับถอดเลย” ปานดาวบอกพร้อมกับกระโจนเข้าหาหญิงสาวพรวดเดียวถึงตัวพอดี จับหัวไหล่ของลลินรั้งเอาไว้ มัดหมี่รีบถอดเสื้อผ้าของหญิงสาวเร็วรี่ มือของลลินไม่สามารถปิดป้อง ได้แต่กรีดร้องวี้ดว้ายร้องและดิ้นเร่า “อ๊าย! ปล่อยฉันนะ ปล๊อยยย” “อย่าอายเลย พี่ไม่เหลือส่วนไหนที่เป็นชายแล้ว” สาวสวยหุ่นโอ่งบอกเสียงหวาน ลลินไม่มีทางเลือกมากไปกว่านิ่งให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้สองสาวต่างจิตใจจับเธอพลิกตัวหมุนไปหมุนมาราวกับหุ่นยนต์ หยิบโน่นหยิบนี่แต่งองค์ทรงเครื่องเธอจนเป็นคนใหม่ “เอาละค่ะ...เสร็จแล้ว” สาวร่างอวบบอกหลังจากที่ติดมุกเม็ดสวยบนผมดำขลับของหญิงสาวที่เธอจับม้วนหลวมๆ ปล่อยไรผมให้ตกเคลียข้างแก้มพองาม “สวยอะ” ปานดาวทำตาเพ้อๆ บอกเสียงแผ่วราวละเมอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม