“แถวนี้มีพวกค้ายาลอบขนยาผ่าน เธอวิ่งไปเจอพวกมันโดนยิงทิ้ง ฉันไม่รู้ด้วยนะ”ลูกอินทร์ยังวิ่งแน่บ
"ปัง"เสียงปืนดังก้องป่า
ลูกอินทร์หยุดกึก
หันหลังวิ่งกลับ คิมหันต์รวบเอวบางให้ล้มลงบนพื้นลูกรัง ลูกอินทร์หน้าเหลอตกใจแทบสิ้นสติ นึกภาพหัวกระแทกลงกับพื้นลูกรัง จะเจ็บขนาดไหน แต่เมื่อใกล้จะถึงพื้นคิมหันต์ใช้แขนอีกข้างรองร่างเล็กไว้ แล้วทิ้งตัวลงทาบทับไว้ทั้งตัว
“เก่งจริงๆ เขาบอกดูนางให้ดูแม่ คุณมุนินทร์เรียบร้อยอ่อนหวาน แต่เธอทำไมถึงร้ายจัง”
“ปล่อยนะคุณแม่ตายยังไม่ทันได้เผา นายก็มาทำกับฉันแบบนี้ เลวที่สุด”
“ฉันคือพ่อเลี้ยงของเธอจำไว้ ให้เกียรติกันหน่อย อย่าให้ได้ยินว่าจิกหัวเรียกฉันต่อหน้าคนในไร่บ้านตะวันแบบนี้ ควรจะแทนตัวฉันว่าคุณคิมหันต์ ถ้าไม่สะดวกเรียกคุณพ่อ อย่าให้ได้ยินเรียกฉันว่านายนั่นนายนี่อีกถึงฉันจะอายุห่างจากเธอไม่เท่าไหร่ก็ตามจำไว้ ฉันไม่เอาเธอไว้แน่คุณมุนินทร์ให้เกียรติฉันดีกว่าเธอมาก ฉะนั้นถ้าคิดว่าเก่งจริงก็ลองดู”
กดแขนสองข้างของลูกอินทร์ไว้จ้องตากลมที่ตอนนี้แว่นสายตาตกลงข้างๆ ตัว รูปหน้าสวยอ่อนวัยราวกับหญิงสาวเแรกรุ่นทั้งๆ ที่ลูกอินทร์อายุ20ต้นๆ แล้ว
ลูกอินทร์หลับตาปี๋ คิมหันต์ก้มลงฝังริมฝีปากลงที่ ปากบางบดเบียดอย่างเผลอไผล
"อือปล่อย"
แล้วขยับริมฝีปากลงมาที่ลำคอขาวลิ้นลื่นอุ่นดูดที่ลำคอขาวเบาๆ เสียงหายใจสั่นกระเส่าลูกอินทร์กำมือแน่นน้ำตาไหลพราก
“ปล่อยนะ….” คิมหันต์ถอนหายใจลุกขึ้นยืน
“จำไว้ ฉันไม่ได้ใจดีทุกครั้งไป”
ลูกอินทร์ปาดน้ำตาที่ไหลริน อีกคนก้าวขึ้นไปสตาร์ทเครื่องยนต์รอ ไม่สนใจว่าลูกอินทร์จะเสียขวัญแค่ไหน
เร่งเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม
ลูกอินทร์ปาดน้ำตาหันหน้าหันหลังสองข้างทางเป็นป่าเปลี่ยวกระโดดขึ้นไปท้ายกระบะ อีกคนเหยียบคันเร่งจนหัวคมำรถวิ่งฝ่าความมืดยามสนธยามายัง
หมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาที่แวดล้อมด้วยแหล่งน้ำตกและธารน้ำใสทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชอบวิถีชีวิต ที่ไม่ก้าวตามเวลาเหมือนในเมืองใหญ่
เสียงโขลกพริก เสียงเด็กร้องและกลิ่นควันไฟที่ลอยอ้อยอิ่งบนหลังคาสูง ด้านบนเป็นหน้าผาที่สูงตระหง่านบดบังดวงอาทิตย์ทำให้ที่นี่มืดไวกว่าในตัวเมือง ลูกอินทร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
สามปีแล้วที่ไม่ได้กลับบ้านเกิด หวังก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
แต่เหมือนต้องจ่ายแพงกว่าที่ควรจะเป็น เสื้อผ้าหน้าผม และบัตรเครดิต คอนโดแคบๆ ที่ราคาแพงลิบทำให้ลูกอินทร์ต้องใช้เงินมหาศาลเพื่ออยู่กรุงเทพเมืองฟ้าอมรให้ได้
รถจอดสนิท คิมหันต์ก้าวลงจากรถปิดประตูดังปัง ป้านงรีบเดินมาที่รถ
"คุณหนู คุณหนูอินทร์เจ้าขา ป้าคิดถึงจริงๆ เลยเจ้าค่ะเอ้าแล้วทำไมไปนั่งท้ายกระบะคะนั่น"
รีบดึงมือลูกอินทร์ให้ลงจากรถ
"คุณอินทร์ น้อยถือกระเป๋าให้คร้า"
น้อยเด็กรับใช้ที่เป็นลูกสาวป้านงวัยรุ่นราวคราวเดียวกับลูกอินทร์รีบมารับกระเป๋าเป้ไปถือไว้
"โถ่ กว่าจะกลับบ้านคุณแม่ก็ไม่อยู่แล้ว"ลูกอินทร์ยิ้มเศร้าๆ
"ไปฟังพระก่อนค่ะเดี๋ยวจะได้กรวดน้ำให้คุณแม่กัน"
ดึงมือลูกอินทร์เข้าไปที่โถงกว้างที่ จัดเตรียมไว้สำหรับจัดงานศพ ลูกอินทร์เดินเข้าไปที่รูปหน้าศพของคุณมุนินทร์ใบหน้าในรูปยิ้มหวานไร้ทุกข์โศก ลูกอินทร์ยกมือขึ้นลูบที่รูปถ่ายเบาๆ น้ำตาไหลอาบแก้ม
"อินทร์มาช้าไป คุณแม่อินทร์ขอโทษ"
คิมหันต์หยุดมองลูกอินทร์นิ่ง
"นายครับ พ่อเลี้ยงพงศธรกำลังมาถึงพอดีครับ"
นายสุขเดินเข้ามาพูดกับคิมหันต์เบาๆ
"กันไว้ก่อน อย่าให้เห็นคุณลูกอินทร์"
เสียงเอะอะด้านนอก
ร่างสูงของพงศธรก้าวเข้ามาตรงหน้าคิมหันต์สายตาเอาเรื่อง
ก่อนจะส่งยิ้มยียวน
ป้านงรีบพาลูกอินทร์ไปเสียอีกทาง ไม่ทันที่พงศธรจะได้เห็นหน้าลูกอินทร์
"จะมาไหว้ศพแม่เลี้ยงมุนินทร์ พ่อเลี้ยงคิมหันต์ก็ให้คนมาขวาง แบบนี้จะไม่หาเรื่องกันมากไปหน่อยหรือ"
"ถ้าตั้งใจจะมาเคารพศพจริงๆ ก็คงไม่ขวางแต่นี่…"จ้องมองลูกน้องที่ขนมานับสิบ
"ฮ่าาาได้ข่าวว่าไปรับลูกเลี้ยงมาหรือ สวยหรือเปล่า ไม่พามาพบฉันที่กำลังจะเป็นสามีในอนาคตบ้างหรือ หรือว่าหวงฉันนะให้ได้นะพ่อเลี้ยงแต่พ่อเลี้ยงนะสมบัติผลัดกันชมได้หรือเปล่า"
คิมหันต์ หยิบปืนข้างเอวชูขึ้นฟ้าก่อนจะเหนี่ยวไกเสียงดังลั่น
หลายคนในงานร้องหวีดว๊าย แต่เมื่อเห็นว่าเป็นคิมหันต์ต่างหุบปากเงียบ
พงศธรยิ้มเย็น
"ใจร้อนจริง ท่าจะหวงของ บอกไว้ก่อนนะลูกเลี้ยงของพ่อเลี้ยงคิมหันต์เอามาขัดดอก รับรองผมลดให้ทั้งต้นทั้งดอกเลย ถ้าเปลี่ยนใจก็บอกกันได้"
"ปังๆๆๆ "
คิมหันต์เหนี่ยวไกปืนอีกครั้งพงศธรยกมือกางออกเสมออกยิ้มยียวนขึ้นแล้วล่าถอยไป
"ใครยิงปืนป้านง"ลูกอินทร์ถาม