ตอนที่ 2

2735 คำ
“เดี๋ยว!!!!” เสียงเรียกดังกระหึ่มขึ้นทางเบื้องหลัง ทำให้ร่างผอมสูงของชายชราหันกลับมาตามเสียงเรียกนั้นอีกครั้ง “ขอรับ...ใต้เท้ามีอะไรอีกอย่างนั้นเหรอ”น้ำเสียงถามออกไปอย่างเหนื่อยอ่อน อิ๋งชวนโหวนั่งมองใบหน้าชายชราที่เข้ามาอ้อนวอนขอกู้เงินห้าหมื่นตำลึงทองจากเขา ก่อนจะวางสาสน์ลับที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะหันไปทางหวางเจี้ยนเฉิงพร้อมเอ่ยขึ้น “ข้าจะให้เจ้ากู้เงินห้าหมื่นตำลึงทอง เพื่อช่วยทุกชีวิตของตระกูลหวางให้รอดพ้นจากหายนะอันใหญ่หลวงในครั้งนี้ แต่มีข้อแม้ว่าเจ้าจะต้องมอบสิ่งมีค่าสามารถนำมาค้ำประกันที่ยังคงหลงเหลืออยู่ตามความต้องการของข้าทุกประการทั้งหมด” หวางเจี้ยนเฉิงถึงกับยิ้มกว้างด้วยความดีใจอย่างสุดขีดเมื่อได้ยินอิ๋งชวนโหวกล่าวออกมาเช่นนั้น “ใต้เท้าจะให้ข้ากู้เงินห้าหมื่นตำลึงทองจริงๆ หรือขอรับ นี่ข้าหูไม่ฝาดไปใช่ไหม..ขะ..ข้า..น้อย...ข้าน้อยพูดอะไรไม่ออกเลยขอรับ”ชายชรากล่าวอย่างตื้นตันใจ “อย่าเพิ่งดีใจไป เจ้ายังไม่รู้เลยว่าหลักประกันที่ข้าต้องการนั่นคือสิ่งใดทันทีที่บอกออกไป อาจทำให้ไม่ต้องการเงินกู้ห้าหมื่นตำลึงทองจากข้าก็เป็นได้”อิ๋งชวนโหวกล่าวอย่างมีเลศนัย “ถ้าเช่นนั้นหลักประกันที่ต้องการคือสิ่งใด ใต้เท้าได้โปรดแจ้งให้ล่วงรู้มาได้เลยขอรับ ข้าน้อยจะรีบไปจัดหาให้ครบตามที่ท่านต้องการ”ชายชรากล่าวพร้อมมองใบหน้าหล่อเหลาราวเทพสวรรค์ของโหวหนุ่มเพื่อรอคำตอบจากอีกฝ่าย อิ๋งชวนโหว แสยะยิ้มเหยียดออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายกล่าวออกมาเช่นนั้น มือหนาที่กำลังเช็ดดาบยาวอยู่ในขณะนั้นหยุดลง “หลักประกันที่ข้าต้องการคือสิ่งนี้”กล่าวพลางรับม้วนภาพวาดจากคนสนิทที่กำลังยื่นส่งให้ ก่อนจะรับเอามาไว้ในมือพร้อมคลี่ม้วนภาพดังกล่าวออก และใช้ปลายนิ้วชี้จิ้มลงไปที่ภาพวาดดังกล่าว ซึ่งทำให้อีกฝ่ายถึงกับชะงักงันไปทันที “หลิงเอ๋อ!”เสียงเรียกเอ่ยออกมาเบาหวิวเมื่อมองตามปลายนิ้วเรียวของอีกฝ่าย “หมายความว่าอย่างไงขอรับใต้เท้า ข้าน้อยไม่เข้าใจ ภาพวาดของสตรีตรงหน้าที่ท่านกำลังชี้อยู่ในขณะนี้คือบุตรีเพียงคนเดียวของข้าน้อยนะขอรับ หลักประกันที่ท่านต้องการคือบุตรีของข้าอย่างนั้นเหรอ!”หวางเจี้ยนเฉิงถามกลับไป หึหึหึหึ เสียงหัวเราะอยู่ภายในลำคอ แม้จะเบาหากแต่ฟังแล้วขนหัวลุกเกรียวอย่างยิ่งยวด “เข้าใจไม่ผิดหรอกเจี้ยนเฉิง นอกจากจวนตระกูลหวาง สำนักคุ้มกัน สำนักการสังคีตและตั๋วเงินล่วงหน้าออกโดยทางราชสำนักจำนวนสามหมื่นตำลึงทองที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ รวมไปถึงกิจการทุกอย่างของตระกูลหวางจะต้องนำมามอบให้กับข้าทั้งหมด และถ้าเจ้าอยากได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองไปทดแทนเงินที่สูญหายไปภายในสำนักคุ้มกันของเจ้าเอง ก่อนที่เรื่องนี้จะแพร่งพรายออกไปจนล่วงรู้ไปถึงฝ่าบาท หากไม่ต้องการให้ตระกูลหวางของเจ้าต้องได้รับโทษประหารแล้วละก็ บุตรีของเจ้าหวางเย่หลิงคือหนึ่งในหลักประกัน...นาง! คือสิ่งที่ข้าต้องการ”โหวหนุ่มกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำพร้อมเอ่ยขึ้น “สายข่าวของข้าสืบมาได้ว่า มีคนเห็นบุตรีของเจ้าอยู่ภายในห้องเก็บเงินในสำนักคุ้มกัน ซึ่งเจ้ารับหน้าที่ดูแลนำไปส่งมอบให้กับท้องพระคลังหลวงของราชสำนัก ดูท่าเงินของแผ่นดินที่สูญหายไปในครั้งนี้ บุตรีของเจ้าจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยไปเสียแล้วนะเจี้ยนเฉิง”อิ๋งชวนโหวบอกอีกฝ่าย ท่ามกลางอาการตกตะลึงของหวางเจี้ยนเฉิงเมื่อได้ยินคำกล่าวของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นถึงรองผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อผ้าของราชสำนักต้าหมิงที่โหดเหี้ยมเต็มไปด้วยความอำมหิตและสืบคดีใดไม่เคยมีคำว่าพลาด “มะ..ไม่จริง...ปะ..เป็น..เป็นไปไม่ได้ใต้เท้า...ข้าไม่เชื่อ! จะต้องไม่ใช่หลิงเอ๋อบุตรีของข้าอย่างแน่นอน เพราะว่าในวันที่เงินห้าหมื่นตำลึงทองหายไปจากสำนักคุ้มกันของข้า นางกำลังเฝ้าปรนนิบัติข้าอยู่เพราะลื่นหกล้มทำให้ขาข้างซ้ายหัก ช่วงเวลานั้นไม่สามารถเดินไปไหนไม่ได้เลยขอรับ นางเฝ้าข้าทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดที่นางจะไปปรากฏกายภายในสำนักคุ้มกัน อีกทั้งนางยังไม่เคยเข้าไปสถานที่แห่งนั้นแม้แต่ครั้งเดียว” คำกล่าวของหวางเจี้ยนเฉิงทำให้อิ๋งชวนโหวเฝ้าครุ่นคิดตเพราะสาสน์ลับที่สายข่าวส่งรายงานมานั้นก็เขียนจุดที่ผิดปกตินี้เกิดขึ้นมาด้วยเช่นกัน วันและเวลาเดียวกันที่เกิดเหตุขึ้นมานั้น หวางเย่หลิง กลับปรากฏกายพร้อมกันในช่วงเวลาดังกล่าวเพียงแต่คนละสถานที่ ซึ่งย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน นอกเสียจากว่านางจะมีฝาแฝด แต่เรื่องนี้ก็ต้องตัดประเด็นออกไปเช่นกันเพราะว่าทั่วทั้งเมืองหลวงต่างล่วงรู้ดีว่า หวางเจี้ยนเฉิงมีบุตรีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น และกว่าจะมีนางได้อายุก็ปาเข้าไป 35 ปีแล้ว “เรื่องนั้นจะต้องหาข้อพิสูจน์เพื่อไขความกระจ่างเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ในเมื่อเจ้าไม่รายงานให้ทางการล่วงรู้เกี่ยวกับเงินห้าหมื่นตำลึงทองที่หายไปภายในสำนักคุ้มกันของตระกูลหวาง แต่กลับเลือกที่จะหาเงินจำนวนมหาศาลนี้ไปทดแทนเงินที่หายไป เจ้าเสียสติอย่างเห็นได้ชัด ข้าขอถามเจ้าว่าเพราะอะไรจึงต้องหาทางออกเช่นนี้”ท่านโหวหนุ่มถามกลับไปด้วยความสงสัยระคนอยากรู้ คำถามดังกล่าวทำให้หวางเจี้ยนเฉิงไม่รีรอที่จะคิดใคร่ครวญก่อนพูดออกไป แต่เขากลับบอกอีกฝ่ายทันที “นั่นก็เพราะข้าล่วงรู้โทษทัณฑ์ที่จะต้องได้รับจากฝ่าบาทเป็นอย่างดี ว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลหวางของข้าขอรับ เงินห้าหมื่นตำลึงทองสูญหายไปภายในสำนักคุ้มกันของตัวเอง แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดเชื่อว่าข้าคือผู้บริสุทธิ์ ตลอดทั้งชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยคิดคดและเบียดบังทรัพย์สินของผู้อื่นมาเป็นของตัวเองแม้แต่ครั้งเดียว ยิ่งเป็นของแผ่นดินด้วยแล้ว ข้ายิ่งคอยเฝ้าระวังและช่วยดูแลรักษาเป็นอย่างดี จึงเลือกที่จะหาเงินมาทดแทนและพยายามสืบค้นหาเงินที่สูญหายไปเพื่อนำกลับมาคืนให้ได้”หวางเจี้ยนเฉิงพูดพลางก้าวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะหนังสือของอิ๋งชวนโหวพร้อมเอ่ยขึ้น “ข้าน้อยไม่ต้องการให้ตระกูลหวางนับหลายร้อยชีวิตต้องมาถูกประหารเพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ ตระกูลหวางต้องได้รับโทษประหารทั้งตระกูลเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย บุตรีของข้าควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้หาใช่นักโทษที่จะต้องถูกประหาร นางควรจะได้ออกเรือนไปกับชายที่มีฐานะคู่ควรและมีความรู้ที่สามารถดูแลนางได้ นางคือแก้วตาดวงใจของข้าทั้งหมดไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หากจะต้องแลกด้วยชีวิต ข้าน้อยก็จะทำให้นางมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปให้ได้” คำกล่าวของหวางเจี้ยนเฉิงทำให้อิ๋งชวนโหวเหลือบสายตามองใบหน้าชายชราที่กำลังยืนมองเขาอยู่ในขณะนั้นเช่นกัน ความรู้สึกส่วนลึกบอกว่าทุกสิ่งที่ได้ยินนั้นกลั่นออกมาจากหัวใจของคนเป็นพ่ออย่างแท้จริง หากแต่เพียงครู่รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของท่านโหวหนุ่ม “พูดได้ดี เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าไขคดีเรื่องนี้อย่างเป็นความลับและส่งหน่วยองครักษ์เสื้อแพรตามสืบคดีให้อย่างเงียบๆ เพื่อไขความกระจ่างเรื่องเงินห้าหมื่นตำลึงทองที่สูญหายไปอย่างเป็นปริศนา ในขณะเดียวกันเพื่อพิสูจน์ว่าบุตรีของเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริง และเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าเบี้ยวหนี้ที่เกิดขึ้นครั้งนี้กับข้า นางจะต้องถูกส่งตัวมาพำนักอยู่ที่จวนของข้า จนกว่าเรื่องนี้จะกระจ่างออกมา”อิ๋งชวนโหวกล่าวช้าๆ เน้นๆ หนักๆ อย่างชัดถ้อยชัดคำและแฝงความเย็นชาก่อนจะกล่าวสำทับ “ข้าจะไม่กำหนดระยะเวลาในการค*****นจำนวนมหาศาลนี้กับเจ้า เงินห้าหมื่นตำลึงทองของข้าที่มอบให้ สามารถนำไปจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นของเจ้าในครั้งนี้ได้จนหมด โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่ข้า เพราะดอกเบี้ยนั้นได้จ่ายมาแล้วล่วงหน้าซึ่งก็คือบุตรีของเจ้า ในขณะเดียวกันหากหน่วยองครักษ์เสื้อแพรได้ทำการสืบค้นเงินห้าหมื่นตำลึงทองที่หายไปจากสำนักคุ้มกันของเจ้ากลับคืนมาได้ เงินจำนวนเหล่านั้นที่ตามกลับมาได้ก็ถือเป็นการใช้หนี้คืนให้แก่ข้าแล้ว เจ้าก็รับบุตรีคืนกลับไปเป็นอันจบสิ้นสัญญาเงินกู้ห้าหมื่นตำลึงทองต่อกัน” กรอดดดด!!!! เสียงกรามขบเข้าหากันจนแน่น บ่งบอกได้ถึงภาวะอารมณ์ของอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด “นี่ข้าไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วหรือนี่ ใต้เท้ากำลังบีบให้ข้ามอบลูกตัวเองเพื่อแลกกับเงินห้าหมื่นตำลึงทองอยู่นะขอรับ จะไม่เป็นการทำร้ายจิตใจกันมากไปอย่างนั้นเหรอที่กระทำแบบนี้กับบุตรีของข้า หลิงเอ๋อเพิ่งจะอายุ 17 เท่านั้น นางยังไม่รู้จักอะไรเลยว่าความน่ากลัวของผู้คนเป็นอย่างไง ท่านจะไม่ใจร้ายมากไปหรือขอรับ”หวางเจี้ยนเฉิงกล่าวด้วยความอัดอั้นตันใจ ปัง!!! มือใหญ่ทุบลงบนโต๊ะเสียงดังกระหึ่ม “อย่าริอ่านมาสั่งสอนข้า! เลือกเอาว่าจะยอมมอบบุตรีของเจ้ามาให้กับข้าหรือจะกลับไปมือเปล่า! และรอคอยโทษประหารทั้งตระกูลต่อไป เชื่อเถอะว่าชีวิตของตระกูลหวางจะอยู่ได้ไม่เกินสามวัน นับจากวันนี้เป็นต้นไป”บุรุษรูปงามราวเทพสวรรค์คำรามลั่น ใบหน้าเริ่มถมึงทึงเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยวาจาเช่นนั้น ชายชราได้แต่ยืนนิ่งเงียบไม่ปริปากกล่าวคำใดๆ ออกมา หากแต่ภายในใจนั้นเล่ามีแต่ความคับแค้นใจอย่างยิ่งยวด ความเงียบงันเข้ามาปกคลุมโดยรอบโดยมิรู้ว่าเป็นเวลานานเพียงใด “ว่าอย่างไงเจี้ยนเฉิง ถ้ายังตัดสินใจอะไรไม่ได้ก็กลับไปเสียเถอะ...ข้าเสียเวลาให้กับเจ้ามามากเกินพอแล้ว”โหวหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ถ้อยคำของอิ๋งชวนโหว ทำให้หวางเจี้ยนเฉิงแทบจะไม่มีทางออกให้เลือกอีกต่อไปได้เลย ชายชราหลับตาลงเมื่อคิดถึงใบหน้าบุตรีเพียงคนเดียว “พ่อขอโทษหลิงเอ๋อ”ชายชรารำพึงชื่อของบุตรีเพียงคนเดียวของเขาก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป “ตกลงขอรับ”คำตอบชัดเจนหากแต่แฝงเร้นด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นที่สุด ใบหน้าหล่อเหลาแสยะยิ้มเหยียดเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยประโยคดังกล่าวออกมา “ถ้าเช่นนั้นอีกสามวันข้างหน้า เงินห้าหมื่นตำลึงทองจะถูกส่งไปยังท้องพระคลังหลวงในนามสำนักคุ้มกันตระกูลหวางข้าจะส่งหน่วยองครักษ์เสื้อแพร คอยคุ้มกันช่วยเจ้าอีกแรง และบุตรีของเจ้าก็ให้ส่งมาที่จวนของข้าพร้อมด้วยเลยในวันนั้น” สิ้นเสียงของอิ๋งชวนโหว ชายชราแทบจะยืนไม่อยู่เมื่อได้ยินระยะเวลาที่จะต้องส่งมอบบุตรีเพียงคนเดียวในอีกสามวัน ข้างหน้าที่จะถึงนี้ “อะ..เออ..ข้าน้อยจะขอมาเยี่ยมหลิงเอ๋อได้ไหมขอรับ นางยังไม่เคยห่างจากอกพ่อแม่เลย” “ไม่ได้! ไม่ห่างก็ต้องห่างแล้ว ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะรักษาอีกหลายร้อยชีวิตของตระกูลหวางเอาไว้ ข้าไม่เอานางไปขายตามหอนางโลมที่ไหนหรอกนะ แต่ถ้าหากเจ้าเบี้ยวหนี้ของข้าแน่นอนว่านางจะต้องถูกส่งตัวไปที่หอนางโลม แต่ถ้าการสืบคดีเงินห้าหมื่นตำลึงทองที่สูญหายไปผลออกมาว่าเจ้าและบุตรีมีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมกันสร้างสถานการณ์นี้ขึ้นมา แน่นอนว่านางจะต้องถูกส่งเข้าไปยังคุกตงฉางของหน่วยองครักษ์เสื้อแพรแทนการเข้าไปอยู่ในหอนางโลม