ตอนที่ 4 นักโทษใช้แรงงานหนัก

1857 คำ
ค่ายกักกันนักโทษใช้แรงงานหนักเมืองหย่งโจว 1,000 ปี ก่อนการเสียชีวิตของหลี่ต้งหมิง "ครบกำหนดรับโทษใช้แรงงานหนัก 5 ปีของพวกเจ้าสกุลหลี่แล้ว รับเอาหนังสือแสดงตนไปเสียสิ จากนี้ก็ประพฤติตัวให้ดีอย่าได้หลงผิดคิดชั่วดั่งที่คนในสกุลเจ้ากระทำมาก่อนหน้า ออกไปได้แล้ว" หัวหน้ากองทหารควบคุมนักโทษแรงงานทาสยื่นหนังสือรับรองตัวตนให้ชายชรา 4 แผ่น พร้อมกับโบกมือส่งสัญญาณให้ทหารผู้น้อยควบคุมส่งตัวพวกเขาทั้งสี่ออกไป "นายท่านข้าและบุตรสาวเป็นเพียงบ้านสายรอง ไม่ได้มีส่วนร่วมกระทำผิดหรือสนับสนุนสกุลหลี่สายหลักแม้แต่น้อยแต่กลับต้องรับเคราะห์กรรมไปด้วย ก่อนจะเดินทางมาถึงที่นี่ข้าและบุตรีมีสมบัติส่วนตัวที่ไม่ได้ถูกยึดทรัพย์ติดกายมาไม่น้อย ไม่ทราบว่าข้าจะขอรับคืนไปได้หรือไม่ขอรับ พวกเราออกจากที่นี่ไปก็ไม่มีที่อยู่อาศัยจะให้พวกเราออกไปตายเปล่าเช่นนั้นหรือ" หลี่หยุนชายชราอายุ 73 ปี คุกเข่าขอร้องนายทหารหนุ่มอย่างไม่รู้สึกอับอายใดๆ หลี่หยุนเป็นน้องชายต่างมารดาของหลี่หลิงอวี้บิดาของหลี่เซิ่งซึ่งเป็นตระกูลสายหลัก ตนเองมีแต่บุตรสาวหม้ายสองคน ภรรยาก็เสียชีวิตไปแล้ว ครอบครัวที่มีเพียงสามชีวิตจึงมาขอพึ่งบารมีพี่ชายอาศัยอยู่ในตระกูลหลี่สายหลักโดยที่ไม่ได้ทำงานทำการเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่าง ต่อมาเมื่อหลี่เซิ่งหลานชายที่เป็นทายาทสายหลักดูหมิ่นเบื้องสูง หลี่หลิงอวี้ หลี่เซิ่งและหลี่อี้เฉินบุตรชายคนโตของหลี่เซิ่งจึงถูกประหารชีวิต คนสกุลหลี่ที่เหลือถูกเนรเทศให้มาใช้แรงงานทาสเป็นเวลา 5 ปี เขาจึงติดร่างแหมาด้วยความรู้สึกไม่ยินยอม แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขสิ่งใดได้ "ข้าไม่เห็นบันทึกรายการสิ่งของมีค่าที่ติดตัวของพวกเจ้าเลยสักชิ้น เจ้าเองก็ว่าเจ้าเป็นบ้านสายรองจะมีทรัพย์สมบัติอะไรมากมายกันเล่า? รู้หรือไม่ว่าการกล่าวหาคนของทางการก็มีโทษนะ อยากลองดีหรืออย่างไร" หัวหน้ากองตวาดลั่น "ขออภัยเจ้าค่ะใต้เท้า บิดาของข้าน้อยอายุมากจนเลอะเลือนแล้ว ข้าวของเหล่านั้นอาจจะสูญหายไประหว่างที่เดินทางก็เป็นได้ เวลาผ่านไปนานจนพวกเราก็หลงลืมไปจนสิ้น พวกเราไม่มีสิ่งใดติดตัวมาตามที่ท่านว่าจริงๆ เช่นนั้นพวกเราก็ลาล่ะเจ้าค่ะ ท่านพ่อรีบไปเร็วเข้า" หลี่หยวนอิงบุตรสาวคนโตของหลี่หยุนรีบดึงแขนบิดาของนางให้ลุกเดินออกไปทันที "ช้าก่อน!! พวกเจ้าเล่นตลกอันใดกัน เหตุใดจึงไม่พาเขาไปด้วยเล่า? แก่อย่างเดียวไม่พอเจ้ายังเสียสติด้วยเช่นนั้นหรือ" หัวหน้ากองตะโกนเรียกสามพ่อลูกอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าพวกเขาพากันเดินจากไปโดยทิ้งเด็กชายวัย 5 ขวบให้ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างไม่รู้ว่าตนเองสมควรจะไปทางไหน "เราสามพ่อลูกไม่มีเงินทองติดกาย จะเลี้ยงดูเด็กน้อยต่อไปกันได้อย่างไรเล่าท่านนายกอง อีกอย่างพวกเราก็พ้นโทษได้รับอิสระแล้วไม่จำเป็นต้องดูแลเขาอีกต่อไปแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ" หลี่เนี่ยหรานบุตรสาวคนรองทักท้วงบ้าง เมื่อครั้งที่หลี่เซิ่งถูกประหารชีวิต หลี่อี้เฉินบุตรชายคนโตจากภรรยาเอกก็ถูกโทษประหารตามไปด้วย แต่ฮ่องเต้ยังนึกถึงคุณงามความดีแต่เดิมของบรรพบุรุษสกุลหลี่ที่ยังถูกบันทึกเอาไว้เป็นแบบอย่างที่ดีในวังหลวง จึงมีพระมหากรุณาธิคุณละเว้นโทษตายให้กับทารกน้อยหลี่หลงหยางบุตรชายจากอนุภรรยาของหลี่เซิ่งเพื่อเปิดโอกาสให้สกุลหลี่เหลือผู้สืบทอดสายสกุล แม้จะส่งตัวทารกน้อยให้มาอยู่ที่เมืองหย่งโจวแต่ก็มีพระราชโองการให้สกุลหลี่ที่เหลืออยู่ดูแลทารกน้อยให้เติบใหญ่และไม่ให้ผู้ใดทำร้ายเขาโดยเด็ดขาดจนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาการรับโทษ หลี่หลงหยางถูกเลี้ยงดูโดยสองพี่น้องหลี่หยวนอิงและหลี่เนี่ยหราน ที่ใช้ข้ออ้างในการดูแลเด็กสลับกันมาอยู่เฝ้าเขาเพียงเพราะไม่ต้องการทำงานหนักแต่ก็ไม่ได้ทะนุถนอมเอาใจใส่เด็กน้อยเท่าที่ควร เพราะสามพ่อลูกยังคงโกรธแค้นหลี่เซิ่งบิดาของเด็กชายที่เป็นต้นเหตุให้พวกเขาเดือดร้อนมาถึงทุกวันนี้ หลี่หลงหยางได้รับอาหารทุกมื้อ แต่ก็ถูกสามพ่อลูกแอบขโมยส่วนแบ่งของเด็กชายไปกินอยู่บ่อยๆ จนเด็กชายมีร่างกายผ่ายผอมตัวเล็กผิดปกติ ทหารที่ควบคุมนักโทษก็ทำเป็นลืมตาข้างหนึ่งปิดตาข้างหนึ่งมาตลอดเพราะเห็นว่าอย่างไรเด็กชายก็ยังเติบใหญ่มีชีวิตรอดอยู่ได้ อีกทั้งเด็กน้อยที่ไม่เคยได้รับความรักความอบอุ่นยังไม่ยอมพูดจากับผู้ใด เขาจะส่งเสียงร้องไห้ในยามที่บาดเจ็บหรือหิวโหยเป็นบางครั้งเท่านั้น ทำให้ทหารเข้าใจว่าเด็กคงเป็นผู้ที่มีปัญหาด้านสติปัญญา ในเมื่อเด็กก็ฟ้องความผู้ใดไม่ได้นานวันเข้าทหารจึงปล่อยให้หลี่หลงหยางต้องรับเคราะห์กรรมจากการทุบตีของท่านอาทั้งสองโดยไม่สนใจจะห้ามปราม "พวกเจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่ เด็กตัวกะเปี๊ยกเท่านี้จะทอดทิ้งเขาไว้ที่นี่ได้อย่างไรกัน เจ้าสองคนนั้นยังพอทำเนา แต่ตาแก่หยุนเจ้าไม่คิดหรือว่าเด็กน้อยผู้นี้เป็นทายาทสกุลหลี่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่แล้วนะ ไม่กลัวว่าหากเจ้าตายไปจะไม่มีบุตรหลานชายมาเคารพศพให้หรอกหรือ" นายกองโมโหจนตัวสั่นเมื่อเห็นพฤติกรรมน่ารังเกียจที่รังแต่จะเพิ่มมากขึ้นทุกวันของสามพ่อลูก อีกอย่างพวกเขาก็ไม่มีหน้าที่รับเลี้ยงเด็กชายคนนี้เสียหน่อย อย่างไรก็ต้องบังคับให้คนทั้งสามรับเอาตัวเด็กออกไปด้วย หลี่หยุนไม่อยากเลี้ยงดูเด็กชายด้วยเช่นกัน ไม่มีผู้สืบทอดสกุลแล้วอย่างไร? ในเมื่อตนเองก็มีแต่บุตรสาวสองคนทำใจได้มาตั้งแต่ต้นแล้ว เด็กนี่ก็ไม่ใช่หลานชายแท้ๆ ของเขาเสียหน่อย สกุลหลี่จะจบสิ้นลงไปเขาก็ไม่ใส่ใจ แต่เมื่อชายชราหันไปเห็นบุตรสาววัย 30 เศษทั้งสองของตน ส่งสายตาชมดชม้อยให้กับบุรุษที่พ้นโทษออกมาพร้อมกันทางนั้นทีทางนี้ทีก็คิดขึ้นมาได้ บุตรสาวคงไม่อยากอยู่เลี้ยงดูชายชราและเด็กเล็กเช่นกันและพวกนางคงจะเร่งหนีตามบุรุษสักคนเพื่อหาที่พึ่งพิงเป็นแน่ เวลานั้นเขาที่อายุมากแล้วก็คงจะต้องอยู่ตัวคนเดียว หากนำหลี่หลงหยางไปด้วยอย่างน้อยตนเองก็ยังมีมือมีเท้าไว้ให้ใช้งานหนักเบาได้บ้าง "โอ..ขอบคุณนายท่านที่ตักเตือนชายชราเลอะเลือนเช่นข้า ข้าย่อมต้องเลี้ยงดูบรรพบุรุษน้อยของข้าให้ดีอยู่แล้ว มาเร็วหลงเอ๋อร์มาหาปู่" หลี่หยุนกวักมือเรียกเด็กชายระรัว ท่ามกลางสายตาไม่พอใจจากบุตรสาวทั้งสอง หลี่หลงหยางมองไปที่ท่านปู่รองของเขาอย่างสับสน ตลอดมาท่านปู่ไม่เคยเรียกเขาว่าหลงเอ๋อร์มาก่อนเลยสักครั้ง ทุกครั้งเวลาที่ท่านปู่รองต้องการความช่วยเหลือก็มักจะเรียกเขาว่าไอ้เด็กเลวอยู่เป็นประจำ ท่านอาหญิงทั้งสองก็เรียกเด็กเลวตามอย่างท่านปู่ด้วย น้อยครั้งนักที่จะเอ่ยเรียกชื่อเสี่ยวหลงต่อหน้าผู้อื่น ครั้งนี้ได้ยินท่านปู้ร้องเรียกหลงเอ๋อร์ด้วยน้ำเสียงหวานนุ่มนวล เด็กชายจึงตกใจและไม่มั่นใจว่าท่านปู่กำลังเรียกเขาอยู่จริงหรือไม่ หลี่หยวนอิงที่ยังไม่เข้าใจความคิดของบิดาเท่าใดนัก แต่นางเห็นว่าบุรุษที่นางคิดให้ท่าจับมาทำสามีในอนาคตกำลังเดินห่างออกไปพร้อมกับกลุ่มคนมากขึ้นทุกทีจึงร้อนใจ นางตัดสินใจเดินย้อนกลับมาอุ้มเด็กชายตัวเล็กเบาหวิวที่ยังคงยืนนิ่งเอาไว้ แล้วรีบเดินตามกลุ่มคนออกจากค่ายกักกันไปทันที .......... คนสกุลหลี่สี่คนเดินทางผ่านป่าเขาเพื่อมองหาพื้นที่สร้างบ้านเรือนที่สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่กันอย่างลำบากยากเข็ญ เดิมทีพวกเขาก็มีลูกหลานสกุลหลี่รวมทั้งข้าทาสบริวารที่ถูกเนรเทศออกมาพร้อมกันร่วม 80 กว่าชีวิต หลายคนก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังเดินทางมาไม่ถึงเมืองหย่งโจว อีกหลายคนก็เจ็บป่วยระหว่างอยู่ในค่ายกักกันทยอยล้มตายกันไปทีละคนสองคนจนสุดท้ายก็เหลือเพียงสามพ่อลูกและหลี่หลงหยาง หลี่หยุนและบุตรสาวทั้งสองมีหน้าที่เลี้ยงดูหลี่หลงหยางโดยตรงตามคำสั่งให้เลี้ยงดูทารกให้เติบโต ทหารจึงไม่สร้างความลำบากและดูแลสี่ชีวิตนี้ดีกว่าคนอื่นๆ งานที่พวกเขาทำก็ไม่ต้องไปขุดดินหรือแบกหาม มีหน้าที่เตรียมอาหารทำความสะอาดลานและที่พักของทหารเท่านั้น ทำให้คนทั้งสี่เอาชีวิตรอดมาได้ตลอด 5 ปี นักโทษใช้แรงงานหนักที่ถูกปล่อยตัวมาพร้อมกับคนสกุลหลี่ในครั้งนี้มีทั้งหมด 30 กว่าชีวิต หลายคนก็มีอายุมากแล้ว หลายคนก็ผ่ายผอมเพราะไม่ได้รับอาหารที่ดี ทุกคนพยายามเดินเกาะกลุ่มเพื่อผ่านแนวป่ากว้างใหญ่เบื้องหน้าออกไปให้ได้ เพราะสถานที่กักกันให้พวกเขามาใช้แรงงานแห่งนี้อยู่ท่ามกลางขุนเขาล้อมรอบทั้งสี่ทิศ หากจะเข้าไปในเมืองที่มีคนอยู่อาศัยหนาแน่นก็ต้องเดินข้ามภูเขาสูงผ่านป่าและทุ่งกว้างออกไปอีกไกล เสบียงอาหารที่ได้รับแจกจ่ายให้ติดตัวมาก็มีเพียงคนละเล็กน้อยให้พอเอาชีวิตรอดได้ในระยะสั้นๆ เท่านั้น "ด้วยเรี่ยวแรงที่พวกเรามี แม้จะเดินทางไปถึงตัวเมืองก็ใช่ว่าจะหางานหรือหาที่พักได้ทันทีทันใด ข้าคิดว่าพวกเราควรจะรวมตัวกันมองหาพื้นที่สร้างที่พักชั่วคราวกันก่อน อย่างน้อยก็ฟื้นฟูร่างกายกันให้ดีขึ้นก่อนที่จะเข้าไปหางานทำจะดีกว่า" หม่าสือออกความเห็นขณะที่คนทั้งกลุ่มหยุดพักเหนื่อยภายในป่า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม