เช้าวันต่อมาซูเยว่ซินขออนุญาตมารดาออกไปเที่ยวที่ตลาดตวนอี เพราะอยากจะหาซื้อของกำนัลให้แก่กู้ฮูหยินในวันงานเทศกาลชมดอกเบญจมาศ ที่ตระกูลของนางได้รับเทียบเชิญให้ไปเข้าร่วม งานนี้จะเป็นงานแรกที่ครอบครัวของนางจะได้พบปะบรรดาขุนนางและฮูหยินของขุนนางเหล่านั้นเพื่อเป็นการผูกไมตรี ซูฮูหยินเห็นดีเห็นงามที่บุตรสาวจะออกไปหาเลือกซื้อของกำนัล จึงมอบเงินให้แก่บุตรสาวไป และกำชับสาวรับใช้คนสนิทของซูเยว่ซิน ว่าให้พวกนางดูแลคุณหนูรองให้ดี ทั้งนายทั้งบ่าวรวมสี่คน จึงนั่งรถม้าออกจากจวนตระกูลซูไปในปลายยามเซิน
ออกจากจวนมาได้ไม่นานเท่าใดนัก รถม้าก็หยุดนิ่งอยู่ที่หน้าโรงเตี๊ยมเซียงซี สตรีทั้งสี่ลงมาจากรถม้าตามลำดับ ซูเยว่ซินก็ไม่ถามไถ่ผู้ใดให้มากความ นางเดินตรงไปยังร้านขายเครื่องประดับชิวจี้ทันที สาวรับใช้ทั้งสามติดตามคุณหนูรองไปไม่ห่าง หญิงสาววัยแรกแย้มที่มีรูปโฉมงดงาม แต่งกายด้วยเป้ยจึสีชมพู ชายผ้าปลิวสไวยามที่นางเยื้องย่าง ทำให้ผู้คนที่กำลังผ่านไปผ่านมา อดที่จะเหลียวมองนางอย่างชื่นชมไม่ได้ และทุกย่างก้าวของนาง ตกอยู่ในสายตาของบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังนั่งจิบชาอยู่บนหอจิ่วซา เขามองตามนางไปด้วยแววตาสนใจ
“คุณชายใหญ่ขอรับ…นั่นใช่น้องสาวของคุณชายใหญ่ซูเยว่คงใช่หรือไม่ขอรับ” ตู้จิ้น บ่่าวรับใช้คนสนิทเอ่ยทักขึ้นมาหลังจากที่มองตามสายตาของผู้เป็นนายไป
วันนี้หลังออกมาจากสำนักศึกษา ตู้จิ้นก็นึกประหลาดใจ ว่าเหตุใดคุณชายใหญ่ถึงยังไม่กลับจวน แต่ทว่าเลือกมานั่งจิบชาพลางมองผู้คนที่เดินอยู่บนถนนในตลาดตวนอี หรือที่แท้คุณชายใหญ่มีแผนการใดอยู่ในใจ แต่ก่อนที่เขาจะคิดไปไกล คุณหนูรองที่มาพร้อมกับสาวรับใช้และผู้คุ้มกัน ก็เข้ามาภายในห้องรับรองของโรงน้ำชานี้อย่างไม่ทันตั้งตัว
“ท่านพี่ใหญ่ ท่านเรียกข้ามาที่หอจิ่วซาด้วยเหตุใดกันรึ” นั่งถามพี่ชายออกมา ก่อนที่จะนั่งลงยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“เจ้าลืมไปแล้วหรือไร ว่าอีกไม่กี่วันจวนของเราก็จะจัดงานเทศกาลชมดอกเบญจมาศแล้ว วันนั้นจะมีบรรดาฮูหยินและคุณหนูจากหลายตระกูลมาร่วมงานมากมาย เจ้าไม่อยากซื้อเครื่องประดับ หรืออาภรณ์ใหม่เพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้แก่ตระกูลกู้ของเราหรอกรึ”
คำตอบของพี่ชายทำให้นางรู้สึกประหลาดใจ ปกติเขาไม่เคยจะมาสนใจ หรือใส่ใจเรื่องหยุมหยิมเหล่านี้ ทว่าเหตุใดครานี้เขาถึงได้สนใจนางกันเล่า หรือว่าพี่ชายใหญ่มีสิ่งใดแอบแฝง นางมองเขาอย่างระแวดระวังก่อนที่จะกล่าวออกมา
