เช้าวันรุ่งขึ้นหม่าสือกับชายหนุ่มอีกสี่คนก็แยกตัวออกไปล่าสัตว์ ส่วนคนที่เหลือได้รับมอบหมายให้ตัดไม้และเถาวัลย์มาสร้างที่พักที่แข็งแรงมั่นคงกว่าเดิมขึ้นมา โดยที่พวกเขาตกลงกันว่าจะสร้างกระท่อมขึ้นมาทีละหลังจำนวนสิบหลังแล้วแบ่งคนไปพักอยู่ด้วยกัน ระหว่างนั้นคนที่เหลือจะต้องมองหาเห็ดหรือผักป่ามาเป็นอาหารไปด้วย หากว่ากลุ่มที่ออกไปล่าสัตว์จะไม่สามารถจับสัตว์มาเป็นอาหารได้จะได้มีผักป่าไว้กิน
กลุ่มคน 32 ชีวิตเคยทำงานหนักมาก่อนเวลานี้จึงใช้เวลาทั้งหมดทุ่มเทไปกับการสร้างที่พักด้วยความหวังและกำลังใจเต็มเปี่ยม พวกหม่าสือก็โชคดีที่ล่าสัตว์เล็กได้หลายตัว เพราะผืนป่าบริเวณนี้ไม่ใช่เส้นทางที่ชาวบ้านใช้ประจำทำให้สัตว์ป่าถูกพบเห็นได้ง่าย
เมื่อมีอาหารเพียงพอกับความต้องการหลายชีวิตจึงไม่สร้างปัญหาวุ่นวาย ร่วมกันสร้างกระท่อมเล็กๆ ที่มีประตูหน้าต่าง ผูกมัดยึดติดพวกมันด้วยเถาวัลย์อย่างแน่นหนาจนเสร็จ 1 หลังภายในระยะเวลาเพียง 3 วัน
และแน่นอนว่าหม่าสือจะเป็นผู้ที่ได้ครอบครองกระท่อมน้อยที่สร้างใหม่เป็นคนแรก โดยมีหลี่หยวนอิงที่เต็มใจจะเข้าไปอยู่กินกับเขาอย่างเปิดเผยโดยไม่สนใจพิธีการใดๆ ราวกับเป็นคนบ้านป่าเมืองเถื่อน แต่ก็ไม่มีผู้ใดคัดค้านรวมทั้งหลี่หยุนที่กลายเป็นพ่อตาของหม่าสือผู้นำกลุ่มไปโดยปริยาย เขายินดีกับเหตุการณ์นี้อย่างไม่ทุกข์ร้อนเพราะส่วนแบ่งอาหารของหม่าสือและบุตรสาวก็ไม่น้อยเลยทีเดียวทำให้ชายชราเช่นเขาพลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย
หลี่หลงหยางที่ไม่มีส่วนแบ่งใดๆ จากความสำเร็จของหม่าสือและหลี่หยวนอิง เขายังคงช่วยงานอย่างขยันขันแข็งตามกำลัง ได้รับส่วนแบ่งอาหารที่มีเพียงพอสำหรับทุกคนและยังโชคดีที่กระโจมของหม่าสือว่างเปล่าลงไป เด็กชายจึงไม่ต้องไปนอนข้างกองไฟทนหนาวอยู่เพียงลำพัง จับจองเอากระโจมของหม่าสือเป็นที่พักส่วนตัวด้วยความตื่นเต้นยินดี
ผ่านไปอีกหลายวันกระท่อมหลังที่สี่ก็สร้างเสร็จไปอย่างเชื่องช้า เพราะกลุ่มคนเมื่อกินอิ่มท้องตึงนอนหลับสบายก็เริ่มที่จะแสดงความเห็นแก่ตัวกันออกมา คนที่ได้กระท่อมไปครอบครองแล้ว ก็หาเรื่องอู้ทำงานช้าลง
กอปรกับสัตว์ป่าเริ่มรู้สึกถึงการคุกคามจากมนุษย์พวกมันหลบหนีออกจากพื้นที่บริเวณนี้ทำให้การล่าสัตว์เกิดปัญหา อาหารไม่เพียงพอขึ้นมาอีกครั้งจนหลายคนเริ่มมีปากเสียงทะเลาะแย่งชิงเนื้อสัตว์กันพัลวัน
"พวกเราคงต้องแบ่งกำลังคนออกไปหาอาหารเพิ่มขึ้น ในลำธารนั่นก็มีปลา ใครจับปลาหรือล่าสัตว์ได้ก็ให้ผู้นั้นได้กินก่อนคนที่เหลือก็รอส่วนแบ่งหรือไม่ก็กินผักป่าหรือผลไม้ไป พอสร้างกระท่อมเสร็จเมื่อใดหลังจากนี้เราจะหาของป่าและจับสัตว์ไปขายในเมืองเพื่อแลกเมล็ดพันธุ์และข้าวสารกลับมา ถึงเวลานั้นก็ไม่ต้องอดอยากกันแล้ว อดทนกันอีกหน่อยเถิด"
หม่าสือโน้มน้าวให้กลุ่มคนเลิกทะเลาะเบาะแว้งกัน และอุบายที่ให้ทุกคนออกไปจับปลาเพื่อได้สิทธิ์ในการครอบครองอาหารก่อนก็เป็นผลพลอยได้ไปถึงตนเองด้วย เพราะอย่างไรตนก็เป็นคนที่มีอาวุธอยู่ในมือการล่าสัตว์สำหรับเขายังคงเป็นเรื่องง่ายๆ แต่จากนี้จะได้กินอิ่มก่อนผู้ใดโดยไม่ต้องแบ่งส่วนให้ผู้อื่นอีกด้วย หม่าสือจึงทำทีแก้ปัญหาให้กลุ่มคนด้วยจิตใจที่กว้างขวาง
คนที่เหลือก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหาอันใด หากตนเองจับปลาได้มากเท่าใดก็มีสิทธิ์กินได้มากเท่านั้น ทุกคนจึงมุ่งหน้าไปที่ลำธารและก็สามารถจับปลาจำนวนมากมาเป็นอาหารได้จริงๆ ทำให้ปัญหาเรื่องปากท้องถูกคลี่คลายลงไป สถานการณ์โดยรวมจึงกลับมาเป็นปกติอีกครั้งและทุกคนก็ตั้งใจสร้างกระท่อมต่อไปอย่างสุดกำลังดังเดิม
ผู้ใดหาได้มากก็มีสิทธิ์ได้กินก่อนเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้สึกว่ายุติธรรม แต่ไม่ใช่กับเด็กน้อยหลี่หลงหยางตัวน้อย หลายวันที่ผ่านไปเขาไม่เคยได้กินเนื้อสัตว์อีกเลยแต่ก็ยังคงได้รับส่วนแบ่งเป็นผักป่าและเห็ดต้ม แต่เด็กที่อยู่ในช่วงกำลังกินกำลังนอนอย่างหลี่หลงหยางมีหรือจะอดใจกับกลิ่นปลาย่างที่หอมฟุ้งยั่วน้ำลายไปได้ทุกวี่วัน
โดยไม่บอกกล่าวกับผู้ใดเด็กน้อยก็เดินไปที่ลำธาร เขาก้าวเท้าลงน้ำไปทีละข้างเพื่อมองหาจุดที่ตื้นที่สุดและเดินลงไปโดยใช้เสื้อกางออกเพื่อดักจับปลาตั้งแต่เช้าตรู่
จนตะวันตรงศีรษะเด็กชายก็ยังไม่สามารถจับปลาได้เลยสักตัว เขาได้แต่กินน้ำในลำธาร อดทนต่อความหิวโหยไม่ยอมกลับมากินผักต้มตรงที่พัก เด็กชายเข้าใจว่าตนเองคงจะยืนอยู่บนน้ำที่ตื้นเกินไป จึงค่อยๆ เดินลงน้ำลึกลงไปอีกระดับหนึ่งแล้วก้มหน้าก้มตากางเสื้อดักปลาอยู่อย่างนั้นต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้
..........
"หยวนอิง!! เนี่ยหราน!! ลุงหลี่!! เร็วเข้าเสี่ยวหลงจมน้ำ น้ำพัดเขาลอยไปไกลนู่นแล้ว ช่วยด้วยๆ!!" สตรีนางหนึ่งวิ่งตะโกนกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ นางกำลังเดินไปที่ลำธารเพื่อตักน้ำมาเตรียมทำอาหารมื้อเย็น ไม่คิดว่าจะได้พบเห็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญตรงหน้าเข้าพอดี
นางเห็นหลี่หลงหยางล้มคว่ำหน้าไปในน้ำจึงรีบวิ่งไปช่วยเด็กชาย แต่สายน้ำได้พาร่างเล็กพัดไกลออกไปเรื่อย ๆ จนนางตามไม่ทัน ระดับน้ำที่พัดพาร่างเล็กลอยไปเริ่มที่จะลึกลงไป จนกระทั่งน้ำสูงถึงช่วงลำคอของหญิงสาวนางจึงรู้สึกกลัวและตัดสินใจวิ่งกลับมาที่บริเวณที่พักตะโกนร้องเรียกคนสกุลหลี่ทั้งสามให้ไปช่วยเด็กน้อยแทน
หลี่หยวนอิงกับหรี่เนี่ยหรานเบิกตาโพลงตั้งใจฟังถ้อยคำของสตรีนางนั้นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ทิ้งของในมือไปอย่างเสียไม่ได้ ลุกขึ้นปัดไม้ปัดมืออย่างเชื่องช้าและออกเดินนวยนาดไปทางลำธาร ในใจของสองพี่น้องต่างก็คิดตรงกันโดยไม่ได้นัดหมายว่าปล่อยให้หลี่หลงหยางตายไปเสียได้ก็ดี!! พวกนางเกลียดชังเด็กคนนี้ อีกทั้งเขาก็ไม่เคยสร้างประโยชน์อันใดให้กับคนทั้งคู่ ที่เดินตามออกมาดูก็เพียงเพื่อไม่ให้ตนต้องถูกนินทาว่าเป็นคนจิตใจอำมหิตโหดเหี้ยมก็เท่านั้น
แต่ไม่ใช่กับหลี่หยุน ชายชราได้ส่วนแบ่งเนื้อสัตว์จากบุตรเขยและบุตรสาวเพียงน้อยนิดเหมือนเป็นเพียงเศษเนื้อติดซอกฟันของพวกเขาเท่านั้น
เขารู้ตัวแล้วว่าบุตรสาวไม่ได้กตัญญูและพร้อมที่จะทอดทิ้งชายแก่ไร้ประโยชน์อย่างตนเองทุกเมื่อ ความหวังสุดท้ายของหลี่หยุนเหลือเพียงหลี่หลงหยางเท่านั้น หากเด็กเลวจับปลาได้เมื่อใดเขาก็สามารถบังคับเอาส่วนแบ่งมาจากเด็กชายได้ทุกเมื่อ หลี่หยุนจึงเริ่มมีความคิดที่จะเก็บเด็กชายไว้ข้างกายมาตลอดหลายวัน
วันนี้ด้วยความตกใจกอปรกับเห็นว่าแรงงานได้เปล่าของตนกำลังตกอยู่ในอันตราย ชายชราจึงวิ่งสุดกำลังหมายจะไปช่วยชีวิตเด็กน้อยเอาไว้ให้ได้
หลี่หยุนวิ่งตามเส้นทางที่สตรีผู้นั้นชี้นำมา ในที่สุดก็ได้เห็นร่างเล็กของหลี่หลงหยางลอยติดค้างอยู่กับกิ่งไม้ที่หักโค่นลงมาในน้ำ ชายชราว่ายน้ำเป็นจึงไม่คิดมากกระโจนลงน้ำที่ลึกท่วมศีรษะว่ายไปหาเด็กชายด้วยจิตใจที่ร้อนรุ่ม
ใบหน้าและริมฝีปากเล็กของหลี่หลงหยางขาวซีดราวกับกระดาษบางๆแผ่นหนึ่ง เส้นผมสีดำกระจุกเล็กๆ เปียกปอนแผ่ออกมาปกคลุมใบหน้าเสี้ยวหนึ่งไว้ โชคดีที่เขาเอียงศีรษะไปนอนทับท่อนแขนตนเองเอาไว้ใบหน้าจึงพ้นจากน้ำและยังหายใจได้อยู่
แขนเสื้อด้านหนึ่งของหลี่หลงหยางพันแน่นอยู่รอบข้อมือเล็กของเขา ส่วนปลายแขนอีกด้านพันเกี่ยวกับกิ่งไม้ที่มีหนามแหลมคม ชายชราต้องพยุงร่างตัวเองให้ลอยตัวเหนือน้ำพร้อมกับพยายามแกะเสื้อที่พันรอบแขนของเด็กชายเอาไว้อย่างยากเย็น
"เด็กเลว หาเรื่องเดือดร้อนให้ข้าตั้งแต่เกิดจนโต คอยดูเถิดจากนี้ส่วนแบ่งอาหารของเจ้าข้าจะเป็นผู้จัดการเองทั้งหมด" หลี่หยุนทั้งโมโหทั้งเหนื่อย ทั้งกลัวว่าจะสูญเสียหลี่หลงหยางไป เจ้าเด็กนี่แม้จะร่างเล็กแต่ก็แข็งแรงทำงานขยันขันแข็ง หากเขาอดทนเลี้ยงดูอีกสักปีสองปีขี้คร้านจะออกล่าสัตว์หาอาหารมาปรนเปรอตนได้ไม่ขาดปาก หลี่หยุนจึงจำต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อโอกาสและผลประโยชน์ในภายภาคหน้า