“ปล่อยค่ะ...กรุณาปล่อย...คุณไม่ใช่คลีฟคนเดิมที่ฉันเคยรู้จักอีกแล้ว!”
นิตาบิดข้อมือที่เขากุมมันไว้และบีบแน่นจนหญิงสาวรู้สึกเจ็บ และเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าและแววตาของเขาเปลี่ยนไปก่อนที่มือหนาใหญ่จะค่อย ๆ คลายออกและปล่อยให้มือเรียวบางเป็นอิสระ หญิงสาวถอยห่างจากเขาด้วยความหวั่นกลัว เธอไม่คิดจะเก็บกระเป๋าที่หล่นบนพื้นขึ้นมาอีกแต่กลับหันหลังให้ แต่แล้วเสียงของชายหนุ่มที่ดังขึ้นเบื้องหลังทำให้เธอหยุดชะงักอีกครั้ง
“ผมยังเป็นคนเดิม...นีน่า...ตัวผมไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากนี้”
ใช่...เขายังเป็นคลีฟคนเดิม แต่เขาก็ไม่รู้จักเธออีกแล้ว เขาจำไม่ได้ว่าระหว่างเธอและเขามีสายสัมพันธ์ร้อยรัดแน่นหนาเช่นไร หญิงสาวเริ่มร้องไห้ทว่าปราศจากเสียงสะอื้น นิตายังนึกถึงการสานสัมพันธ์ซึ่งเธอคิดว่ามันจะยืนยาว เขาร้อยรัดความรักของเธอไว้ทั้งร่างกายทั้งหัวใจและ...ใบทะเบียนสมรส นิตาหลับตาลงพร้อมน้ำตาหลายหยดที่ถั่งสายออกมา เธอจดทะเบียนกับเขา
พันจ่าเอกคลีฟ เวสเนอร์
หญิงสาวใช้นามสกุลของเขาต่อท้ายนามสกุลของเธอ นิตา รัตนะรัศมี เวสเนอร์ และมันปรากฏอยู่ในใบทะเบียนสมรสและบัตรประชาชนของเธอตราบถึงทุกวันนี้ เธอจดทะเบียนสมรสกับเขาได้แค่เดือนเดียวก่อนรับรู้ว่าคลีฟต้องกลับมายังสหรัฐเพื่อปฏิบัติภารกิจอันตรายนั่นคือการร่วมรบกับกองทัพในสงครามประเทศตะวันออกกลางและหญิงสาวยินดีที่จะรอเขาอยู่ที่เมืองไทย
“นีน่า...เมื่อเสร็จภารกิจผมจะรีบกลับมารับคุณ...โอ...ที่รัก...ผมอยากหยุดเวลานี้เอาไว้ให้นานที่สุด หรือไม่ก็อยากให้มันหยุดอยู่แค่นี้ในช่วงชีวิตของเราสองคน”
แต่เวลาก็ไม่เคยหยุดรอใครอย่างที่ใจของเขาปรารถนา คลีฟ เดินทางกลับประเทศของเขาและเธอก็เฝ้ารอวันเวลา จวบกระทั่งผ่านไปจากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี และจากหนึ่งปีเป็นสองปี ซึ่งมันถึงเวลาที่นิตาไม่อาจเฝ้าคอยต่อไปได้ เธอตัดสินใจนำเงินที่เก็บไว้ทั้งหมดซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางมายังอเมริกาทั้งที่มีข้อมูลเกี่ยวกับคลีฟอยู่เพียงน้อยนิดว่าเขารับราชการทหารของกองทัพสหรัฐ
และถึงวันนี้เธอก็ได้ประจักษ์แล้วว่า คลีฟ เวสเนอร์ ไม่ได้มีภูมิหลังเป็นแค่นายทหารอยู่ในกองทัพ สิ่งที่ลอว์สันบอกนั้นตรงกับสิ่งที่เธอรู้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือการที่เขาต้องเข้าร่วมรบในสมรภูมิอันตราย แต่ที่เหลือมันเป็นเรื่องที่เธอไม่คาดฝันและไม่ได้นึกตื่นเต้นที่เขาเป็นถึงประธานบริษัทใหญ่โต