และข้าหวังว่าสถานการณ์เช่นนั้นอย่าได้เกิดขึ้นก็แล้วกัน” โหวหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ เล่นเอาคนฟังถึงกับยืนไม่อยู่เมื่อล่วงรู้ว่าหากไม่สามารถตามเงินห้าหมื่นตำลึงทองกลับมาได้ บุตรีอันเป็นที่รักยิ่งของเขาจะต้องกลายสภาพเป็นหญิงนางโลมอย่างแน่นอน หรือต้องถูกส่งตัวไปรับการทรมานที่คุกตงฉางหากไม่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่หายไป คุกตงฉาง ช่างน่าหวาดหวั่นเป็นยิ่งนักซึ่งกล่าวขานกันว่าเป็นสถานที่กระทำทรมานบรรดานักโทษอย่างน่าสะพรึงกลัว เมื่อเข้าไปแล้วไม่เคยมีผู้ใดได้ก้าวออกมาเลยสักคน ด้วยเพราะถูกทรมานจนตายในคุกทั้งสิ้น “แล้วช่วงที่ใต้เท้านำบุตรีของข้าไปพำนักที่จวนด้วยเช่นนั้น นางจะอยู่ในสถานะอะไรขอรับ”ชายชราเอ่ยถามกลับไปด้วยความอยากรู้ อิ๋งชวนโหวหรี่ตามองชายตรงหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าสวยงามของเด็กสาวแรกรุ่น หากแต่แฝงเร้นเสน่ห์ยั่วยวนเร้าใจอย่างน่าประหลาดปรากฏขึ้นในความทรงจำขึ้นมาทันที “เป็นผู้หญิงของอิ๋งชวนโหว”คำกล่าวของเขาสั้นๆ แต่ก็อธิบายความหมายในตัวเป็นที่เรียบร้อย หวางเจี้ยนเฉิงรู้สึกหดหู่ใจกับสิ่งที่ได้ยินอย่างบอกไม่ถูก ชีวิตของบุตรีเพียงคนเดียวที่ตั้งใจจะมอบแต่สิ่งดีๆ ให้แก่นางมลายจนหมดสิ้น นางกลับต้องถูกส่งเข้าจวนขุนนางใหญ่ในฐานะผู้หญิงของอิ๋งชวนโหว หรือก็คือนางบำเรอนั่นเอง ชายชราได้แต่พยักหน้าขึ้นลงติดต่อกัน ร่างสันทัดหันหลังกลับค่อยๆ ก้าวเดินออกไปจากห้องหนังสือของท่านโหวหนุ่ม ด้วยความเศร้ามากกว่าอาการดีใจที่สามารถหาเงินห้าหมื่นตำลึงทองนำส่งท้องพระคลังหลวงที่ใกล้จะถึงวันส่งมอบได้แล้วในอีกสามวันข้างหน้า หลังจากต้องแจ้งเลื่อนการนำส่งมอบออกไปเพราะอาการบาดเจ็บของตัวเองซึ่งไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามแม้จะสามารถแก้ไขสถานการณ์ในครั้งนี้ได้ แต่กลับเสียบุตรีเพียงคนเดียวไปให้กับบุรุษที่มีตำแหน่งเป็นถึงรองผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของความโหดเหี้ยมและอำมหิตจนเลื่องลือไปทั่วต้าหมิง และนั่นหมายความว่าหากไม่สามารถติดตามเงินที่สูญหายไปกลับคืนมาได้ แก้วตาดวงใจของเขาจะต้องกลายสภาพเป็นนางโลม ชายชรากำลังส่งลูกสาวสุดที่รักให้พบกับชีวิตที่อยู่ในเงื้อมมือของจอมอำหมิตจางหยุนฟ่าน โดยที่นางยังไม่ล่วงรู้ชะตากรรมของตัวเองเสียด้วยซ้ำ ดวงตายาวรีสีนิลกาฬมองตามหลังร่างชายชราที่กำลังเดินคอตกออกไปจากห้องหนังสือ ภาพเหตุการณ์เมื่อหนึ่งเดือนก่อนผุดพรายขึ้นในความทรงจำของอิ๋งชวนโหว เมื่อครั้งได้พบกับสตรีสาวใบหน้าสวยเฉี่ยวเป็นครั้งแรก ความงามของนางต้องตาต้องใจท่านโหวหนุ่มรูปงามอย่างยิ่งยวด แต่นางกลับไม่สนใจขุนนางหนุ่มผู้มีอำนาจสั่งเป็นสั่งตายแม้แต่น้อย กลับตรงกันข้ามนางฝีปากกล้าอย่างยิ่งยวด มิหนำซ้ำยังประเคนลูกตบจนใบหน้าของโหวหนุ่มชาไปด้านหนึ่งเลยทีเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม