“เงียบ แล้วไปนอนนะคะ คนบ้า” คำหลังเธองึมงำเบา ๆ ไม่กล้าให้เขาได้ยิน
เสียงหัวเราะของจุติลอยวนในหัว กว่าจะหลับก็ค่อนคืน แถมยังรู้สึกว่ามีมือมาป้วนเปี้ยนวนเวียนกับร่างกายของเธออีกด้วย จนเคลิ้มหลับสนิทในเวลาต่อมา
เช้าตรู่ อรนลินรู้สึกตัวตื่นก่อนเขา แล้วก็ต้องตกใจที่มืออุ่นไต่จากหน้าท้องขึ้นมาที่ทรวงอิ่มของเธอ อรนลินพลิกตัวหันมองเจ้าของมือ ก่อนจะออกแรงถีบเปรี้ยง แรงแค่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่า เขาลงไปนอนอยู่ที่พื้นแล้วตอนนั้น
“เฮ้ย! อะไรวะเนี่ย”
เจ้าของมือซุกซนแกล้งโวย เห็นอยู่นะว่าหน้าเขายิ้มกริ่มอยู่น่ะ อรนลินคิดอย่างเคือง ๆ หายง่วงในทันที
“ก็คุณจะทำอะไรละคะ ล้วงอยู่ได้ โรคจิตหรือไงคะ”
อรนลินว่าแล้วยกมือกอดอก คล้ายกันเขาไว้ให้อยู่ที่ตรงนั้น อย่าได้มารู้ใจเธอเชียวว่าตอนนี้มันเต้นตูมตามแค่ไหน
“ก็ทำอะไรเล่า ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย” ยังมีหน้ามาทำไขสืออีก ตวาดแวดถามเค้นเขา “แต่คุณกำลังจะทำใช่ไหมล่ะคะ”
“อะไรของคุณวะเนี่ย”
“ตาบ้า! คนหื่น!”
ว่าเขาแล้ว เธอรีบลุกออกจากเตียง เข้าไปอาบน้ำ ล้างหน้า เพื่อจะได้ลงไปเตรียมตัว ช่วยขนของที่ด้านล่าง แต่พอเข้าห้องน้ำไป ก็เจอแต่สบู่ยี่ห้อดังยี่ห้อเดียว วางเกลื่อนทั้งที่ขอบอ่างและแถวหน้ากระจก
ข้าวของของเธอหายไปไหนหมด
เลยจำใจต้องแกะใช้ของ ๆ เขาไปใช้ก่อน อย่างช่วยไม่ได้
บ่นไม่หยุดปาก ที่ถือวิสาสะเอาข้าวของเครื่องใช้เธอไปทิ้งโดยพลการแบบนี้
“ของในกล่อง จัดขึ้นรถเลย”
จิลลายืนบอกเด็กรับใช้ จุติเดินลงมาพอดี พร้อมกับเอามือคลึงแถวบั้นเอวตัวเองพร้อมถามไปพลาง “โห นี่จะไปกันกี่วันครับ ของเต็มรถเลย”
“เอาไปเถอะน่า เหลือดีกว่าขาด แล้วนั่นเป็นอะไร ปวดหลังหรือติ”
“ก็...ครับ เมื่อวานก้ม ๆ เงย ๆ ผิดท่าไปหน่อย ได้เรื่องเลย”
จิลลาถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง “เอายาไหม”
“ไม่ละครับ”
“เมียเราล่ะ”
“นู่นครับ” จุติจิ้มมือไปทางด้านหลัง ด้วยท่าทางเคือง ๆ
จะไม่ให้เคืองได้อย่างไร คนอะไรหวงเนื้อหวงตัวชะมัด ตื่นมาเจอเขากอดหน่อยเดียว ถีบจนเขาตกเตียง แรงเยอะ ผิดกับใบหน้าอ่อนหวานนั่นราวกับมีผีมาสิงอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว
อรนลินใส่หมวกปีกสานปิดหน้าตาเกือบครึ่ง แล้วเดินเข้ามาสมทบพร้อมข้าวฟ่าง เธอเองก็นึกเคืองคนเจ้าเล่ห์เช่นกัน ที่ไปตามเธอที่ห้องข้าวฟ่างไม่พอ ยังนอนละเมอจับนั่นจับนี่ไปทั่วตัวของเธออีก จนสะดุ้งตื่น เลยถีบเข้าให้เลย จะได้เลิกมายุ่มย่ามกับเนื้อตัวของเธอเสียที
“ตกลงว่าไปนะติ” จิลลาถามย้ำ
“ครับ ไปไม่กี่วัน ทางนี้ให้เษมช่วยดูแล้ว คงไม่น่ามีอะไรให้ห่วง” แต่ที่ห่วงคือเมียตัวแสบนั่นมากกว่า จุติมองเขม็งไปทางคนตัวน้อย ที่ยืนคุยยืนหัวเราะอยู่กับข้าวฟ่างและวาคิม
จิลลาพยักหน้ารับ ก่อนสั่งขึ้น “เรียบร้อยแล้วขึ้นรถเลยเด็ก ๆ”