“ท่านพี่ใหญ่ ท่านแปลกๆ ไปนะเจ้าคะ”
กู้มู่หรงยกน้ำชาขึ้นมาจิบพลางลอบสังเกตใบหน้าพี่ชาย ทว่าอีกฝ่ายกลับแสดงสีหน้าออกมาเป็นปกติ แม้พี่ชายของนางจะรูปงาม ทว่าใบหน้าของเขานั้นมองแล้วให้ความรู้สึกเยือกเย็นอยู่หลายส่วน ด้วยบุคลิกที่เป็นคนสุขุม สมกับเป็นบัณฑิตจิ้นซื่อที่มีอายุน้อย
“เจ้าเป็นน้องสาวพี่ พี่จึงไม่อยากให้เจ้าต้องน้อยหน้ากว่าผู้ใด อย่าคิดให้มันซับซ้อนวุ่นวาย พี่จะพาเจ้าไปเลือกเครื่องประดับที่ร้านชิวจี้เอง”
ครั้นได้ยินเช่นนั้น กู้มู่หรงก็พยักหน้าแล้วยิ้มออกมาให้กับความใจดีของพี่ชาย สองพี่น้องจึงออกจากหอจิ่วซา มุ่งหน้าไปยังร้านขายเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงของตลาดตวนฉีแห่งนี้ด้วยกัน
ร่างระหงในชุดเป้ยจึสีชมพูอ่อน กำลังยืนเลือกเครื่องประดับเป็นกำไลหยกจักรพรรดิ กับกำไลหยกเหอเถียนอยู่อย่างลังเล ด้วยในชีวิตก่อนนางพอจะได้รู้มาบ้างแล้วว่า กู้ฮูหยินนั้นชื่นชอบสะสมกำไลหยกมากเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นหยกเหอเถียน หรือหยกมิ่งจูล้วนถูกใจนางทั้งสิ้น ทำให้การมาเลือกของกำนัลในวันที่ครอบครัวของนาง ต้องไปร่วมงานเทศกาลชมดอกเบญจมาศที่จวนตระกูลกู้ เป็นเรื่องที่ง่ายดายนัก ทว่าในยามนี้นางกลับตัดสินใจเลือกกำไลหยกสองชิ้นนี้ไม่ได้เสียที
“คุณหนูรู้จักร้านชิวจี้ด้วยหรือเจ้าคะ”
ชิงหลัวเอ่ยถามออกมาด้วยความประหลาดใจ เพราะนางรู้มาว่า คุณหนูรองไม่ได้มาเยือนเมืองหลวงนานนับสิบปีแล้ว หากเป็นเช่นนั้นแล้วเหตุใดคุณหนูรองถึงรู้จักร้านขายเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวงแห่งนี้ได้
“พี่ชายใหญ่บอกข้ามาน่ะ ข้าเป็นคนช่างสังเกต เดินตามหนทางที่เขาบอก ก็มาเจอร้านนี้”
ความเฉลียวฉลาดของคุณหนูรอง มีหรือที่ชิงหลวนซึ่งติดตามนางมานานจะไม่รู้ นางหาได้นึกแปลกใจเช่นเดียวกับสองสาวรับใช้รุ่นน้องไม่
ในขณะที่ซูเยว่ซินกำลังเลือกหยกเหอเถียนอยู่นั้น คุณชายใหญ่และคุณหนูรองสกุลกู้ พร้อมทั้งผู้ติดตามก็พากันเข้ามาภายในร้านเช่นกัน เสียงของเถ้าแก่เจ้าของร้านทักทายสองพี่น้องด้วยความนอบน้อมยินดี ซูเยว่ซินครั้นได้ยินว่าลูกค้าที่เข้ามาใหม่คือผู้ใด นางก็หันไปมองทั้งสองคนอย่างตกตะลึง ชีวิตก่อนนางหาได้พบเจอกับสองพี่น้องในร้านชิวจี้แห่งนี้ไม่ เหตุใดวันนี้ทั้งสองคนถึงมาเยือนที่นี่ได้ หัวใจของนางพลันเต้นแรง
