ตอนที่ 9
มีความสะดวกสบายหรูหราครบครันชั้นดีเลยทีเดียวมีห้างหรูศูนย์การค้าชื่อดังเพราะเกาะนี้เป็นเมืองเปิดสำหรับเมืองท่องเที่ยวที่ทางรัฐบาลให้การสนับสนุนพัฒนาทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวภาคตะวันออกของไทยให้เป็นที่รู้จักกว้างไกลไปทั่วโลกในหมู่สายตาของชาวต่างชาตินานๆทีนั่นแหละที่ฆเนศวรจะเแวะเข้าไป เพราะว่าเขานั้นไม่ถูกชะตากับเจ้าพ่อของเกาะอูฐเหมือนกัน
“เอ้องั้นแค่นี้ล่ะนะผมขอตัวก่อนนะครับ” ครั้นเมื่อเขานั้นทักทายพี่ชายกับมารดาเสร็จแล้วดามิฬก็ขอตัวและรีบเดินจากไปในทันที หากว่าคนที่สีหน้าตึงอีกคนและนางส่งสายตามาตำหนิคือมารดาของเขา คือคุณดาริกาที่เผลอถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับการปะทะคารมของลูกชายแท้ๆสองคนเลือดเนื้อเชื้อไขแต่ต่างบิดาเท่านั้นอย่างระอาใจ นี่มันงานแต่งงานของลูกชายนะอยากให้ฆเนศวรเพลาลงหน่อย
“นี่มันงานแต่งของลูกนะเนอย่าอารมณ์เสียเกินไปสิลูก นี่วันนี้เป็นมงคลอย่างนี้ แม่อยากให้เจ้าบ่าวยิ้มแย้มใส่กับแขกเหรื่อมันถึงจะถูกนะลูก ไม่ใช่ไปแยกเขี้ยวยิงฟันใส่น้องอย่างนี้เฮ้อ”
นางเอ่ยแล้วถอนหายใจไม่นึกว่าพี่น้องจะมาทะเลาะกันกลางงานแต่ง
“ก็ที่แกให้แม่มานั้นก็เพื่อรับรู้การแต่งงานของแกเท่านั้นนะ ตาเน เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ใช่แบบนี้แม่ก็จะไม่มา”
ซึ่งคุณดาริกาเอ่ยขึ้นอย่างรู้ฐานะของตัวเองเพราะลูกชายคนโตฆเนศวรต้องการนางให้มาเป็นเจ้าภาพและเขาวางตัวของนางในฐานะมารดายังเกิดเกล้าที่เขาชมเชยยกย่องตลอดมาแต่ทว่าในวันนี้ ลูกชายสุดที่รักคนนี้ ก็ไม่ทำให้นางนั้นรู้สึกปลื้มใจแม้สักนิดที่เขานั้นหันไปคว้าผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาอยู่ด้วยกันและมันก็ไม่ได้เป็นเกียรติแก่นางสักนิดเลย
และเจ้าสาวของลูกชายได้มาจากกองพนัน หนี้สินที่ติดค้างของนักธุรกิจจากกรุงเทพนั่นก็คือขายลูกสาวตัวเองกิน..นางไม่นึกนิยมชมชอบผู้หญิงประเภทนี้แต่ก็แวะมาตามที่ลูกชายเชื้อเชิญพอเป็นพิธี ฆเนศวรอาจจะถูกตบตามีผู้หญิงที่ไหนล่ะจะมายินยอมพร้อมใจพาตัวเองมาอยู่บ้านผู้ชายโดยง่ายโดยที่ไม่ได้รักชอบพอฮึ..จะแตกต่างอะไรจากนางบำเรอของลูกชาย แล้วดาริกาก็หันเบือนไปทางอื่น
คุณกัณทิชาเดินมาหาหลานสาวเอ่ยบอกประโยคที่แสร้งดูเหมือนเศร้าสร้อยอาลัยนักหนาในวันสุดท้ายที่จะพากันเดินทางกลับกรุงเทพ
“ศีตะลาป้าเห็นจะต้องกลับแล้วล่ะนะฝากดูแลตัวเองด้วยป้าคงไม่มีโอกาสมาเยี่ยมหนูถึงที่ไกลๆอย่างนี้หรอกสุขภาพของป้าไม่ค่อยจะดีนะหนู..ก็ขอหวัง และคิดเพียงว่าให้คุณฆเนศวรเขาเอ็นดูหนูอย่างมากๆแค่นี้ล่ะ เพราะหนูจะได้อยู่อย่างสุขสบาย เอ๊ะ..”
ศีตะลายิ้มรับ หากนางฉุกคิดขึ้นมาได้เมื่อนึกถึงลูกสาวแท้ๆท่านสังเกตว่า ไม่เจอหน้ามุกล้อม มัวแต่เที่ยวเพลินอยู่ตรงไหนกัน
“ยัยล้อม ตายจริงใช่แล้วสิน้องหายไปไหนกันนี่ ศีตะลา”
“ไม่ทราบสิคะ”ศีตะลาตอบเพราะหล่อนมัวแต่สนใจเรื่องส่วนตัวของหล่อนเช่นกัน
“นี่ป้าก็แต่งตัวเสร็จตั้งนานแล้ว พวกเราต้องรีบกลับกรุงเทพกันแล้ว..ยัยล้อม” นางเอ่ยอย่างเอือมระอากับบุตรสาวคนเล็ก
“ยังมัวแต่เที่ยวไถลที่ไหนอีก..ฮึ..ไม่ไหวจริงๆเจอหน้าต้องอบรมสั่งสอนเสียหน่อย ที่นี่อันตรายมีแต่ป่า มีแต่เขา แล้วก็คนในเกาะนี้ เจ้านายไม่เท่าไหร่แต่พวกคนงานน่ากลัวทั้งนั้นคงจะเพลินไปเก็บดอกไม้อีกสิน่าตีจริงๆเลย” นางบ่น
และศีตะลาได้เห็นสีหน้าและแววตากังวลปรากฏที่ดวงตาของคุณกัณทิชาด้วยท่าทีหวาดกลัวและเป็นกังวล
ซึ่งก็รอคอยอยู่สักพักใหญ่ๆ
“เอ..นี่มันก็นานนานจนผิดสังเกตแล้วนะหรือว่าจะเกิดเหตุร้ายกับลูกสาวของฉันล่ะ..โอ๊ยยัยล้อม ยัยล้อมลูกแม่ หนูอยู่ที่ไหน”
คุณกัณทิชาป้องปากตะโกนร้องหาอีกครั้ง แต่ทว่ากลับไร้วี่แว่ว จนคุณกัณทิชาและสามียิ่งตระหนกวิตกหนัก
และเรื่องการหายตัวไปของมุกล้อมทำเอาคนในบ้านแตกตื่นกันทั้งหมดที่ไม่พบเจอแขกสาวหน้าหวานลูกสาวของนักธุรกิจสองสามีภรรยาผู้นี้..และเมื่อค้นตามหาดูจนทั่วห้องหน้าบริเวณชายหาดแล้วกลับไม่พบอีก จนฆเนศวรลั่นประกาศผ่านเสียงเข้มหนักๆว่า “ระดมคนตามหาให้ทั่วเกาะจนกว่าจะพบเจอมีใครเห็นอะไรผิดปกติบ้างก็ให้บอกฉัน.. ขอย้ำนะว่าพวกแกต้องค้นหาคุณมุกล้อมให้เจอไม่งั้นล่ะฉันจะสั่งลงโทษพวกแกด้วยสถานหนักทีเดียว..กับอีแค่ผู้หญิงคนเดียวในเกาะนี้ถ้าหาไม่เจอก็ไม่ต้องมาเป็นลูกน้องของฉันอีกต่อไป”
ศีตะลารับรู้ข่าวคราวที่เกิดขึ้น นี่มุกล้อม..หายตัวไปจริงๆหรือ คุณลุงกับคุณป้าของเธอทำท่ากระเหี้ยนกระหือรือใส่ทุกคนที่เป็นคนของเกาะเหมือง และระบายคำพูดที่ไม่พอใจอย่างมาก
เรื่องทำท่าจะวุ่นกันใหญ่เพราะหลังจากที่ลูกน้องของฆเนศวรออกติดตามค้นหาแทบจะพลิกแผ่นดินของเกาะก็ปรากฏว่ามีร่องรอยปรากฏหลักฐานของฝีเท้าที่เหยียบย่ำทรายรวมทั้งอาหารกระป๋องและถุงขนมปังกล่องนมกับร่องรอยที่จอดเรือเล็กทอดสมออยู่ดังนั้นฆเนศวรจึงสามารถเดาได้ว่าเป็นฝีมือของใคร
จะมีใครที่กล้าแบบนี้นอกจากไอ้น้องชายตัวแสบที่มันท้าทายเขาคืนวานก่อนในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแบบนี้แล้วเขาจะจัดกาสรอย่างไรแต่เขาไม่สามารถปักใจได้ทั้งหมด เพราะศัตรูของเขานั้น มีรอบด้าน ยังจะมีเจ้าพ่อเกาะอูฐซึ่งอยู่ตรงกันข้ามนี้อีก นายพิมานกับนางกัณทิชามีสีหน้าผิดหวังและแสดงความเครียดออกมาอย่างชัดเจน และคุณกัณทิชาถึงกับประกาศเสียงออกมาทันทีเลย
“ฉันอยากจะแจ้งความต้องแจ้งความเดี๋ยวนี้เลยลูกสาวฉันหายไปทั้งคน แล้วคุณต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ แบบนี้ฉันจะกลับกรุงเทพได้ยังไง..งานการอีกลูกสาวฉันต้องทำงานนะไม่ใช่นอนแบ่บนั่งกินนอนกิน”
ยิ่งเมื่อเกิดเรื่องหันไปดูท่านสามีที่สีหน้าของท่านก็ซีดเผือด นั่งกุมขมับไม่แตกต่างกัน.. ความวุ่นวายของเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นหลังชีวิตการแต่งงานอันราบเรียบของฆเนศวรกับศีตะลา