“เมียจ๋า ไปรถพี่นะ…” หัสนัยที่มาถึงแต่เช้า เดินเข้ามาสมทบ บอกด้วยท่าทางเจียมตัว แต่จิลลาเดินลิ่วไปที่รถของจุติแล้ว
อรนลินที่แม้จะยืนคุยอยู่อีกวง แต่มีเรดาร์มองเหตุการณ์ตรงที่หัสนัยและจิลลาอยู่ตลอด เธอรีบเดินเข้ามาคว้ากุญแจรถในมือจุติส่งให้หัสนัยแทน
“แลกรถกันค่ะ”
หัสนัยชี้มือมาที่เธออย่างถูกใจ “หัวใสนะเนี่ย”
“เฮ้ยพี่ เอางั้นเลยนะ แล้วเดี๋ยวพี่จิลลาจะไม่งอนผมหรือไง”
“เออน่า พี่รับผิดชอบเอง” หัสนัยบอกจบ เดินตามไปเปิดประตูรถของจุติ ก่อนจะพารถออกไปก่อนเป็นคันแรก จุติยืนมองตามหลังก็นึกขัดใจ บ่นตามไปว่า “ตลอดอะ”
บรรยากาศสองข้างทางสบายตา ผ่อนคลายจนเธอเคลิ้มหลับและตื่นไปสองรอบ จนทำท่าจะหลับลงไปอีกครั้ง แต่พอรถจอดลงใต้ต้นหูกวางภายในบ้านพักริมทะเล เธอก็ลืมตาตื่น หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
รถของจุติที่หัสนัยขับไปกับจิลลาสองคนมาถึงก่อนหน้าไล่ ๆ กัน ประตูฝั่งคนนั่งถูกเปิดออกแทบทันที ที่รถจอดสนิท ใบหน้าเรียบเฉยดูบึ้งตึงของจิลลาทำบรรยากาศดีดีหม่นหมองลงอีกครั้ง
จุติรีบส่งสายตาบอกไปยังพี่สาวของเขาทำนองว่า ‘ผมถูกบังคับ’
แต่แล้วจิลลาก็เมินหน้าไปทางอื่น เมื่อหัสนัยยิ้มถูกใจ เมื่อได้ใช้เวลาในรถกับภรรยาจอมงอนตามลำพังถึงสามชั่วโมง
จุติเข้าไปคล้องแขนพี่สาวของเขา แล้วว่า “เอาน่าพี่ มาเที่ยว อย่าคิดอะไรให้มากมายเลยครับ ทำใจให้สบาย ๆ ดีกว่า”
จิลลา ข้าวฟ่าง เธอและนิดช่วยกันเก็บข้าวของมาวางรอให้พวกผู้ชายขนเข้าบ้านไป
“พวกผู้ชายจะกลับมาเมื่อไรกัน”
“คงเย็นมังคะพี่จิลลา”
“อย่าหิ้วท้องรอเลย เราไปจ่ายตลาดกันดีกว่า”
ทั้งหมดมีความเห็นตรงกันกับจิลลา จึงพากันขึ้นรถออกมายังตลาดสด ได้ของทะเลติดมาหลายรายการ แล้วจึงกลับที่พัก
บ่ายคล้อย จิลลาจึงให้นิดตั้งเตาเตรียมปิ้งย่างอาหารทะเล เมื่อเตรียมของจนเรียบร้อย ยกมาที่โต๊ะหน้าบ้าน พวกผู้ชายก็กลับมาพอดี
“สาว ๆ กินอะไรกันหรือยัง” หัสนัยร้องถามก่อนจะเดินเข้ามาสมทบ
“กำลังจะกินค่ะ ได้อะไรมาบ้างคะ”
หัสนัยชูผลงานในมือ อรนลินที่มองหาจุติอดแซวไม่ได้
“แวะซื้อตรงตลาดแหง ๆ เลย ตัวนี้มีแผลที่ปากหนูดีจำได้”
หัสนัยแกล้งว่า “ตลกแล้วยายแสบ”
จุติหิ้วถังแช่ลงจากรถตามมาแล้วร้องเรียก “มาช่วยกันขนของหน่อยครับ”
อรนลินที่ยืนรออยู่หันไปบอกข้าวฟ่างอีกที “ปะฟ่าง”
“ฟ่างไม่ต้องไป คุณนั่นแหละมานี่”
ได้ยินเขาพูดราวกับออกคำสั่ง อรนลินจึงละงานในมือตรงไปที่เขาอย่างไม่เกี่ยงงอน พอเดินไปจนถึง จุติก็ยื่นตาข่ายใส่บรรดาเปลือกหอยใหญ่น้อยส่งให้
“เอามาฝาก เห็นนั่งปะดิษฐ์ประดอยงานอะไรของคุณน่ะ เผื่อจะเอาไปใช้ได้มั่ง”
รับมาพลิกไปมาอย่างสนใจ แล้วถามเขาไปว่า
“คุณซื้อมาหรือคะ”
“เก็บจากหาดแถวนั้นแหละ”
ได้ยินว่าเขาเก็บมาให้ ก็อมยิ้ม รู้สึกดีนิด ๆ บอกเขาไปว่า “ขอบคุณค่ะ”
ข้าวฟ่างมองยิ้ม ๆ อดส่งสายตาแซวไม่ได้
“โอ้ย ฟ่างอิจฉาคนมีคู่”