นางสำรวจมองใบหน้าของชายหนุ่มที่กำลังยิ้มแย้มพูดคุยกับเจ้าของร้าน ก็ทำให้นางอดที่จะคิดถึงเรื่องราวในชีวิตก่อนไม่ได้ ความรู้สึกที่ทั้งเสียดาย และรู้สึกผิดตีกันจนทำให้นางรู้สึกสับสนวุ่นวายใจ กู้มู่เฉิน ทั้งเป็นคนดี สุภาพและรูปงามถึงเพียงนี้ เหตุใดชีวิตก่อนนางถึงได้มองข้ามเขาไปกัน ในระหว่างที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ สายตาคมของคุณชายใหญ่สกุลกู้ ก็สบเข้ากับนัยน์ตากลมโตของซูเยว่ซินพอดี นางจึงต้องรีบหลบตาเขา แล้วหันไปสนใจเลือกกำไลหยกตรงหน้าราวกับว่าไม่ได้สนใจอีกฝ่าย
“คุณชายใหญ่กู้กับคุณหนูรองกู้อยากได้เครื่องประดับแบบใดหรือขอรับ”
เจ้าของร้านสอบถามลูกค้าทั้งสองอย่างประจบเอาใจ เพราะผู้ใดก็รู้ว่าตระกูลกู้นั้นเป็นหนึ่งในตระกูลที่มั่งคั่งของเมืองหลวง เพราะฮูหยินใหญ่มาจากตระกูลคหบดีเก่า มีสินเดิมยามที่แต่งเข้าจวนตระกูลกู้มากมายก่ายกอง แล้วบุตรชายกับบุตรสาวแท้ๆ ของนาง จะถูกผู้คนมองข้ามได้เยี่ยงไร
“ท่านพี่ใหญ่…ข้าอยากได้ต่างหูเจ้าค่ะ” กู้มู่หรงออดอ้อนพี่ชายออกมา เขาหันกลับมามองหน้านาง ใบหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนโยนพลางกล่าว
“ถ้าเช่นนั้นพี่จะซื้อให้เจ้าสักสองคู่ดีหรือไม่” เด็กหญิงวัยสิบสามปีพยักหน้าขึ้นลงอย่างดีใจ ริมฝีปากจิ้มลิ้มก็ฉีกยิ้มกว้างออกมา
เจ้าของร้านเห็นเช่นนั้น จึงเดินนำหน้าสองพี่น้องไปยังตู้ที่มีต่างหูให้เลือกดูมากมาย กู้มู่เฉินลอบมองสตรีที่กำลังเลือกกำไลหยกอยู่โดยไม่มีผู้ใดได้ทันสังเกต กู้มู่หรงเลือกต่างหูไปพลางสอบถามความเห็นของเขาไป ทว่ากลับมีอยู่หลายคราที่นางมองตามสายตาของผู้เป็นพี่ชายไป จนได้พบว่าใจเขากำลังจดจ่ออยู่ที่ใด พี่ชายของนางกำลังสนใจสตรีที่มีรูปโฉมงดงามปานเทพธิดา แม้แต่นางเองก็ยังแทบจะละสายตาจากอีกฝ่ายไม่ได้ ริมฝีปากจิ้มลิ้มฉีกยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วจึงรีบผละจากพี่ชาย เดินไปยังโต๊ะที่มีกำไลหยกอยู่เรียงรายทันที
ซูเยว่ซินรู้สึกใจเต้นแรงจนแทบจะไม่มีสมาธิเลือกกำไลหยกตรงหน้า ในขณะที่นางตัดสินใจเลือกได้แล้ว ให้สาวรับใช้คนสนิทนำไปจ่ายเงิน และกำลังจะเดินออกจากร้านไป เสียงเล็กของคุณหนูรองสกุลกู้ ก็ดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้ซูเยว่ซินต้องชะงักเท้าแล้วหันกลับไปมอง กู้มู่เฉินกำลังจะเข้ามาหาน้องสาวเพื่อห้ามไม่ให้เสียมารยาท ทว่ากลับไม่ทันการณ์