ร่างกายของเธอสั่นเทา เธอหลับตาลงเพราะกลัวที่จะมอง
อีกฝ่ายใช้มือข้างหนึ่งปิดปากเธอไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เธอส่งเสียงใด ๆ อลิเซียน่ารู้สึกราวกับหัวใจแทบหยุดทำงาน มิหนำซ้ำน้ำตายังคงไหลลงมาไม่ขาดสาย
“ดูสิว่าฉันเจอใครที่นี่!” เสียงของบุคคลปริศนาแหบพร่า “ลืมตาขึ้นมา อลิเซียน่า บรูโน!” มันสั่งเธออีกครั้งซึ่งหญิงสาวได้แต่ร้องไห้อย่างน่าเวทนา
ตอนนี้เธอแน่ใจว่าเขาเป็นนักฆ่าที่สังหารโครี่เพื่อนของเธอ
เธอลืมตาขึ้นมา ต้องใช้เวลาสักพักในการปรับตัวให้เข้ากับความมืดทั่วทั้งบ้าน แม้จะมีแสงสว่างสาดส่องจากห้องที่มีศพของโครี่ซึ่งอลิเซียน่าเปิดประตูทิ้งไว้ ทว่ามันกลับไม่สว่างมากพอให้เห็นพื้นที่ทั้งหมด
หลังจากลืมตา หญิงสาวก็เห็นเงาสะท้อนภาพของตนเองและบุคคลปริศนาราง ๆ บนกระจกตู้ตรงหน้า ร่างกายของเขาซ่อนอยู่ภายใต้เงามืดยกเว้นดวงตาแวววาวที่จ้องกลับมาผ่านกระจก
ความเย็นเยียบแผ่ซ่านไปตามกระดูกสันหลังของเธอ อลิเซียน่าสบตากับเขาก่อนน้ำตาจะรินไหลลงมาอีกครั้ง
“ทำไมเธอถึงร้องไห้” ผู้ชายคนนั้นถามพร้อมกับถอนหายใจ
อลิเซียน่าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง อะไรก็ตาม เธอต้องการที่จะดิ้นรนและหนีไปจากเขา แต่เธอพบว่าเขาจับเธอไว้แน่นมาก มันจึงมีแต่ความกลัวที่เข้ามาครอบครองร่างกายเธอ
รู้สึกเหมือนไม่มีพื้นดินใต้ฝ่าเท้า…
ความกลัวทำให้สองขาของเธออ่อนแรง...
ความกลัวทำให้เธอเป็นใบ้ ...
ความกลัวทำให้ร่างกายทุกส่วนเป็นอัมพาต...
มันเป็นความกลัวที่เหมือนกำลังจะตาย และไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้
“คุณเป็นใคร?” เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เหลืออยู่เอ่ยถามออกไป น้ำเสียงสั่นเครือเจือความหวาดหวั่น
เขาหัวเราะเบา ๆ “เธอไม่รู้จักฉันจริง ๆ เหรอ?” น้ำเสียงและวิธีการพูดแสดงอาการเย้ยหยันอย่างชัดเจน จากนั้นตามมาด้วยลมหายใจอุ่นร้อนซึ่งพัดผ่านต้นคอของเธอ
‘เขาเลวร้ายยิ่งกว่าแด๊ดของคุณ!’ คำพูดของแดนนี่สะท้อนขึ้นมาในหัว
“ซีโม่!” เธอพึมพำชื่อของเขา ดวงตาเบิกกว้าง ‘ฉันมีลางสังหรณ์ว่าเขาจะมาหาคุณเร็ว ๆ นี้อลิเซียน่า และวันที่เขาทำ... เขาจะไม่ปล่อยคุณไปตลอดกาล’ คือประโยคที่แดนนี่พูดกับเธอ
ซีโม่? เขาคือซีโม่อย่างนั้นหรือ
“โอ้! เก่งมาก…” ซีโม่หัวเราะใกล้ ๆ หูพลอยทำให้เธอรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว คำพูดหยอกเย้าทว่ากลับให้ความรู้สึกเย็นเยียบน่าขนลุกราวกับเธอกำลังตกอยู่ในกำมือของยมทูต
มือของซีโม่วางอยู่บนปากเธอแล้วเริ่มเลื่อนลง เธอมองตามการเคลื่อนไหวเหล่านั้นด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้เธอกำลังจะตายจริง ๆ ใช่ไหม? เธอควรจะโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทก่อนมาที่นี่! ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้
“เธอไม่ใช่คนโง่!” น้ำเสียงเย้าแหย่ดังขึ้นในความมืด ดวงตาของเขายังคงสังเกตการเปลี่ยนแปลงของทุกการแสดงออกบนใบหน้าของหญิงสาว
เธอดูหวาดกลัวจากข้างในจริง ๆ …
เสียใจ…
โล่งใจ…
รอยยิ้มเหยียดปรากฏบนริมฝีปากของเขา ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าเธอถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเขาเอามือออกจากปาก
อลิเซียน่าไม่ละสายตาจากกระจกตรงหน้า มองเห็นว่ามือซ้ายของเขายังกอดเธออยู่ ส่วนมืออีกข้างเขาละไปหยิบมีดขึ้นมาจ่อที่คอของเธอ หญิงสาวรู้ว่ามันไร้ประโยชน์ถ้าจะต่อสู้กับเขา เธอควรกรีดร้องจากนั้นบอดีการ์ดจะวิ่งเข้ามา
“เธอกำลังคิดว่าจะเรียกหาบอดีการ์ดของเธอใช่ไหม” เขาถามอย่างรู้ทันพลางวางคางเข้าแนบกับซอกคอของหญิงสาว
ไม่มีคำตอบออกมาจากปากอลิเซียน่า เพราะไม่มีอะไรที่เธอสามารถทำได้ในตอนนี้
“เธอรู้ไหม…” ซีโม่เอียงศีรษะเล็กน้อย “พวกเขาจะไม่ได้ยินเสียงเธอ แม้ว่าเธอจะร้องเสียงดังมากแค่ไหนก็ตาม” เขากระซิบข้างหู
เขาหมายถึงอะไร? นี่เขาฆ่าพวกนั้นไปแล้วเหรอ?
“ฉันยังไม่ได้ฆ่าพวกเขา!” เขาพูดขึ้นมาราวกับอ่านใจเธอได้
แล้วทำไมพวกเขาถึงจะไม่ได้ยินเสียงเธอ? เธอคิดอย่างไม่เข้าใจ
ซีโม่ผละตัวออกพลางกดมีดที่คอแรงขึ้น ส่งผลให้น้ำตาและเหงื่อปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาวอีกครั้ง เธอหลับตารอคอยความตาย…
“บางครั้ง… การทำความดีก็ไร้ประโยชน์ เพราะพวกเราไม่ได้รับความดีตอบแทน ซ้ำร้ายยังจบลงด้วยการที่พวกเขาทำสิ่งที่ไม่ดีกับเรา!” เขากระซิบพร้อมกับลากมีดลงอย่างระมัดระวังเนื่องจากเขายังไม่ต้องการให้เธอได้แผลจนมีเลือดไหลออกมา ครู่ต่อมาดวงตาของอลิเซียน่าก็เปิดอีกครั้งเมื่อคิดเรื่องหนึ่งออก
บ้านของโครี่กันเสียงได้เช่นเดียวกับทุกสถานที่ที่แด๊ดเป็นเจ้าของ เมื่อเห็นดวงตาของเธอเบิกกว้าง เขาก็ยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจในความฉลาดของเธอ
“ตอนนี้เธอรู้แล้ว” เขาลงน้ำหนักมีดแรงขึ้นอีกนิดชนิดที่ว่าถ้าหญิงสาวหายใจแรง มันอาจบาดผิวและเฉือนเส้นเลือดบนคอได้
เธอกำลังจะตาย... เธอรู้แล้ว
ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป
จู่ ๆ น้ำตาของเธอก็หยุดไหลพร้อมกับจ้องมองเขาผ่านกระจก
“คุณฆ่าโครี่หรือเปล่า” เธอถาม โครี่เป็นคนที่คอยดูแลและห่วงใยเธอ เธอรักเขาในฐานะเพื่อนและพี่ชายมาโดยตลอด
ทว่าตอนนี้โครี่จากไปตลอดกาล เขาจะไม่กลับมาอีกแล้วเช่นเดียวกับมัม
ความคิดดังกล่าวทำให้น้ำตาของอลิเซียน่าเริ่มไหลลงมาอีกครั้ง เธอสูญเสียเขาไปแล้ว ความเศร้าจึงเกาะกินหัวใจของเธอขึ้นมาอย่างกะทันหัน ขณะเดียวกันความเกลียดชังต่อซีโม่ก็รุนแรงขึ้น เธอนึกกังขาว่าทำไมเขาถึงฆ่าโครี่?
หญิงสาวไม่ได้รับคำตอบใด ๆ จากเขายกเว้นแรงกดจากมีดบนคอ ซ้ำร้ายเธอยังทำได้เพียงจ้องมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า
“ทำไมคุณถึงฆ่าเขา!” เธอกรีดร้องแล้วเริ่มร้องไห้หนักมากขึ้น ความเศร้าที่เกาะกินหัวใจทำให้ความหวาดกลัวสลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง ตอนนี้ทั้งหัวใจและความคิดมันถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ความเกลียด มันเป็นความเกลียดชังที่รุนแรงที่สุด
“เธอน่ารำคาญมาก” ซีโม่เปล่งเสียง ก่อนจะอ้าปากหาวด้วยท่าทางเบื่อหน่าย
‘เขาเลวร้ายยิ่งกว่าแด๊ดของคุณ!’ คำพูดของแดนนี่ดังขึ้นในหัวอีกครั้ง เธอเกลียดคนอย่างแด๊ดมาก เพราะพวกเขาไม่สมควรที่จะถูกเรียกว่ามนุษย์
ตอนนี้หญิงสาวรู้แล้วว่าทำไมเขาถึงถูกขนานนามว่าเป็นคนชั่วร้ายที่มีแต่คนหวาดกลัว
เขาไม่สามารถเป็นมนุษย์ได้...
“มันไม่มีประโยชน์” ซีโม่พูดเสียงห้วน ส่งผลให้หญิงสาวหยุดดิ้น
เขาพูดถูกมันไม่มีประโยชน์
อลิเซียน่าพยายามจะหนี แต่ปฏิกิริยาของเขากลับแตกต่างมากกว่าที่เธอคาดไว้ เขาไม่ขยับอะไรเลย เขาแข็งแรงมาก นั่นทำให้เธอเริ่มใจเย็นลง
ซีโม่ขยับเข้ามาใกล้หูของเธออีกครั้ง “เธอไม่ควรทำแบบนี้ คัพเค้ก!”
เขายิ้มเยาะ จ้องตาเธอพร้อมกดมีดอย่างแรงทำให้ผิวสีน้ำนมอ่อนนุ่มถูกเฉือน หยาดเลือดเริ่มไหลซึมลงมา เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวด หญิงสาวหลับตาลงอีกครั้งและนึกย้อนกลับไปถึงทุกช่วงชีวิต มีไม่กี่ครั้งที่เธอมีความสุข จากนั้นใบหน้ายิ้มแย้มของมัมก็ปรากฏชัด
ชีวิตของเธอคงต้องจบลงวันนี้…
“ยัง!”
อลิเซียน่ารู้สึกว่าเขาเอามีดออกไปจากคอแล้ว แต่ก่อนที่หญิงสาวจะลืมตาขึ้นมา กลับมีบางอย่างกระทบที่หลังคออย่างแรงและทุกอย่างก็ดับมืดลง
สิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้คือแขนที่แข็งแรงของเขาจับเธอไว้
ซีโม่ทำให้หญิงสาวหมดสติไป เขาไม่ได้วางแผนที่จะได้พบเธอเร็วขนาดนี้ แต่เขาก็สนุกที่ได้พบเธอที่นี่ ชายหนุ่มค่อย ๆ วางเธอลงบนพื้น จากนั้นเก็บมีดเปื้อนเลือดใส่กระเป๋ากางเกงยีน สายตายังคงทอดมองอลิเซียน่าที่กำลังสลบไสล เธอดูดีขึ้นเมื่อนอนหลับ อย่างน้อยก็สงบเสงี่ยมกว่าตอนที่มีสติรู้ตัว เขาสงสัยว่าเขาควรตัดลิ้นของเธอดีไหม แต่เขาไม่ทำ ชายหนุ่มเพียงแค่เอื้อมมือไปเกลี่ยผมออกจากใบหน้าเธอพลางจ้องมองอยู่สักพัก
“เราจะได้พบกันอีกครั้ง... เร็ว ๆ นี้!” เขากระซิบกับร่างที่หมดสติก่อนที่เขาจะลุกขึ้นและเดินออกไป
เขากำลังคิดว่าจะสนุกมากแค่ไหน ยามที่เขาได้เจอหญิงสาวอีกครั้ง ทว่าต่อมารอยยิ้มซึ่งประดับใบหน้าของเขาก็หายไปในความมืด
เขาเป็นความมืดและความมืดเป็นของเขา…