บทนำ จุดเริ่มต้นของการย้อนเวลา

2492 คำ
ณ จวนตระกูลกู้ จวนของตระกูลขุนนางที่มีรั้วสูงท่วมศีรษะ ภายในเรือนใหญ่ของผู้นำตระกูล ปรากฏร่างของสตรีนางหนึ่งในลักษณะท่าทางกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นเรือน มือข้างหนึ่งของนางยันพื้นเอาไว้ มืออีกข้างถูกยกขึ้นมากุมหน้าอกเพราะความรู้สึกเจ็บปวด ด้านนอกเรือนมีร่างของสาวรับใช้คนสนิทที่เพิ่งจะสิ้นใจไปก่อนหน้า เพราะถูกลูกน้องของผู้ชายสารเลวตรงหน้าแทงด้วยมีดอันแหลมคม แม้แต่ตัวนางเองในยามนี้ก็คงไม่อาจจะมีชีวิตรอดไปได้แล้วเช่นกัน “เพราะเหตุใด ท่านกับนางถึงได้ร่วมมือกันสังหารข้าได้ลงคอ ข้าคือภรรยาของท่านนะ กู้อี้เหวิน อ๊อก!!” โลหิตสีดำกระเด็นออกมาจากริมฝีปากที่เคยงดงาม ยามนี้มันเริ่มเปลี่ยนสีเป็นม่วงคล้ำจนไม่น่ามอง สาเหตุมาจากยาพิษที่นางเพิ่งจะดื่มเข้าไป นัยน์ตากลมยามนี้แดงก่ำจ้องมองสามีอันเป็นที่รัก โอบกอดร่างบางของสหายสนิทของนางเอาไว้ในอ้อมอก ด้วยความเคียดแค้น “โถๆๆ ซูเยว่ซิน เจ้าช่างเป็นสตรีที่น่าสงสารยิ่งนัก ไหนๆ เจ้าก็จะตายอยู่แล้ว ข้าจะเมตตาบอกความจริงทั้งหมดให้เจ้ารับรู้ก็แล้วกัน ข้ากับท่านพี่อี้เหวิน เรารักกันมานาน ก่อนที่เขาจะได้พบกับเจ้าเสียอีก แต่เป็นเจ้าที่โง่เอง คิดว่าเขารักเจ้าจริง จนยอมทำทุกอย่างให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการ” สตรีที่เคยเป็นสหายที่สนิท และหวังดีกับนางที่สุด ตั้งแต่ที่นางย้ายจากเมืองโหย่วถิง มาอาศัยอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ ยามนี้ได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ราวกับว่าไม่ใช่คนที่เคยรู้จักกันมาก่อน ที่แท้รอยยิ้มและมิตรภาพก็แฝงไปด้วยคมมีด เหตุใดนางถึงไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้มาก่อน พี่ชายของนางต้องมาตายเพราะช่วยงานเขา บิดาของนางถูกโจรป่าสังหาร ทั้งๆ ที่เป็นแม่ทัพที่มีฝีมือ มารดาของนางต้องมาตรอมใจตายเพราะสูญเสียทั้งสามีและบุตรชายเพียงคนเดียวไปในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน พี่ชายของสามีต้องตายเพราะถูกลูกน้องของสามีลอบสังหาร โดยที่นางเองก็มีส่วนรู้เห็น สาวรับใช้คนสนิทของนางต้องมาสิ้นใจตายไปอย่างทรมาน เพราะจับได้ว่าชายหญิงสารเลวลอบวางยาพิษนาง ยังไม่ทันได้บอกความจริงให้นางรับรู้ สาวรับใช้ของนางก็ถูกพวกคนชั่วสังหารนางจนสิ้นใจ เหตุใดนางถึงได้เป็นสตรีที่โง่งมได้ถึงเพียงนี้ ไปหลงเชื่อในคำว่ารักที่ผู้ชายสารเลวผู้นี้พูดออกมา จนมองไม่เห็นความจริงรอบๆ กาย “ท่านพ่อของข้า เขามิได้ตายเพราะเงื้อมมือของพวกโจรป่าใช่หรือไม่” ซูเยว่ซินตัดสินใจเอ่ยถามออกมาแม้ภายในลำคอจะรู้สึกเจ็บปวดจากพิษที่นางได้รับเข้าไป “แม่ทัพผู้องอาจ ฟาดฟันศัตรูมามากมายอย่างท่านพ่อของเจ้าน่ะหรือ จะพลาดท่าให้พวกโจรป่าพวกนั้นเอาง่ายๆ หากไม่ใช่เพราะท่านพี่อี้เหวินสั่งคนให้ไปลอบสังหารเขา อ้อ....ยังมีพี่ชายของเจ้าอีกคน เขาต้องตายไปก็เพราะความรักที่มีให้เจ้า เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเจ้านะ ซินเอ๋อร์... เป็นเพราะเจ้าที่เกิดมาโง่งม หลงเชื่อในความรักของผู้อื่นจนมองไม่เห็นความรักของครอบครัว” หลูเจียงหลี เล่าความจริงให้อดีตสหายสนิทฟังด้วยความสะใจ ที่ผ่านมานางนั้นต้องเสแสร้งแกล้งทำว่านางนั้นหวังดี กับสตรีที่เกิดมามีชะตาชีวิตที่สูงส่งน่าอิจฉา เป็นบุตรีที่เกิดจากภรรยาเอกของจวนแม่ทัพ ต้องการสิ่งใดทั้งบิดามารดา และพี่ชายต่างสรรหามาให้ ทว่านางนั้นกลับมีชีวิตที่ต่างกัน นางก็เป็นเพียงบุตรีที่เกิดจากอนุภรรยาลำดับที่ห้าของตระกูลหลู มีบิดาก็เมินเฉย พี่สาวน้องสาวต่างมารดาก็แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน มีชีวิตอยู่ภายในจวนสุดแสนจะลำบาก “เจ้าอย่าชิงชังพวกข้านักเลย หากอยากจะเอาความจากผู้ใด ก็ต้องโทษตัวเจ้าเองนั่นแหละ ที่มองไม่เห็นเองว่าผู้ใดนั้นรักเจ้าจริง” กู้อี้เหวินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ซูเยว่ซินตระหนักได้ในทันทีว่าชายสารเลวตรงหน้านี้กำลังเอ่ยถึงผู้ใด เป็นพี่ชายของเขา คุณชายใหญ่ตระกูลกู้ กู้มู่เฉินนั่นเอง ที่มีใจให้แก่นาง ทว่านางกลับไม่เคยมองเห็นถึงความรักของเขา ถ้าเช่นนั้นที่นางได้รับผลกรรมเยี่ยงนี้ก็คงถูกแล้วกระมัง เปลือกตาบางค่อยๆ ปิดลงทว่าความแค้นภายในใจของซูเยว่ซินกลับร้อนแรงดังเปลวไฟ นางมิอาจปล่อยวางเรื่องชายหญิงสารเลวคู่นี้ได้ และก่อนที่นางจะได้ยินคำพูดของชายหญิงสารเลวตรงหน้าพูดออกมาอีกครา นางก็กระอักโลหิตออกมากองโต เพียงไม่นานนักร่างที่ยังนั่งอยู่บนพื้น ก็ล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้นแทน นัยน์ตาแดงก่ำยังคงจ้องมองไปที่ชายหญิงทั้งสอง ที่ยามนี้ยืนมองมายังนางอย่างเย็นชา ไร้ความเมตตาสงสาร มองดูนางราวกับมองสัตว์ตัวหนึ่งที่กำลังจะตาย แค้นนี้ถึงเยี่ยงไรก็ต้องได้รับการชำระ หากสวรรค์มีเมตตาโปรดช่วยให้ข้าได้หวนคืน ชาตินี้ตัวข้านั้นได้ทำความดีเอาไว้มากมาย นี่น่ะหรือคือผลตอบแทนของการเป็นคนดี หากจะถามถึงความผิด ก็มีเพียงความรักที่ทำให้ตัวข้าตามืดบอด ทำให้ข้าผิดต่อบิดามารดาและพี่ชาย และทำให้ข้าทำผิดต่อเขา