เด็กพี่มันส์ยั่ว
EPISODE3
“สาวน้อย...พ่อเธอทนมือทนตีนดี” ซายน์พูดขึ้น
“เขาไม่ใช่พ่อหนู” นั่นทำให้เบบี๋สวนกลับทันควัน ราวกับไม่ต้องการให้ใครมายัดเยียดสถานะแบบนั้นให้กับเธอ
“แล้วนายจะเอายังไงครับ เด็กคนนี้จะให้ผมส่งไปทำงานหาเงินพลาง ๆ หรือว่านายจะเอาไว้เล่นอย่างที่ไอ้ทศมันเสนอครับ” แทนคุณที่รอรับคำสั่งต่อไปเอ่ยถาม ทำให้ซายน์และโซลหันมองสบตากัน ก่อนที่ซายน์จะเป็นคนตัดสินใจ
“ไม่รีบ ถ้าเด็กนี่ไม่สมราคาคุย มึงค่อยไปคิดบัญชีกับมันแล้วกัน” ซายน์ว่าเสียงเรียบ
“ครับนาย”
เวลาต่อมา...เบบี๋ที่ถูกซายน์และโซลพากลับมาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ ก็ได้แต่หวาดระแวงสภาพแวดล้อมรอบตัวไปหมด ที่นี่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาจนเธอไม่รู้ว่าขอบเขตของรั้วรอบมันอยู่ที่ไหนกันแน่ ขืนเป็นแบบนี้อย่าว่าแต่คิดหนีเลย คิดวิ่งออกไปให้พ้นรั้วให้ได้ก่อนเถอะ
เมื่อมองจากจุดที่รถจอดเธอก็เห็นว่าที่ด้านข้างของคฤหาสน์หรูมีสระน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งมีสะพานทอดออกไปถึงกลางน้ำ ตรงนั้นมีสถานที่คล้ายศาลาไม้สักตั้งตระหง่านอยู่ ที่ชานระเบียงซึ่งถูกเปิดไฟทิ้งไว้มีร่างของหญิงสาวหลายคนกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกคล้ายกำลังเต้นรำเคล้าเสียงดนตรีกันอยู่ และถึงแม้อากาศในยามค่ำคืนจะมีสายลมเย็นพัดผ่านมากระทบผิวเป็นระลอก แต่พวกเธอเหล่านั้นกลับนุ่งผ้าผ่อนน้อยชิ้นเหลือเกิน
“สนใจที่นั่นรึไง” โซลที่เห็นว่าสาวน้อยเอาแต่มองไปยังศาลาเริงราคะของพวกเขาจึงเอ่ยถาม
“เปล่าค่ะ” เบบี๋ตอบเพียงแค่นั้น ก็เห็นว่าซายน์เดินนำเข้าไปด้านในแล้ว ต้นแขนของเธอจึงถูกโซลรั้งให้ตามไปเช่นกัน
เมื่อเข้ามาด้านในเบบี๋มองสภาพภายในซึ่งตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหราราคาคงแพงแสนแพง ก็ได้แต่สะท้อนในอกเมื่อคิดถึงสภาพความเป็นอยู่แสนยากลำบากที่เธอเคยผ่านมา แต่ถึงเธอจะแอบคิดตัดพ้อต่อชะตาชีวิตไปบ้าง มันก็ไม่ได้รัดทนเท่ากับวันที่แม่เธอพาสามีใหม่เข้ามาแนะนำให้เธอรู้จักหรอก
ชีวิตของสาวน้อยที่ไร้พ่อมาหลายสิบปี เพราะท่านเสียไปด้วยโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน วันหนึ่งเบบี๋ก็ต้องพบกับชายคนใหม่ของมารดาซึ่งก็คือ ‘ทศ’ ที่ปากพูดว่าจะดูแลเธอและแม่ให้มีสภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่จนแล้วจนรอดนอกจากงานการไม่ทำแล้ว เขายังดื่มเหล้าและเมากลับมาทำร้ายผู้เป็นแม่อีกต่างหาก เบบี๋ในฐานะลูกนั้นแสนสงสารแม่จับใจ เคยพยายามจะช่วยเหลือยามที่แม่ถูกทุบตีทารุณ กลับกลายเป็นว่าเธอเองก็โดนทุบตีไปกับแม่ด้วย
กระทั่งเบบี๋อายุเข้าช่วงวัย 14 ปี เธอก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของทศผู้เป็นพ่อเลี้ยง ที่มักจะมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลก ๆ บางครั้งเขาก็ปรากฏตัวมายืนอยู่ข้างหลังเธอเงียบ ๆ ทำเป็นไถ่ถามเรื่องเรียนของเธอ ทว่ามือไม้นั้นกลับสัมผัสแตะต้องเนื้อตัวให้สาวน้อยรู้สึกไม่สบายใจ
แน่นอนว่าแม้เบบี๋จะไม่มีสังคมเพื่อนฝูงมากมาย แต่เรื่องการดูแลระวังตัวเองนั้นเธอก็ค่อนข้างจริงจังเสมอ ด้วยข่าวคร่าวเรื่องพ่อเลี้ยงลูกเลี้ยงในทีวีก็มีให้รับรู้มากมาย
“ไปอาบน้ำ” ซายน์ที่เดินนำน้องชายและสาวน้อยเข้ามาที่ห้องนอนรับรองแขกจัดแจงโยนผ้าขนหนูให้เบบี๋ ทำให้โซลปล่อยมือจากต้นแขนเธอ
เบบี๋ที่ยังคงมีสีหน้านิ่งเรียบเพียงรับมันมาถือไว้ ในใจได้แต่ตัดพ้อต่อชะตา อย่างไรเสียเธอคงหนีไม่พ้นที่จะถูกพวกเขาเอามาเล่นฆ่าเวลาจริง ๆ แต่ถ้าถึงเวลานั้นเบบี๋ก็คิดไว้แล้วว่าเธอจะพาตัวเองให้หลุดพ้นจากเรื่องบ้า ๆ นี้อย่างไร
“ทำไมพูดง่าย” โซลที่มองตามร่างเล็ก ซึ่งเดินเอากระเป๋าสะพายข้างไปวางพิงกับผนังไว้ ก่อนที่เธอจะเดินถือผ้าขนหนูหายเข้าไปในห้องอาบน้ำก็อดสงสัยไม่ได้ ขณะที่ซายน์เดินหายออกไปยังห้องนอนส่วนตัว เพื่ออาบน้ำเช่นกัน โซลถึงได้ออกไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย อย่างน้อย ๆ คืนนี้พวกเขาก็มีของเล่นใหม่ติดมือกลับมา
ผ่านไปราวยี่สิบนาที...
เบบี๋ที่นุ่งเพียงผ้าขนหนูสีขาวค่อย ๆ ก้าวออกมาจากห้องอาบน้ำ เธอกวาดสายตามองไปทั่วห้องก็พบว่าในนี้ไร้ซึ่งเงาของพี่น้องคู่นั้น สาวน้อยจึงตรงดิ่งไปยังตู้เสื้อผ้าก็พบว่ามันว่างเปล่า เธอจึงหมุนตัวกลับมาหวังจะไปเอาเสื้อนักศึกษามาสวมทับไว้ก่อน ทว่าร่างเล็ก ๆ ก็ต้องชนเข้ากับแผ่นอกกว้างของใครบางคนอย่างจัง
ปึก!
“คุณ...” เธอพึมพำได้แค่นั้น เพราะไม่คิดว่าซายน์จะปรากฏตัวขึ้นเงียบ ๆ
“หาอะไร” เขาพูดจาน้อยคำแถมยังทำสีหน้านิ่งเรียบไม่เปลี่ยน
“นะ...หนูหาเสื้อผ้า” เธอเอ่ย โดยไม่มองหน้าเขาแม้แต่น้อย ในใจเอาแต่เต้นระรัวอย่างบ้าคลั่งไปหมด