เธอไม่ได้ประวิงถึงทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล สิ่งล้ำค่าที่สุดสำหรับหญิงสาวคือตัวตนและวิญญาณของเขาต่างหาก ซึ่งในบัดนี้มันได้สูญสลายหายไปจนหมด เขามองเธอด้วยแววตาของคลีฟ เวสเนอร์ ประธานกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในสหรัฐ หาใช่ คลีฟ นาวิกโยธินหนุ่มผู้นั้นที่แววตาเปี่ยมด้วยความอบอุ่นอย่างที่เธอจะหาจากผู้ชายคนไหนในโลกนี้ไม่ได้อีก
นิตาไม่ยอมหันกลับไปมองเขา และเธอก็ไม่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าแสดงออกซึ่งความเจ็บปวดของชายหนุ่ม คลีฟก้าวเข้าไปเกือบชิดแผ่นหลังบอบบางของหญิงสาว เขายกมือขึ้นและปรารถนาจะแตะไหล่เธอ จับไหล่เล็ก ๆ ทั้งสองนั่นไว้ด้วยความรักและคิดถึงสุดหัวใจตลอดระยะเวลาสองปีที่จากมา
เขายังจดจำหญิงสาวชาวไทยผู้นี้ได้ทุกกระเบียด จดจำลมหายใจและเสียงอ่อนหวานของเธอ กลิ่นหอมของดอกไม้ไทยบนเรือนผมยาวดำขลับ ร่างนุ่มนิ่มที่เขาชอบสัมผัสทุกส่วนสัดอันงดงาม กลีบปากอันนุ่มละมุนและผิวผุดผาดที่เขาเคยเป็นเจ้าของทุกอณู
หากทว่าเขาก็เพียงแค่ยกมือข้างหนึ่งขึ้น ทำเหมือนจะสัมผัสไหล่กลมกลึงบอบบาง แต่เขากลับกำหมัดไว้กับตัวเองแน่นราวกำลังสะกดความรู้สึกบางอย่างที่แม้มันจะพลุ่งพล่านแต่เขาก็ไม่อาจปลดปล่อยความปรารถนาที่เร้นอยู่ในส่วนลึกออกมาได้ เขาต้องกดมันไว้ให้ลึกที่สุด ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่ตัวเขาเหมือนกำลังจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง
“นีน่า...จำไว้ว่าคุณต้องไม่ไปไหน ห้องนี้ผมให้คุณอยู่...ในช่วงเวลาที่คุณทำงานกับผม รับปากสิ...ว่าคุณต้องไม่ไปไหน”
“นี่เป็นคำสั่งหรือคะ?” ถามด้วยเสียงแผ่วเบาโดยที่ยังไม่ยอมหันไปมองหน้าเขา
“ในฐานะประธานของเวสเนอร์ ผมขอสั่งคุณ”
นั่นเองทำให้หญิงสาวหันกลับมาเผชิญหน้ากับประธานเวสเนอร์ กรุ๊ป แล้วน้ำตาแห่งความอ่อนแอก็ไหลลงมาบนแก้มของหญิงสาวอีกจนได้ นิตาเม้มปากแน่นสนิท เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับคลีฟ หากแต่สิ่งที่ได้ประจักษ์แน่ชัดในตอนนี้แน่แล้วคือเขาไม่เหมือนเดิม นัยน์ตาคู่งามพร่าพราย ท้ายที่สุดแล้วเธอต้องยอมจำนนต่ออำนาจแห่งความรักราวกับตกอยู่ใต้คำสาปที่ไม่อาจหลีกหนีได้พ้น เรียวปากบางที่เม้มเกร็งคลายลงทว่าความปวดร้าวของหญิงสาวกลับยิ่งขมวดแน่นเหมือนเกลียวเชือก
“ค่ะ...ฉันจะทำตามคำสั่งของท่านประธานค่ะ”
เมื่อได้รับคำตอบความพึงพอใจจึงฉายออกมาจากแววตาสีน้ำเงินแซฟไฟร์คู่นั้นแม้ในส่วนลึกจะเต็มไปด้วยสำนึกแห่งความเจ็บปวด เขาทำให้เธอเสียน้ำตาและแค่คิดว่าอยากจะดึงหญิงสาวเข้ามาสู่อ้อมแขน ปลุกปลอบหัวใจของเธอให้เข้มแข็งมากกว่านี้ หากเขาก็ต้องสะกดตัวเองเอาไว้อีกครั้ง จองจำความปรารถนาที่จะแตะต้องตัวนิตาเอาไว้ ชายหนุ่มระบายลมหายใจเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเอ่ยว่า
“พรุ่งนี้พบกันที่ห้างเวสเนอร์”