ตอนที่ 10 สตรีคือหายนะ

1647 คำ
รุ่งเช้าหลี่หยุนก็เอาเสื้อผ้าที่สกปรกและผ้าห่มเหม็นเน่าของตนเองและหลานชายไปซักที่ลำธาร ท่ามกลางความสับสนของบุตรสาวและคนอื่น ๆ แต่ก็ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจเขาเท่าใดนักเพราะเวลานี้กระท่อมถูกสร้างจนครบ 10 หลัง และทุกคนก็ได้ที่พักที่มั่นคงแข็งแรงแล้ว จากนี้พวกเขาก็จะเริ่มล่าสัตว์และเอาของป่าเข้าไปขายในเมือง ทำให้ทุกชีวิตยังคงวุ่นวายอยู่กับการจัดเตรียมเสบียงอาหารที่จะนำไปขายรอบแรก "เด็กนั่นซักผ้าไม่สะอาด เจ้าไม่เห็นหรือไรว่าเสื้อผ้าของข้าสกปรกและเหม็นอับยิ่งนัก อีกหน่อยพวกเราจะมีโอกาสเข้าเมืองอีกหลายครั้ง ข้าไม่อยากเดินตัวเหม็นหึ่งออกไปอวดโฉมต่อหน้าผู้อื่นหรอกนะ" ชายชราตอบคำถามบุตรสาวคนโต "ท่านพ่อยังคิดจะเข้าเมืองไปด้วยหรือเจ้าคะ ระยะทางจากที่นี่ไปถึงในเมืองหย่งโจวน่าจะต้องเดินทางราว 3 วัน ท่านอยู่ที่นี่นั่นล่ะ อยากได้อะไรก็บอกพี่สือของข้าก็ได้แล้ว" หลี่หยวนอิงแนะ หากบิดาเข้าเมืองนางคงต้องเสียเงินทองซื้อของกินของใช้ให้เขาแน่ๆ นางจึงไม่อยากให้หลี่หยุนติดตามไปด้วย "ข้ายังไม่ไปตอนนี้หรอก เอาไว้ให้ข้าแข็งแรงกว่านี้ก่อนค่อยไปก็ยังไม่สาย ฝากเจ้าดูเข็มกับด้ายเย็บผ้ามาให้สักหน่อยก็แล้วกัน หรือหากมีผ้าราคาถูกก็ซื้อติดไม้ติดมือมาสักผืน เสื้อผ้าข้าเก่าขาดยับเยินเหลือเกินแล้ว" ชายชราไม่ได้ตอบว่าเขาต้องการให้หลี่หลงหยางแข็งแรงกว่านี้ต่างหากจึงจะเข้าเมืองไป และแน่นอนว่าตนจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกแน่นอน!! "เข็มกับด้ายนั้นข้าคิดว่าพอจะเป็นไปได้เจ้าค่ะ แต่ผ้าคงจะเกินความสามารถของพวกเราไปสักหน่อย ท่านพ่ออย่าลืมว่าครั้งนี้พวกเราจำเป็นต้องซื้อข้าวและเมล็ดพันธุ์มาเพาะปลูกไว้กินเองนะเจ้าคะ" "ข้ารู้ เอาเถิด แค่เข็มกับด้ายก็พอ" ชายชราคิดในใจว่าได้เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ดูเอาเถิดบุตรสาวมานั่งคุยกับตนเองอยู่นานสองนาน กลับไม่มาช่วยบิดาหยิบจับซักผ้าแต่ประการใด นางเพียงแค่นั่งลงและพูดพร่ำไปเรื่อยเปื่อยปล่อยให้ชายชราอย่างเขาทำงานไปลำพัง คิดดูแล้วก่อนหน้านี้หลี่หลงหยางคงจะเหน็ดเหนื่อยไม่น้อยที่ต้องคอยรับใช้สามพ่อลูกจอมขี้เกียจและเห็นแก่ตัวกลุ่มนี้มาตั้งแต่ยังเล็ก หลี่หยุนกลับไปที่กระท่อมก็จัดการตากผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็ไปแก่งแย่งปันส่วนอาหารของตนเองกับของหลานชายมาเต็มส่วน ได้อาหารมาคราวใดก็ป้อนข้าวป้อนน้ำให้หลี่หลงหยางไม่ขาดปาก หวังจะให้เด็กชายแข็งแรงขึ้นโดยไวเพราะตนเองคิดจะออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ตนเองไม่เหนื่อยแต่บรรพบุรุษน้อยที่ตัวผอมเล็กราวกับคนแคระคงจะเดินทางไกลต่อไปไม่ไหวเป็นแน่ จากภาพฉายในพายุหมุน