คำสัญญาดังขึ้นอีกหนประหนึ่งสายลมได้หอบคำพูดนั้นกลับมา ทว่าอึดใจถัดมาอลิเซียน่าก็ส่ายศีรษะและพึมพำกับตัวเองว่า “นายเป็นคนโกหกเหมือนพวกเขาทุกคน โครี่!”
เธอยืนขึ้น ตั้งใจแน่วแน่ที่จะเข้มแข็งแม้ว่าเขาจะจากไปแล้วก็ตาม ย้ำบอกกับตัวเองว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว มีแต่ต้องเข้มแข็งขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่เพราะเธอเป็นอลิเซียน่า บรูโน แต่เพราะเธอเป็นเซียน่าที่เข้มแข็งมาตั้งแต่เกิด แม้เธอไม่รู้ว่าโชคชะตาจะนำพาเธอไปพบเจอกับอะไรบ้าง เพราะบางทีโชคชะตาก็ชอบเล่นตลก
เธอยันตัวลุกขึ้นด้วยสองขาสั่นเทา เนื่องจากเธอสูญเสียพลังงานไปกับการร้องไห้และความเศร้าโศก มิหนำซ้ำยังไม่ได้กินอะไรเลยนับแต่ลืมตาขึ้นมา หญิงสาวเดินไปทางห้องน้ำด้วยขาอันอ่อนแรง เธอหยุดที่ด้านหน้าของอ่าง มองรอยเลือดบริเวณคอกับเสื้อสเวตเตอร์
ครั้นได้มองกระจก ความทรงจำเรื่องคืนก่อนก็หวนกลับมาทำให้เธอผวา
เขาเกือบจะฆ่าเธอ แต่เขาก็ไว้ชีวิตเธอ...
ทำไม? ...ทำไมเขาถึงทำแบบนี้?
ทำไมเขาถึงฆ่าโครี่?
เธอเปิดก๊อกน้ำเพื่อล้างคราบเลือดซึ่งติดอยู่บนมือ เธอจ้องมองคราบสีแดงเข้มอยู่ครู่ใหญ่ก่อนรู้สึกเหมือนจะจำบางอย่างได้ เธอชะงัก เงยหน้าอ้าปากค้าง ดวงตาของเธอเบิกกว้าง คิดย้อนกลับไปในความทรงจำ
คืนนั้นเธอ มีอา และคีเดนไปเที่ยวด้วยกัน เสียงเพลงในไนต์คลับดังกระหึ่มและพวกเขาก็ดื่มกันอย่างสนุกสนาน มันเป็นงานฉลองวันเกิดของคีเดนซึ่งถูกจัดขึ้นในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาเอง หรือก็คือการท้าชิงว่าใครจะเมาก่อนกัน
อลิเซียน่าดื่มไปหลายแก้วจนรู้สึกเวียนหัวมาก แต่เธอไม่อยากยอมแพ้ อย่างน้อยมีอาต้องเมาก่อนเธอ กระทั่งหญิงสาวเริ่มรู้สึกคลื่นไส้และอยากเข้าห้องน้ำ ตอนนั้นคีเดนและมีอาอยากตามเธอไปด้วย แต่เธอปฏิเสธ ทั้งสองคนจึงนั่งรอที่โต๊ะเหมือนเดิม
หลังออกมาจากห้องน้ำ อลิเซียน่ายังรู้สึกมึนหัวเหมือนเดิม ถึงกระนั้นก็ได้แต่พยายามเดินกลับไปที่โซนวีไอพีเลานจ์อีกครั้ง ทว่ากลับมีคนมาคว้าข้อมือแล้วดึงเธอไปที่ไหนสักแห่ง ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันจนหญิงสาวตั้งตัวไม่ทัน และเพราะเธอเมา จึงมีสติไม่เต็มร้อย รู้ตัวอีกทีคือตอนที่ร่างกายกำลังนอนอยู่บนพื้นและตรงหน้าเป็นชายขี้เมาคนหนึ่ง ตอนนั้นสติสตังถึงกลับมาอยู่กับตัวครบถ้วน
นี่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ๆ ใช่ไหม?
สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของเธอเริ่มทำงาน อลิเซียน่ายกมือขึ้นตบตีผู้ชายที่กำลังสัมผัสเธอ ซึ่งเขาพยายามถลกกระโปรงของเธอขึ้น หญิงสาวรู้สึกหวาดกลัวว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายกับตนเอง จึงกรีดร้องให้คนอื่นได้ยิน
มันฉีกเสื้อของเธอจนบราสีแดงปรากฏสู่สายตา หญิงสาวจึงพยายามดิ้นรนมากกว่าเดิมทั้งข่วนหน้ามัน ทั้งพยายามตะเกียกตะกายเพื่อให้หลุดพ้นจากกรงเล็บ
อลิเซียน่าได้แต่คิดอย่างสมเพช ทำไมชีวิตถึงเป็นแบบนี้? ไอ้สารเลวนี่กำลังจะทำร้ายเธอ ไม่มีใครมาช่วยเธอ ไม่มีใครได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอเพราะเพลงในไนต์คลับดังเกินไป ซ้ำร้ายยังไม่มีคนอยู่ที่โถงทางเดินของห้องวีไอพีเช่นกัน
เธอเริ่มหมดหวัง คงไม่มีทางออกจากที่นี่
แต่เสี้ยววินาทีต่อมา สัมผัสหยาบกร้านน่าขยะแขยงนั้นก็หายไป เธอรีบดึงตัวเองให้ลุกออกจากตรงนั้นไปหลบที่มุมห้อง พลางกอดเข่าตัวสั่นเทาร้องไห้ด้วยความกลัวที่ยังหลงเหลืออยู่
ฝ่ายคนที่พยายามข่มขืนเธอกลับไปนอนกองอยู่บนพื้น ในขณะที่ผู้ชายอีกคนซึ่งไม่คุ้นหน้า แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงยีนสีดำ กำลังชกคนร้ายไม่หยุดเหมือนคนบ้า
ชายที่เข้ามาช่วยเธอ เขาสวมหมวกแก๊ป ใส่หน้ากากปิดบังใบหน้า จะมีก็แต่ดวงตาของเขาเท่านั้นที่เธอสามารถมองเห็นได้
ครั้นเลื่อนสายตาไปมองไอ้สารเลวนั่นก็เห็นว่ามันมีเลือดไหลออกมาจากร่างมากมาย เลือดสีแดงกระเด็นไปทั่วพรมราคาแพง จากนั้นสมองของเธอก็หยุดทำงาน เพราะภาพเหตุการณ์ความรุนแรงเบื้องหน้า
ขาของเธอสั่นเทา เธอพยายามที่จะลุกขึ้นยืน แต่ร่างกายกลับอ่อนปวกเปียกจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ เธอยอมแพ้และได้แต่มองไปที่ผู้ชายคนนั้นที่กำลังเตะต่อยอย่างบ้าคลั่ง
ไม่นานเขาก็หันมาสบตากับเธอ น่าแปลกที่เธอไม่เคยเห็นดวงตาแบบนี้ที่ไหนมาก่อน แม้แต่สายตาของบอดีการ์ดที่อันตรายที่สุดของแด๊ด
‘อย่าขยับ!’ เขาส่งเสียงคำรามภายใต้หน้ากาก ทำเอาเธอตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม
ชายคนดังกล่าวค่อย ๆ ยืดตัวเต็มความสูง เป็นสาเหตุให้อลิเซียน่าซึ่งนั่งคุดคู้อยู่กับพื้นเหมือนจะยิ่งตัวเล็กลง ทีแรกเธอคิดว่าเขาจะเดินมาหา แต่เขากลับเดินไปอีกด้านที่มีเก้าอี้หรูหราวางอยู่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสน มองตามการเคลื่อนไหวของเขา
เขาคว้าเก้าอี้ขึ้นจากพื้นได้อย่างง่ายดายราวกับมันเบามาก ทำให้เธอประหลาดใจ ว่าเขาแข็งแรงมากแค่ไหน เขาเดินกลับไปหาผู้ชายคนนั้นที่นอนอยู่ที่พื้น ก่อนทุ่มโซฟาหนัก ๆ ลงไปบนร่าง ส่งผลให้เธอต้องยกมือขึ้นอุดปากด้วยความหวาดกลัว ส่วนผู้ถูกกระทำก็ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ผู้ชายลึกลับยังคงทุ่มเก้าอี้ลงบนขาของชายคนนั้นอย่างแรง ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น ทว่าเขาก็ยังไม่หยุด
น้ำตาแห่งความหวาดกลัวไหลอาบแก้ม อลิเซียน่าไม่สามารถทนได้อีกต่อไปจึงส่งเสียงออกมา ‘หยุดเถอะ! ได้โปรด!’
