ตอนที่ 2
ทราบเรื่องแล้วมุกล้อมจึงเพียงแต่ฉงนและคิ้วเรียวสวยงอนโค้งตวัดตามองมารดาขมวดตาม
“อ้าวหรือคะ” ก็ค่อนข้างจะแปลกใจที่ได้รับรู้ แล้วกัณทิชาก็เล่าให้ฟังอีกว่า เพราะทราบว่าฝ่ายโน้นเหมือนต้องการให้ลูกสาวทั้งสองของเธอไปร่วมงานด้วยจะได้เจริญสัมพันธ์ไมตรีกัน ทั้งๆที่กัณทิชาไม่เห็นด้วยหรอก แต่ขัดผู้เป็นสามีไม่ได้ เพราะฝ่ายนั้นระบุเอาไว้ด้วยจึงเอ่ยบอกบุตรสาว “ฮึแต่ว่าอย่างนี้นะลูกไอ้พวกเถื่อนพวกนั้น มันต้องการให้ลูกสาวของแม่ทั้งสองคนไปร่วมงานด้วยคือไปเป็นเพื่อนกันจะได้แนะนำให้รู้จักบรรดาญาติ แม่เองก็ไปด้วยนะพ่อด้วย นั่นล่ะ ทำไงได้ล่ะ เพราะเรื่องมันเกิดจากคุณพ่อ เราอยู่ในภาวะจำยอมเพราะหนี้พนันอะไรของพ่อแกนี่ล่ะไม่งั้นแม่ไม่ยอมหรอกได้ศีตะลามาอุปโลกน์ เป็นเหยื่อแทน ก็ถือว่ารอดตัวไป เป็นตัวแทนของยัยพาย รู้ไหม..นังนั่นมันมาเสนอหน้ามาบอกแม่เองเลยนะว่าต้องการจะรับข้อเสนอนี้”
ฝ่ายมุกล้อมนิ่งฟังมารดาแล้วไม่เข้าใจอย่างมากและพยายามครุ่นคิดก็ไม่เข้าใจว่าทำไมศีตลาสาวรุ่นพี่ผู้เป็นญาติถึงตัดสินใจอย่างนี้เหมือนฆ่าตัวเองชัดๆเห็นทีเธอต้องเข้าไปคุยกับญาติสาวผู้พี่ที่อยู่ร่วมบ้าน ลูกสาวของอาที่เสียไปแล้ว
แม้จะทราบเรื่องแล้วก็ตาม เธอก็ไม่ได้สบายใจนัก เพราะว่ามัน ต้องเกี่ยวพันกับตัวเธอด้วย กับการที่มุกล้อมจะต้องร่วมเดินทางไปด้วยตามที่มารดาระบุเอาไว้
ฮึมันแสนจะขัดอกขัดใจของหล่อนนักแดนดินที่ทุรกันดารอย่างนั้นเธอไม่อยากไปพบสัมผัสเจอะเจอ ก็เพราะว่าชีวิตนั้นชื่นชอบสุขสบายอยู่กับความโอ่อ่าครบครันของเมืองหลวงที่ศิวิไลซ์ตระการตาอย่างที่เคยอยู่มาแต่อ้อนแต่ออกมากกว่า สถานที่ชนบทที่ไร้ความเจริญแบบนั้น แต่ก็ปฏิเสธความต้องการของบิดาและมารดาไม่ลง อีกอย่างหล่อนมีแฟนหนุ่มเป็นถึงลูกชายรัฐมนตรีด้วย
เป็นลูกชายรัฐมนตรีเอกสิทธิ์ คือ พี่อัยการ และนี่จะต้องถามความเห็นจากเขาหรือเปล่า หากถ้าเกิดถามแล้วเขาอาจจะไม่อนุญาตให้ไปล่ะ มันก็ได้ แล้วทางนี้ละซึ่งพ่อและแม่ของหล่อนมีคำพูดที่หนักแน่นกว่า มุกล้อมต้องทำตามที่บิดาต้องการนั่นแหละ
แล้วหล่อนก็หมายมุ่งมาที่ห้องของศีตะลาผู้เป็นลูกสาวของอา และอยู่ร่วมเป็นสมาชิกของคฤหาสน์มานานปีทีเดียว จึงมีความคุ้น แต่ก็บางครั้งที่พูดจากันไม่ถูกหู เรียกว่าเป็นบางครั้งที่ศรศิลป์ไม่กินกันเพราะการเอาแต่ใจกันของทั้งสองฝ่าย มุกล้อมแข็งมาศีตะลาแข็งไป ซึ่งศีตะลายินยอมเปิดประตูให้ ขณะนี้เธอกำลังเตรียมจัดข้าวของต่างๆเพื่อรอขึ้นรถตู้หล่อนคงจะเป็นเจ้าสาวที่แปลกประหลาดอย่างมาก เพราะขนาดที่คุณลุงบอกว่าต้องเป็นฝ่ายนั่งรถตู้ไปหาฝ่ายเจ้าบ่าวถึงที่เลย เหมือนเป็นการเอาตัวเข้าแลก ศีตะลาคิดว่ามันเป็นเรื่องอนาถและตกต่ำใจยิ่งนัก
แต่หล่อนก็จะอดทนไม่ย่อท้อ หากเมื่อดวงหน้าหวานขยับขึ้นมองและเป็นฝ่ายจ้องผู้ที่ก้าวเข้ามาหลังจากเจ้าของห้องอย่างเธอให้อนุญาต และสีหน้าของศีตะลาก็รับรู้ดีว่า จะต้องเป็นมุกล้อม
“อ้อ นี่เธอเองหรือมุกล้อม แล้วมีอะไรล่ะ เพราะเธอเองก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องร่วมเดินทางไปกับฉันด้วยไม่ใช่หรือ ทำไมยังไม่รีบแต่งตัวเสียอีก รีบตระเตรียม เดี๋ยวจะไม่ทันเพราะคุณลุง ..พ่อของเธอไม่ได้บอกไว้หรือยังไง”
หากมุกล้อมตวัดดวงตามองญาติสาวเพียงนิด ทราบแล้วว่าเป็นศีตะลากำลังสาละวนกับการหยิบจับเสื้อผ้าพับไว้กับข้าวของส่วนตัวบางอย่าง จึงหยุดนิ่งเพ่งสายตาจ้องมองเมื่อก้าวเข้ามาถึงห้องของญาติสาวที่ถือดีพอสมควร
“เอ้อฉันมาดูเธอ แต่ก็ทราบแล้วล่ะนะ คุณแม่เพิ่งมาบอก แล้วนี่ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วยนะศีตะลาเพราะฉันไม่เข้าใจ ว่าทำไมฉันต้องร่วมเดินทางไกลแบบนี้ด้วย”
**************************************
ทำให้ศีตะลาต้องหันมาตอบด้วยแววตาที่เชือดเฉือน
“อ้าวก็แหม..พ่อเธอเป็นคนบอกและพ่อเธอท่านก็ลุงของฉัน ฉันยังต้องทำตามเลยนะมุกล้อม แล้วเธอเป็นลูกสาวของเขา ทำไมไม่สนองตามความต้องการของท่านล่ะอย่าคิดอะไรมากขืนเธอไม่ไปด้วยสิ ฉันว่าแผนพังแน่คุณพายเองก็อยู่เมืองนอกนี่ขนาดฉันต้องเป็นตัวแทนพี่สาวเลยนะเพราะคุณลุงหาตัวแทนไม่ได้ ไอ้ฉันก็ต้องยอมรับล่ะนะ”
และเพราะว่ามุกล้อมก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมศีตะลาจึงตัดสินใจ และถึงจำยอมอย่างง่ายดายก็ทั้งๆที่หนทางเช่นนี้นั้นเป็นหนทางที่หล่อนจะเสียเปรียบไม่ใช่หรือเท่าที่เธอทราบความในความลับชนิดที่ไม่เคยปกปิดซ่อนเร้นระหว่างแม่ลูกจากคุณกัณทิชา นอกจากที่ศีตะลาเท่านั้นจะไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองกำลังจะถูกขาย..
และอีกอย่างในขณะที่มุกล้อมคิดว่าศีตะลานั้นดิ้นรนด้วยซ้ำที่จะมารับผิดชอบแทนพี่สาวของเธอซึ่งเป็นลูกสาวคนโตของพ่อแม่ แต่ไม่ได้อยู่ในเมืองไทย และมุกล้อมกวาดตาขึ้นมองจ้องสาวสวยหน้าหวานคมจัดผู้เป็นญาติสาวอีกครั้ง
“นี่แปลว่าเธอเห็นดีเห็นงามกับคุณพ่อคุณแม่ด้วยหรือไง ศีตะลา ทำไม เธอถึงยินยอมง่ายดายอย่างนี้”
ที่ถามออกมานั้นเป็นเพราะว่าความห่วงหรืออยากผลักไสก็ไม่ทราบเหมือนกันสำหรับหล่อน
แต่ลึกๆในใจความเป็นญาตินั้นมุกล้อมก็อดห่วงศีตะลาไม่ได้ว่าเพราะญาติสาวคนนี้ต้องอยู่ในสถานที่ห่างไกลซึ่งอาจไม่มีใครพบเห็นอีกเลย หรืออาจจะไปทุกข์ทรมานโดยไม่ต่างอะไรจากขุมนรก ในเหมืองเถื่อนนั่น เพราะมารดาของหล่อน ก็เอ่ยบอกเหมือนกัน แต่ว่าในตอนนี้มุกล้อมก็เอ่ยอะไรออกมาไม่ได้..กลัวแผนการของมารดาพัง หากถ้าศีตะลารู้ว่าตัวเองถูกขายโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ บิดาอาจเดือดร้อน และบิดาก็ยกอ้างเอาพันธะกฎหมายและมิตรภาพที่ตกลงไว้กับฝ่ายของเจ้าพ่อเหมืองเถื่อนบังหน้า
โอ นึกลึกๆลงไปก็รู้สึกสงสารศีตะลา..ไม่รู้ว่าศีตะลาต้องพบเจออะไรบ้าง จะลำบากแค่ไหน
“นี่หมายความว่า ตัวเธอเองก็ยินยอมด้วยงั้นหรือศีตะลา”