หลังจากที่หลี่หยุนตัวจริงเสียชีวิตไปแล้ว คนกลุ่มนี้ก็เดินทางไปทำการค้าของป่าและสัตว์ป่าได้โดยสะดวก และเมื่อทางการรู้ว่ากลุ่มนักโทษพ้นคดีความพากันมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่พวกเขาก็เข้ามาจัดการทำทะเบียนครัวเรือนให้ทุกคน รวมทั้งกำหนดพื้นที่ให้บริเวณนี้กลายเป็นหมู่บ้านในอนาคต ทุกคนสามารถแผ้วถางพื้นที่ทำกินได้ตามที่ทางการกำหนดแต่ไม่สามารถซื้อขายได้ ทำให้กลุ่มคนทั้ง 32 กลายเป็นคนกลุ่มแรกที่ครอบครองที่ดินบริเวณนี้และอยู่กินกันต่อไปอีกหลายชั่วอายุคน หลี่หลงหยางเติบโตอยู่ในหมู่บ้านอย่างน่าเวทนา เด็กชายได้รับอาหารที่ท่านอาหญิงและอาเขยโยนให้กินไม่ต่างจากสุนัข แลกกับการทำงานรับใช้พวกเขาอย่างหนัก จนกระทั่งเป็นหนุ่มน้อยวัย 14 ปี ก็มีชาวบ้านที่คลอดลูกออกหลานกันมามากมายคิดหมายจะดึงเอาหลี่หลงหยางที่เติบโตเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีและแข็งแรงกำยำมาเป็นบุตรเขยเพื่อไว้ใช้งานบ้าง พวกเขาหลอกล่อให้หลี่หลงหยางได้เสียกับเด็กสาวคนหนึ่งและบังคับให้เป็นเขยแต่งเข้าสกุลจนมีเรื่องทะเลาะตบตีกับหลี่หยวนอิงที่สูญเสียแรงงานได้เปล่าไปอย่างน่าโมโห สุดท้ายด้วยสังคมที่เน่าเหม็นฟอนเฟะของคนในหมู่บ้านที่มีผู้อาวุโสเลวเป็นตัวอย่าง หลายคนเคยเป็นบุตรชายหญิงของขุนนางมีการศึกษาที่ดีแต่กลับถูกความยากลำบากกดดันให้ต้องถีบตัวร้องหาความสะดวกสบาย ภรรยาคนแรกของหลี่หลงหยางตั้งครรภ์กับบุรุษอื่นทั้งยังอยู่กินกันอย่างเปิดเผยเพียงเพราะมารดาของนางต้องการแรงงานเพิ่ม หลี่หลงหยางเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะมีความรักครั้งแรกเสียใจจนแทบขาดสติ แต่ก็ยังอดทนอยู่ทำงานให้ครอบครัวภรรยาต่อไปหวังจะให้ภรรยารักมองเห็นความดีของตนอย่างโง่งม แต่สุดท้ายเขาก็คิดได้และจากหมู่บ้านนี้ไปและชีวิตก็วนเวียนอยู่กับการแต่งภรรยาทีละคนอีกสามครั้ง และทุกคนก็ทำร้ายจิตใจของชายหนุ่มอย่างแสนสาหัส แม้ว่าพวกนางแต่ละคนจะสามารถตั้งครรภ์และมีบุตรให้กับหลี่หลงหยาง แต่บุตรทุกคนก็เลวบัดซบทำเรื่องชั่วช้าตามอย่างมารดาโดยที่หลี่หลงหยางยังคงเป็นผู้ที่ปิดปากสนิทไม่เคยว่ากล่าวสั่งสอนภรรยาหรือบุตรคนใด บุตรชายที่เกิดจากภรรยาคนที่สองเสียชีวิตเพราะเป็นโจรขโมย คนอื่น ๆ ก็มีชีวิตที่ไม่ต่างกันมากนักและยังคงเป็นชนรุ่นหลังที่เสื่อมทรามลงไปอย่างต่อเนื่อง "สตรี สตรีเป็นตัวหายนะจริงๆ!!" หลี่หยุนสบถออกมาเมื่อคิดว่าต้นเหตุของความล้มเหลวทั้งหมดในชีวิตของหลี่หลงหยางล้วนมีสาเหตุมาจากอิสตรี คนแรกย่อมไม่พ้นสองน้าสาวหลี่หยวนอิงและหลี่เนี่ยหราน คนต่อมาก็เป็นมารดาและเด็กสาวที่เป็นภรรยาคนแรก จากนั้นก็เป็นภรรยาอีกสามคนของบรรพบุรุษน้อยที่ล้วนไม่ได้ความไม่สามารถเป็นตัวอย่างสั่งสอนลูกหลานให้เป็นคนดีได้ "หลงเอ๋อร์ จากนี้ต่อไปเจ้าก็อยู่กับปู่กันแค่สองคนดีหรือไม่ โตไปเราก็จะมีอายุยืนยาวได้โดยที่ไม่ต้องแต่งงานหรอกเชื่อปู่" หลี่หยุนหันมาคุยกับเด็กน้อยที่สะดุ้งสุดตัวกับการที่ท่านปู่ของเขาสบถออกมาเมื่อครู่ เด็กชายเหลือบตามองบนอย่างเหนื่อยหน่าย ท่านปู่ของเขาแม้จะใจดีกว่าเดิมขึ้นมาแล้วจริงๆ แต่ท่านปู่ก็ชอบพูดคนเดียว บางครั้งก็คิดอะไรคนเดียวแล้วโวยวายออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ แต่เด็กน้อยตั้งใจเอาไว้แล้วว่าเขาจะไม่พูดสิ่งใดออกมาทั้งสิ้นเพราะท่านปู่อารมณ์ไม่มั่นคง หากเขาเผลอตอบคำถามที่ไม่ถูกใจท่านปู่แล้วท่านปู่ขับไล่ออกจากกระท่อมไป เวลานั้นตนจะต้องเสียใจอย่างหนักเป็นแน่ ในทุกวันหลี่หลงหยางจึงต้องตกใจสลับกับอบอุ่นใจจากคำพูดหวานหูและอ้อมกอดที่อบอุ่นของท่านปู่วนเวียนอยู่เช่นนี้ "หากเขาไม่แต่งงานก็ไม่มีทายาท คำแนะนำนี้ไม่สอดคล้องกับความตั้งใจที่จะมาช่วยกอบกู้สกุลหลี่ของเจ้าสักนิด ไม่คิดจะช่วยเขาเช่นนั้นเจ้าก็คงคิดจะตายวันนี้เลยใช่หรือไม่?" หลี่จิ้งรู้สึกสงสารเด็กน้อยที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ขึ้นมาจับจิต รีบโผล่หน้ามากระซิบตักเตือนข้างหูของสหายทั้งที่ไม่จำเป็นต้องกระซิบด้วยซ้ำ "ไอหยา!! ข้าลืมไปได้อย่างไรกันว่าบรรพบุรุษน้อยของข้าต้องสืบสกุล เขาต้องมีทายาทชั้นดีมากมายเป็นพรวน โอ..โอ..หลานรักเจ้าลืมคำพูดของปู่เมื่อครู่ไปก่อนนะ เดี๋ยวข้าเริ่มพูดใหม่แล้วเจ้าค่อยจำ เอาละนะเริ่มจำได้เลย หลงเอ๋อร์จากนี้ต่อไปเจ้าต้องเชื่อปู่นะ เจ้าจะเติบโตเป็นชายหนุ่มรูปงามแข็งแรงและท่านปู่อย่างข้าจะเป็นคนหาภรรยาให้เจ้าผลิตลูกหลานชั้นดีให้เต็มบ้านเต็มเมืองเอง!!" หลี่หยุนผู้ที่ไม่เคยแต่งงานไม่นิยมความรุนแรงในครอบครัว มีหรือจะอนุญาตให้บรรพบุรุษในการดูแลได้มีภรรยาหลายคนอย่างในอดีต เขาจะคัดสรรภรรยาที่ดีงามเพียงหนึ่งเดียวให้หลี่หลงหยางด้วยตนเองแน่นอน หลี่หลงหยางน้ำตาไหลพรากอาบสองแก้มเล็กๆ ของเขา เด็กชายคิดไม่ผิดจริงๆ ท่านปู่อารมณ์ไม่มั่นคงอย่างหนัก ทั้งๆที่เอ่ยคำพูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความรักและความเอื้ออาทรแต่ท่านปู่กลับคิดจะฆ่าเขาอย่างเลือดเย็น คิดว่าเด็ก 5 ขวบอย่างเขาไม่รู้หรือ ว่ากระท่อมของท่านอาทั้งสองหรือกระท่อมของบุรุษที่แต่งงานมีภรรยาอยู่ร่วมด้วย พวกเขาทำร้ายร่างกายกันอย่างเหี้ยมโหดทุกคืนอยู่ในกระท่อม ตอนนั้นเขานอนอยู่ในกระโจมยังเคยได้ยินท่านอาเขยหม่าสือส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา คาดว่าไม่เพียงบุรุษเท่านั้นที่สามารถทำร้ายสตรีได้ ท่านอาของเขาเองก็ดุร้ายไม่เบาไม่เช่นนั้นอาเขยคงไม่ส่งเสียงร้องออกมาเป็นแน่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม