"จะทรมานกันไปถึงไหน!" เสียงเศร้าคละเคล้าคนสิ้นหวังย้อนถาม เมื่อเธอเอื้อนเอ่ยกับชายตรงหน้าที่ซื้อเธอมาด้วยเม็ดเงินจำนวนมากจากฮาเร็ม
"ตลอดชีวิต!...และอย่าคิดหนีถ้ายังอยากอยู่สุขสบาย"เสียงชายมาดขรึมอย่างอานัสเอื้อนเอ่ยเสียงเข้มอย่างข่มขู่
...สิ่งที่ได้ฟังทำเอาฟาตินนั้นแทบเข่าทรุดดวงตาคมกลมโตสั่นระริกเอ่อคลอด้วยม่านน้ำตาของคนสิ้นหวัง เธอถูกกักขังอยู่ในคฤหาสน์หลังโตโอ่อ่า ที่หญิงสาวหลายคนฝันหาอยากเข้ามาเหยียบสักครั้ง แต่สำหรับฟาตินนั้นอยากจะหาทางหนีทุกเวลานาที
"ฮึก อึก ท่านอานัส~~" เธอพูดเสียงแผ่วสะอื้นจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคมเฉี่ยวของชายร่างสูงตรงหน้าอย่างตัดพ้อ
"หุบปาก แล้วเงียบซะ! น่ารำคาญเสียจริง อ่อ...แล้วควรรู้จักหน้าที่ของตัวเองด้วยล่ะหากเราเสร็จจากอีกคนเดี๋ยวเราจะเข้ามาหา...ก็แค่ลูกนกน้อยที่คอยเวลาไม่ได้สำคัญอะไรโปรดอย่าเข้าใจผิดว่าเรานั้นพิศวาส"
ว่าจบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่คำพูดที่กรีดลึกลงกลางใจสาวที่ได้แต่มองหน้าเขาด้วยม่านน้ำตาสีใส ใยเขาถึงเหยียบย่ำหัวใจของหญิงสาวตัวเล็กได้ถึงเพียงนี้ ไม่รักกันยังหยาบช้าทำร้ายกันได้ถึงเพียงนี้
"ท่านมันคนไร้หัวใจ ท่านอานัส" ฟาตินเอ่ยด้วยน้ำเสียงหมดหวัง พลังแรงใจที่จะชีวิตอยู่ต่อเริ่มเลือนลาง อยากตายให้หมดกรรมและสิ้นทุกข์ก็กลับได้มีชีวิตอยู่ต่อ ไม่รู้จะช่วยเหลือเธอทำไมในเมื่อไม่คิดจะไยดีกันเลยสักนิด
"หึ!!...หัวใจอย่างนั้นหรือฟาตินอะไรที่เรียกว่าหัวใจกัน!!" อานัสที่ได้ยินคำพูดที่แสลงหูจากปากของฟาติน ด้วยอารมณ์ที่ร้อนพล่าน เกรี้ยวกราดในทันตา ปรี่ประชิดตัวแล้วบีบใบหน้าของฟาตินจนยู่ กลีบปากสวยกระจับยู่ย่นแทบติดกัน ความเจ็บปวดเริ่มคืบคลานเข้าสู่กาย เมื่อแรงมือชายบีบแรงจนน้่ำตาของเธอไหลรินอาบสองแก้วนวล
"ฟาตินเจ็บ" เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงไม่ชัดเจน ปากที่ถูกบีบแรงจนแทบแหลกทำให้ไม่อาจจะทานทนได้ไหว ดวงตาคมกริบที่จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของคนตัวโตอย่างอ้อนวอน ขอให้ผ่อนปรนแรงบีบนี้คลายเสียทีเมื่อตอนนี้เธอเจ็บแปลบแทบทนไม่ไหว เเรงชายชาตรีที่หนักแน่นหญิงบอบบางคนไหนจะทานทนได้ไหว
"ดี!!! แล้วจำใส่สมองโง่ ๆ ของเธอด้วยว่าไอ้ บราฮิม มันไม่มีวันปันใจมารักผู้หญิงในฮาเร็มแบบเธอ!...เพราะหัวใจของมันมีเพียง ม่านฟ้า มงคลกุล เพียงหนึ่งเดียวที่ยืนหนึ่งในหัวใจ ไม่ใช่ผู้หญิงชั้นต่ำ!!...อย่างเธอ"
สายตาคมไล่มองหญิงที่ฟุบกับพื้นอย่างหยามเหยียดเอื้อนเอ่ยคำสุดท้ายด้วยน้ำเสียงต่ำ อานัสพูดขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว เมื่อเสี้ยวหัวใจของฟาตินเขาย่อมรู้ดีว่าเธอมีใคร เพื่อนที่เคยสนิทผันกลายเป็นศัตรูด้วยเหตุผลส่วนตัวจนแคลงใจกันไม่คิดอาจจะสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นดังเดิม ใบหน้าสวยคมถูกสะบัดปล่อยแรงจนหน้าหัน ร่างกายบอบบางล้มฟุบกับพื้นพรมหรู ความเจ็บปวดของร่างกายว่าทรมานแล้ว แต่ความเจ็บปวดทางใจนั้นทรมานแทบเจียนตาย ยิ่งถูกชายที่ไม่ได้มีใจซื้อมาเพื่อสนองตัณหาความใคร่หรือเหตุใดก็ไม่ทราบแน่ แต่ที่แน่แท้คือเขาซื้อเธอมาทรมานคงเป็นเหตุผลเดียว
"ฮึก อึก...ฆ่าฟาตินเสียเถิดเพราะเกิดมาก็ไม่เคยได้รับรักจากใครอยู่แล้วแม้กระทั่งพ่อแม่บังเกิดเกล้ายังกล้าขายลูกสาวกิน" สิ่งที่ได้ฟังยิ่งตอกย้ำและบาดลึกลงขั้วหัวใจ ฟาตินพูดบอกอย่างคนสิ้นหวัง น้ำเสียงเศร้าเอื้อนเอ่ยอย่างตัดพ้อเมื่อชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ช่างทรมานเหลือเกิน
"มันง่ายไปฟาติน!"
ปัง!!
...เมื่อสิ้นคำพูดเหี้ยมเข้มประตูห้องบานใหญ่ถูกปิดกระแทกเสียงดัง ชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องที่เสมือนกรงขังสำหรับฟาติน เธอมองตามแผ่นหลังหนาด้วยสายตาเศร้าหมอง เขายอมซื้อเธอมาเพื่อย่ำยีให้เจ็บช้ำน้ำใจ แม้จะเคยเป็นหญิงในฮาเร็มขายกายย่อมมีหัวใจไม่ต่างกัน
...เสียงครวญของหญิงอื่นที่บ่งบอกว่ากำลังทำอะไร ดังเล็ดลอดเข้ามาในส่วนของการรับฟังชัดเจน ผนังกั้นที่เป็นบานกระจกหนาระหว่างห้องหับสวยหรูที่ฟาตินเรียกว่ากรงขัง ผ้าม่านผืนหนาสีทองถูกเปิดออกอย่างตั้งใจ เธอเห็นสองร่างกายที่กำลังเริงรักอย่างเร่าร้อน การตอกย้ำดวงจิตที่น้อยนิดของเธอ ก็แค่นางบำเรอที่เขาใช้เศษเงินซื้อมาสนองตัณหาความใคร่
ไม่รู้แน่ว่าการซื้อตัวเธอมาแอบแฝงอะไร แต่ที่ค่อนข้างแน่ใจคือท่านเชคฮอานัสผู้นี้บาดหมางกับชายที่เธอปันใจให้เพียงแรกเจอ
...ฟาตินยืนมองการกระทำที่แสนหฤหรรษ์ของคนทั้งสอง ด้วยแววตาเศร้า ดวงตาคละเคล้าด้วยม่านน้ำตาสีใส ดวงใจเหมือนถูกฝ่าเท้าเหยียบจมผืนพสุธา ใบหน้าของชายหนุ่มหันมองมาทางเธอและยกยิ้มมุมปากดั่งเย้ยหยัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันถึงต้องทำให้เธอเห็น แม้หัวใจดวงน้อยของฟาตินจะยังไม่มีเขา แต่เขาก็ใช้ร่างกายเธอบำเรอตัวเอง ไม่คิดจะยำเกรงเธอเพียงสักนิด หัวจิตหัวใจของเขาทำด้วยอะไร ประดุจดั่งซาตานร้ายก็ไม่ปาน
"คนใจร้าย" แม้จะเจ็บปวดต่อภาพที่เห็น ความเย็นชาจากสายตาที่มองมายังเธอ ยิ่งย้ำคุณค่าที่มีในตัวให้ต่ำลง เธอดั่งกับถูกปมเชือกหนามัดแน่นไม่รู้คลาย หัวใจแทบมลายแดดิ้นกับพื้นเย็น
ร่างกายงามหันหลังแนบพิงกับผนังกระจกที่เย็นฉ่ำจากเครื่องทำความเย็นที่มีในห้อง ดวงตากลมอาบล้นด้วยม่านน้ำตา แม้จะมองไม่เห็นต่อการกระทำที่หยาบช้าแต่ว่าภาพที่เคลื่อนไหวในหัวเธอนั้นยังตราติดในความทรงจำ ขนาดไม่ได้รักยังถูกหยามได้ถึงเพียงนี้หากวันหนึ่งหรือวันใดหัวใจของฟาตินมีพื้นที่เพียงพอให้แก่เขา เธอจะปวดร้าวเพียงไหนกัน?
"จะย่ำยีกันไปถึงไหน...แค่นี้ยังไม่สาแก่ใจหรืออย่างไร ฟาตินคนนี้ไปทำอะไรให้หมางแก่ใจนักหรือ" เธอพร่ำพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น กำปั้นเล็กทุบลงหัวเข่าที่ตั้งชัน ก้มหน้าฟุบกับเข่าร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บช้ำ
"เลิกสำออยแล้วไปทำหน้าที่ของตัวเอง" เสียงเหี้ยมของเขาเอ่ยขึ้นเมื่อเวลานานพอกับความสุขสมกับหญิงอื่นที่เขาชื่นมื่นก่อนจะเข้ามายังห้องของเธอ
"................." ฟาตินนิ่งเงียบแล้วทำเพียงเงยหน้ามองชายตัวสูงที่ยืนตรงหน้าเท่านั้น
"ไม่มีหูหรือไง เราสั่งทำไมไม่ทำตาม" อานัสพูดด้วยน้ำเสียงเข้มปะปนความไม่พอใจเมื่อฟาตินนั้นเพิกเฉยต่อคำสั่ง
"..............." เธอยังคงนิ่งดังเดิมไม่ปริปากพูด แต่พยายามหยัดตัวให้ลุกยืนแม้จะฝืนแรงล้าแค่ไหนก็ตามที
ปึก อึก!! แผ่นหลังบางกระแทกกับผนังกระจกหนาจนเธอนั้นสะอึกเพราะความเจ็บจากแรงชายที่ผลักดันเต็มแรง
"อย่าท้าทายเรา!!" มือหนาบีบปากของฟาติน แรงชายชาตรีที่มากล้น ทำให้คนตัวเล็กนั้นน้ำตาไหลพรากเพราะเจ็บปวด เจ็บเพียงใดแต่ไม่ยอมปริปากอ้อนวอน เธอทำเพียงมองหน้าเขาที่กำลังทารุณร่างกายให้เจ็บช้ำด้วยแววตาที่ว่างเปล่า
"อึก ฮึก ท่าน มัน ไร้ หัวใจ" ฟาตินพยายามขยับปากพูด ดวงตาคมจ้องมองหน้าอานัสอย่างตัดพ้อ เมื่อหัวใจของเธอเริ่มท้อแท้และสิ้นหวัง ต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรมที่มีอย่างอดสู
"จำใส่หัวให้รู้ไว้...อย่าคิดท้าทายคนแบบเราหากยังอยากมีชีวิตอยู่!" อานัสสะบัดมือให้หลุดจากปากของฟาตินอย่างแรงจนร่างบางนั้นเซถลาล้มพับกองกับพื้นแข็ง
"อึก ฮึก ฮึก" ใบหน้าสวยกระแทกลงกับพื้นเต็มแรง หน้าผากนูนสวยเกิดบาดแผลจนเจ็บปวด เธอค่อย ๆ เงยหน้าจ้องสบตาชายตัวสูงที่ยืนมองเธอด้วยแววตาแข็งกร้าว
...ครู่สายตาคมดุที่มองเห็นบาดแผลตรงหน้าผากเกิดความห่วงใย เมื่อเลือดสีแดงสดไหลซึมออกมา แต่เขาก็ปรับสีหน้าให้เย็นชาดังเดิมอย่างไม่รู้สึกผิดต่อการกระทำที่รุนแรง
"เลิกมารยา!! แล้วไปทำหน้าที่บำเรอเราซะ"
"อ๊ะ! เจ็บ"
อานัสกระชากแขนของฟาตินให้ลุกยืนก่อนจะลากเธอมายังเตียงนอนนุ่ม และทุ่มเธอลงกับเตียงจนร่างกายบางสวนเด้งความแรงถ่วง แรงเหวี่ยงทำให้เธอนั้นจุกและเจ็บตามร่างกาย รอยช้ำมากมายจากการที่เขาทารุณยังคงทิ้งร่องรอยเจือจาง
แคว่ก แคว่ก
เสื้อผ้าผืนบางที่สวมใส่ถูกฉีกขาดอย่างไร้ความไยดี ผิวเนียนใสเกิดรอยแดงเพราะการเสียดสี เธอเจ็บปวดแต่ก็ไม่อาจพูดพร่ำออกมาได้ ปล่อยเพียงธารน้ำตาให้ไหลรินอย่างไม่อาจยับยั้ง หัวใจเหม่อลอยดั่งไร้จุดหมาย ปล่อยให้เขากระทำต่อร่างกายของเธอตามแต่ใจต้องการ เมื่ออย่างไรเสียก็ไม่อาจทัดทานความดิบเถื่อนและขัดขืนเขาได้ ข่มตาหลับยอมรับชะตากรรมนี้อย่างทำใจ...
*****(2)