เธอคิดว่าเขาจะหยุด แต่เสียงเก้าอี้ไม้กระทบเนื้อกลับดังขึ้นอีกครั้ง และหลังจากนั้นเธอก็ไม่สามารถรับรู้มันได้อีกต่อไป เนื่องจากเธอหมดสติ
สิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้ คือดวงตาสีเข้มที่จ้องมองมาที่เธอ…
อลิเซียน่ามองมือที่สั่นเทาของตัวเองเมื่อความทรงจำที่โหดร้ายในคืนนั้นหวนคืนมา เธออยากลืมมันแต่กลับจำได้ติดตา นั่นคือดวงตาเดียวกันกับที่เธอเห็นเมื่อคืน...
เธอวิ่งออกจากห้องน้ำ ไปหยุดอยู่โต๊ะข้างเตียง รีบเปิดลิ้นชักและหยิบโทรศัพท์ออกมากดเปิดมันเพื่อต่อสายหามีอาทันที หลังจากรอไม่นานมีอาก็รับสาย
(เซียน่า! เธอสบายดีไหม ฉันได้ยินมาว่าคนของแด๊ดมารับตัวเธอไป) มีอาเริ่มคำถามมากมายอย่างเป็นกังวล
“ฉันสบายดี!” เธอพึมพำ
(เรากำลังจะไปหาเธอเซียน่า พวกเราจะช่วยเธอหาทางออกมาจากที่นั่น) มีอาส่งเสียงร้องไห้มาตามสาย
“ไม่... ไม่...! อย่ามาที่นี่! เธอไม่สามารถมาที่นี่ได้” อลิเซียน่าเตือนมีอา เธอไม่ต้องการให้ซีโม่ทำร้ายพวกเขา พวกเขาเป็นคนดี เป็นเพื่อนที่เธอรักมากที่สุด
(แต่เซียน่า…)
“มีบางอย่างเกิดขึ้นที่ไนต์คลับในคืนวันเกิดของคีเดนใช่ไหมมีอา” อลิเซียน่ารอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ “บอกฉันมามีอา!” เธอรู้สึกว่าตัวเองเริ่มสูญเสียการควบคุม เพราะกว่าที่จะได้รับคำตอบมันนานเกินไป แม้ทั้งที่จริงหลังจากจบคำถามของเธอ มีอาได้ทิ้งช่วงเวลาเพียงสองสามวินาทีเท่านั้นก่อนตอบกลับมา
(ใช่! ...มีบางอย่างเกิดขึ้น!) มีอาตอบเสียงเบา (เราเห็นเธอนอนหมดสติอยู่ในห้องวีไอพี เสื้อผ้าของเธอฉีกขาดเล็กน้อย และ…)
มีอาหยุดเล่ากลางคัน
“และอะไร?” อลิเซียน่าถูหน้าผากไปมา พร้อมหยาดน้ำตาที่คลอเบ้า
(มีเลือดอยู่ทุกที่ในห้องนั้น... แต่ฉันกับคีเดนรีบพาเธอออกไปจากที่นั่น ตำรวจไม่ได้เข้ามายุ่งกับเธอ เพราะเธอเป็นลูกสาวของบิลลี่ บรูโน)
(พวกเราโทรเรียกหมอมาตรวจร่างกายเธอ ว่าเธอโดนข่มขืนหรือเปล่า…) มีอาพยายามเล่าเรื่องตามที่จำได้
(ฉันอยากบอกเธอเรื่องนี้ แต่เธอจำอะไรไม่ได้เลย... ดังนั้นเราจึงคิดว่าน่าจะดีกว่าถ้าไม่เล่าเหตุการณ์ในคืนนั้นให้เธอฟังและปล่อยให้เธอลืมมันไป) มีอาอธิบายรายละเอียด แต่อลิเซียน่ารู้ว่ามีอาไม่ได้เล่าทั้งหมด เธอไม่ได้พูดถึงผู้ชายคนนั้น
(เซียน่า!…) มีอาเอ่ยเรียก ทว่าอลิเซียน่าก็ตัดสายทันที
เธอเดินกลับไปที่ห้องน้ำอีกครั้งและล้างแผลที่คอ สมองของเธอมึนตื้อไปหมด ไม่สามารถคิดอะไรได้อีก ครั้นออกมาจากห้องน้ำก็ได้แต่เดินวนกลับไปกลับมาเพราะความฟุ้งซ่าน ก่อนหางตาจะเห็นแสงสว่างนวลลออซึ่งสาดส่องเข้ามาในห้อง อลิเซียน่าเดินไปเปิดประตูระเบียงและก้าวเท้าออกไปหยุดยืนอยู่ด้านนอก หญิงสาวมองดวงจันทร์กลมโตกลางท้องฟ้ามืดมิดอย่างเหม่อลอย ความวุ่นวายในหัวคล้ายค่อย ๆ สงบลง
ความรู้สึกที่เหมือนมีคนเฝ้าดูเธออยู่เสมอ ไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดไปเอง เพราะซีโม่เฝ้ามองเธอมาเป็นเวลานาน ความทรงจำที่หลั่งไหลกลับมาทำให้หญิงสาวแน่ใจว่ามันเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก
ตลอดชีวิตของเธอมีแต่ความโหดร้าย ที่สำคัญอลิเซียน่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี ถ้าซีโม่ต้องการชีวิตของเธอ…
บางทีที่ตอนนั้นเขาช่วยเธอไว้ อาจเพราะต้องการฆ่าเธอด้วยมือของเขาเอง
อลิเซียน่าหัวเราะอย่างไร้อารมณ์ขันกับความคิดไร้สาระ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง ล้มตัวลงนอน เพียงครู่เดียวเธอก็ผล็อยหลับไป
ในขณะที่อลิเซียน่ากำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เธอไม่อาจล่วงรู้เลยว่ามีชายในชุดสีดำได้มาปรากฏตัวที่ระเบียง เขาเปิดประตูกระจกที่เธอไม่ได้ลงกลอนด้วยความระมัดระวัง
จากนั้นก็ขยับตัวอย่างรวดเร็วตรงไปหาหญิงสาวซึ่งกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างสงบสุข ดวงตาของเธอบวมช้ำและแก้มเป็นสีแดง
เขาหยุดมองใบหน้างดงามซึ่งคล้ายจะงามล้ำมากขึ้นอีกหลายเท่ายามอยู่ใต้แสงสว่างของดวงจันทร์ ก่อนจะขยับตัวออกห่างและหยิบซองจดหมายจากกระเป๋ากางเกง วางมันลงบนโต๊ะด้านข้าง
เขากำลังจะหันหลังกลับ ออกไปจากตรงนี้ ทว่าเสียงของเธอก็ได้หยุดเขาไว้
“มัม!”
เขาค่อย ๆ เดินกลับไปหาเธอและหยุดอยู่ข้างหญิงสาวอีกครั้ง
อลิเซียน่ากำผ้าห่มแน่น มีหยาดน้ำปรากฏที่หางตาทั้งที่หญิงสาวยังหลับสนิท ลมหายใจของเธอไม่สม่ำเสมอ ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด คาดเดาได้ไม่ยากว่าเธอกำลังฝันร้าย
เขายกมือขึ้นเกลี่ยผมออกจากใบหน้าของเธออย่างระมัดระวัง เธอหน้ามุ่ยเล็กน้อย แต่ครู่ต่อมาเธอก็สงบลง กลับมาดูผ่อนคลายลงอีกครั้ง
เขาส่ายศีรษะ ตัดสินใจจะปีนออกทางเดิม แต่ไม่วายเหลียวหลังไปมองใบหน้าของเธอเป็นครั้งสุดท้าย พลางวางแผนจะทำลายความสงบสุขของหญิงสาวในไม่ช้า ...
‘คุณควรให้อาหารแพะอย่างดี...ก่อนที่จะฆ่ามัน!’ เขาคิด