เพียงเพื่อช่วยให้ชายชั่วผู้นั้นได้กลายเป็นผู้นำตระกูลตามที่ตั้งใจ จนถึงขั้นยอมทำเป็นมองไม่เห็นในยามที่เขาต้องถูกลอบสังหารจนสิ้นใจตาย ราวกับสวรรค์ได้ยินคำคร่ำครวญของหญิงสาวที่มีชะตาชีวิตที่น่าเวทนา แสงสีขาวสว่างวาบเข้ามาภายในดวงจิตของผู้ที่กำลังจะสิ้นใจ พานางย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน ยามที่นางยังไม่ได้พบกับชายหญิงสารเลว ย้อนกลับไปในยามที่นางได้ใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบกับบิดาและพี่ชาย เสียงเหล็กดังปะทะกันจากการฝึกฝนวิชาดาบของเหล่าทหารกล้าดังสะท้อนมาปลุกนางให้ลืมตาตื่น “ที่นี่คือที่ใด สวรรค์หรือว่านรก” เสียงแหบหวานดังออกมาจากร่างของคุณหนูรองที่นอนอยู่บนเตียงไม้ภายในกระโจมของค่ายทหาร ทำให้สาวรับใช้ข้างกายที่ทำหน้าที่เฝ้าไข้นางอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่น “คุณหนูรอง...ท่านฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ บ่าวจะรีบออกไปตามนายท่านมาหาท่านนะเจ้าคะ” ชิงหลวนรีบถามออกมาด้วยน้ำเสียงยินดี เพราะคุณหนูรองเป็นไข้นอนไม่ได้สติมาสามวันสามคืนแล้ว นายท่านร้อนใจจึงออกไปตามหาท่านหมอเทวดาจากนอกค่ายทหาร เพื่อให้มารักษาอาการเจ็บไข้ของคุณหนู ยามนี้นายท่านเพิ่งจะกลับมา แต่ทว่ายังไม่พบกับท่านหมอเทวดาที่พวกทหารเล่าลือ ซูเยว่ซินมองเห็นสาวรับใช้คนสนิทที่นางจำได้ว่าสิ้นใจไปแล้ว ก็รีบผุดลุกขึ้นนั่งแล้วคว้ามือของอีกฝ่ายที่กำลังจะจากไปเอาไว้ “ชิงหลวน!!! นี่เจ้าจริงๆ น่ะหรือ” พลันน้ำตาของนางก็หลั่งลงมา จนชิงหลวนเองก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก “ข้าน้อยชิงหลวนเองเจ้าค่ะ คุณหนูรอง ท่านเป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ” สาวรับใช้วัยสิบห้ารีบตอบคุณหนูรองวัยสิบสามออกมาด้วยน้ำเสียงตระหนกตกใจ พลันรีบเข้าไปดึงร่างเล็กมาสวมกอดเอาไว้อย่างระมัดระวัง ซูเยว่ซินร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ นางไม่คิดเลยว่า นางจะได้ย้อนเวลากลับมาจริงๆ แท้จริงนางตายไปแล้วมิใช่หรอกหรือ ตายอย่างน่าอนาถท่ามกลางสายตาเย็นชา ไร้เมตตาของชายหญิงสารเลวคู่นั้น หรือแม้แต่ชิงหลวนเอง ก็ต้องตายเพราะช่วยเหลือนางเช่นกัน “ชิงหลวน นี่พวกเราอยู่ที่ใดกันรึ” นางต้องการแน่ใจว่านางได้ย้อนเวลากลับมาจริงๆ หรือเพียงแค่ฝันไปจึงถามสาวรับใช้ออกมา “ค่ายทหารชายแดนเมืองโหย่วถิงเจ้าค่ะ ก็คุณหนูติดตามนายท่านกับคุณชายใหญ่มายังค่ายทหารเมื่อหลายวันก่อน คุณหนูจำไม่ได้แล้วหรือเจ้าคะ” คำตอบของชิงหลวนทำให้ซูเยว่ซินรับรู้ได้ในทันที ว่านี่หาใช่ความฝันไม่ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่นางติดตามบิดาและพี่ชายออกมายังค่ายทหาร แต่หลังจากนั้นอีกไม่นานนางก็เดินทางกลับจวนตระกูลซู เพราะนางร่างกายอ่อนแอ ถ้าเช่นนั้นนางก็ได้ย้อนเวลากลับมาในวัยสิบสามปี ย้อนกลับมาก่อนที่นางจะได้พบกับชายหญิงสารเลวคู่นั้น และย้อนกลับมาก่อนที่นางจะตายเพียงห้าปีเท่านั้น จากนี้อีกสองปี ที่บิดาและพี่ชายของนางจะสู้รบชนะ และได้ย้ายกลับเข้าไปประจำการในเมืองหลวง นางยังมีเวลาอีกสองปีในการเตรียมการ ที่จะรับมือกับชายหญิงสารเลวคู่นั้น และตอบแทนชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียว ที่มีใจรักนางอย่างแท้จริง ชาตินี้นางจะช่วยชีวิตเขา และคอยผลักดันให้เขาได้เป็นผู้นำตระกูล หนทางแห่งความสุขของกู้อี้เหวินกับหลูเจียงหลี นางจะขัดขวางพวกมันทุกวิถีทาง “ซินเอ๋อร์...เจ้าฟื้นแล้วรึลูกพ่อ” ท่านแม่ทัพใหญ่ซูเยว่จงรีบเข้ามาในกระโจมพร้อมเอ่ยถามบุตรสาวที่นั่งอยู่บนเตียงไม้ด้วยความดีใจ “เจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกอกตัญญู ทำให้ท่านพ่อต้องเป็นกังวลแล้ว” ซูเยว่ซินตอบพลางยิ้มจางๆ ออกมา น้ำตาคลอเบ้าตาทั้งสองข้าง นางไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้มาเห็นว่าท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่อีกครั้ง ท่านพ่อที่ต้องสิ้นชีพไปเพราะความโง่งมของนาง “โถ่...พูดอันใดเยี่ยงนั้น เจ้าหายป่วยก็ดีแล้ว” ท่านแม่ทัพซูดึงร่างบอบบางของบุตรสาวเข้ามาในอ้อมกอดพลางกล่าวออกมาอย่างโล่งใจ ซูเยว่คงที่ได้ยินว่าน้องสาวฟื้นจากไข้แล้วก็รีบตามมาที่กระโจมของนางเช่นกัน “ซินเอ๋อร์...เจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง” เสียงของพี่ชายเรียกสายตาของซูเยว่ซินให้มองไปยังเขา เด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ วัยเพียงสิบหกปีแต่ทว่ากลับมีร่างกายกำยำ เพราะออกกำลังอยู่ทุกวัน พี่ชายของนางในยามนี้ช่างดูมีความสุขยิ่งนัก อาจจะเป็นเพราะเขายังไม่ได้เข้าไปพัวพันกับการแย่งชิงอำนาจของผู้ใด ชาติก่อนเป็นเพราะนางเอง ที่เป็นฝ่ายดึงเขาเข้าไปในแผนการของชายชั่วผู้นั้น ได้ย้อนกลับมาครานี้นางจะไม่ยอมให้ผู้ใดต้องมาตายเพราะความโง่งมของนางอีก เพราะนางจะกลายเป็นซูเยว่ซินคนใหม่ คนที่พร้อมจะช่วงชิงเส้นทางแห่งความสุขของชายหญิงสารเลวคู่นั้นมาเป็นของนางเอง “ข้ามิเป็นอันใดแล้วเจ้าค่ะพี่ใหญ่” ซูเยว่ซินตอบออกมา จากนั้นจึงส่งยิ้มจางๆ ให้แก่เขา ทั้งบิดา พี่ชายและสาวรับใช้ต่างมองมายังนางด้วยแววตาโล่งใจ แต่ถึงกระนั้นท่านแม่ทัพซูก็ยังคงเรียกท่านหมอในค่ายทหาร ให้มาช่วยตรวจดูอาการบุตรสาวอีกครา ครั้นได้ยินว่านางไม่เป็นอันใดแล้วจริงๆ เขาจึงวางใจ เช้าวันต่อมาท่านแม่ทัพซูสั่งให้บุตรสาวเดินทางกลับไปรักษาตัวต่อที่จวนตระกูลซู ซึ่งตั้งอยู่ในตัวเมืองโหย่วถิง ทว่านางกลับปฏิเสธ ซูเยว่ซินตั้งใจเอาไว้แล้วว่า การที่นางได้หวนกลับมาในครานี้ นางจะต้องมีวรยุทธ์ติดตัว เพื่อไม่ให้ตนเองอ่อนแอจนถูกคนรังแก และมิอาจปกป้องผู้คนที่รักนางได้ แม่ทัพซูครั้นถูกบุตรสาวออดอ้อนก็ใจอ่อน ยอมให้บุตรชายคอยช่วยฝึกวรยุทธ์ให้ผู้เป็นน้องสาว ทุกคราที่เขามีเวลา ซูเยว่คงรู้สึกยินดียิ่งนักที่น้องสาวของเขามีใจนึกอยากฝึกวรยุทธ์ขึ้นมา เพราะถ้าหากนางมีวรยุทธ์ติดตัว ต่อไปภายภาคหน้าก็จะสามารถปกป้องตัวนางเองได้ เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง หากนางต้องออกเรือนไปกับผู้ใด ซูเยว่ซินเองก็มีเป้าหมายของนาง จึงไม่เคยล้มเลิกการฝึกวรยุทธ์ ถึงแม้บางวันนางจะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยก็ตาม ซูเยว่คงเห็นน้องสาวมีความพยายาม มุมานะก็ไม่ย่อท้อในการสอนนางเช่นกัน ทุกคราที่เขากลับมาจากการลาดตระเวน เขาก็จะช่วยฝึกวรยุทธ์ให้กับน้องสาวทุกคราไป จนฝีมือของซูเยว่ซินค่อยๆ พัฒนาขึ้นจากเดิม ผ่านมาไม่ถึงหนึ่งเดือน นางก็สามารถรับมือกับทหารยอดฝีมือของค่ายได้แล้ว “คุณหนูรองช่างมีความสามารถยิ่งนักขอรับ มิอาจดูเบาในฝีมือของนางได้เลย สมแล้วที่เป็นบุตรสาวของท่านแม่ทัพ” อู่จง กุนซือของแม่ทัพซูกล่าวออกมาอย่างชื่นชม ในขณะที่กำลังมองบุตรีของท่านแม่ทัพ ยืนอยู่กลางลานประลอง นายทหารคนแล้วคนเล่าที่เข้าไปประดาบกับนาง ต่างก็ต้องแพ้พ่ายให้แก่นางอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ทว่านายทหารทุกคนต่างก็ยืนยันว่า พวกเขาหาได้ยอมอ่อนข้อให้นาง เพียงเพราะเห็นว่านางเป็นบุตรีที่ท่านแม่ทัพหวงแหนไม่ แต่ทว่าพวกเขาพ่ายแพ้ให้แก่ฝีมือและสติปัญญาของนางอย่างแท้จริง “ข้าดีใจที่เห็นนางแข็งแกร่งขึ้นไปทุกวัน นางต่างคุณหนูสกุลอื่นที่เอาแต่เล่น หรือสนใจแต่งานในเรือนหลัง สมแล้วที่นางมีเป็นสายเลือดของข้า หากวันหน้านางมิได้ออกเรือน ข้าก็ยินดีที่จะดูแลนางไปจนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่” ท่านกุนซือรู้ดีว่าท่านแม่ทัพรักบุตรีของเขามากเพียงใด เรื่องที่เขากล่าวออกมาในวันนี้ ย่อมเป็นจริงอย่างเช่นที่เขาว่า หากนางยากที่จะแต่งออกไป เขาก็คงจะยินดีดูแลบุตรสาวเพียงคนเดียวไปตลอดชีวิตแน่นอน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม