ตอนที่ 4 เตือนสติ

2393 คำ
- @Condo DN - ทันทีที่มาถึงคอนโดของฉันกับพี่เหนือ พี่เหนือก็เปิดประตูให้ฉันเข้าไปก่อนคอนโดนี้เป็นคอนโดที่พี่เหนือซื้อไว้สำหรับเราสองคน จริงๆ ทั้งฉันและพี่เหนือก็ต่างมีคอนโดเป็นของตัวเอง แต่ด้วยความที่คอนโดของแต่ละคนมันอยู่กันคนละโซน ของฉันก็ใกล้มอแต่ไกลโรงบาลพี่เหนือของพี่เหนือก็ใกล้โรงบาลแต่ไกลมอฉัน พี่เหนือก็เลยตัดปัญหาคือซื้อของคอนโดที่มันใกล้ทั้งมหาลัยฉันและโรงพยาบาลของพี่เขา “ ไหน...เล่ามาดิ เกิดไรขึ้น...” พี่เหนือเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาก่อนจะจับแขนฉันพร้อมกับดึงให้ฉันไปนั่งตักพี่เขา “ เฮียยังไม่ได้โทรมาเล่าให้พี่เหนือฟังหรอ...”ฉันถาม “ พี่คุยกับไอ้ไนท์ แต่ที่พี่อยากรู้คือนาไปทำอะไรมา...” ฉันมองหน้าพี่เหนืออีกครั้งก่อนจะตัดสินใจเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์วันนี้ที่เกิดขึ้น พอเล่าอารมณ์ต่างๆ แม่งก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันก็เบากว่าเมื่อเช้าตอนเกิดเรื่อง “ นาเรื่องบางเรื่องเพลงเขาอาจจะมีเหตุผลของเขา ซึ่งเขาอาจจะยังไม่พร้อมบอกเราก็ได้...” “ นารู้ แต่นาเป็นเพื่อนมันนะพี่เหนือ เพื่อนอะ...” ฉันพูดพร้อมกับหันไปมองหน้าพี่เหนือ พี่เหนือเองก็มองหน้าฉันพร้อมกับพูดอย่างใจเย็น “ ใช่ เพื่อนกัน...แต่เพื่อนกันมันก็ไม่จำเป็นต้องรู้กันทุกเรื่องไง.” “ ที่เพลงยังไม่บอกนาไม่บอกเพื่อนคนอื่นถึงเหตุผลที่ทำแบบนั้น...นั่นก็เพราะเขายังไม่พร้อมหรือไม่อยากบอกหรือเปล่า...” พี่เหนือพูดอย่างใจเย็นพร้อมกับลูบผมฉันเบาๆ “ แต่คือนาไม่เข้าใจไง ไม่เข้าใจ ทำไมถึงทำแบบนั้นกับเฮีย ทำไมถึงทำแบบนั้น...” “ ก็อย่างที่พี่บอกเขาก็คงมีเหตุผลส่วนตัวของเขา...” “ นาเป็นเพื่อนกับเพลงมากี่ปี...จะเลิกคบกันแค่เพราะเรื่องแบบนี้หรอ ?” “แล้วนารู้ตัวใช่มั้ย ว่าคำพูดที่นาใช่ว่าเพื่อนมันแรงแค่ไหน มันจะทำให้คนฟังรู้สึกเจ็บแค่ไหน...” “ นารู้ แต่แล้วยังไงตอนนั้นนาโมโหอะ จะให้นาพูดดีด้วยมันก็ไม่ได้อะ” “ พี่เหนือก็รู้เวลานาโมโหหรือไม่พอใจอะไร นาปากเสียอยู่แล้ว....” “ แล้วก็พูดไม่นึกถึงใจคนอื่นด้วย จ้องแต่จะเอาชนะอย่างเดียว...” “ นี่พี่เหนือจะทะเลาะกับนาอีกคนหรอ...” “ ไม่ได้จะทะเลาะ แค่เตือนให้รู้ว่าการพูดไม่คิดของนา อารมณ์ร้อนของนา มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น มันมีแต่จะสร้างบาดแผลให้คนอื่น...” “ พี่รู้ว่าเรื่องนี้มันก็ทำให้ไอ้ไนท์เสียใจมาก แต่ก็ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของไอ้ไนท์กับเพลง..เราคนนอกดูอยู่เฉยๆ และคอยให้กำลังใจเขาสองคนมันไม่ดีกว่าหรอ...” พี่เหนือพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังส่วนฉันก็ได้แต่ก้มหน้ารับฟัง “ ตอนนี้นาทำไม่ได้หรอก และไม่รู้อีกนานแค่ไหนจะทำได้ด้วย..” “ คิดให้ดีๆ ความสัมพันธ์ของนากับเพื่อนที่มีกันมาตั้งนาน จะมาจบลงแบบนี้หรอ...” “ คิดให้เยอะๆ ก่อนจะทำอะไรโตแล้วนะ...อย่าใช้แต่อารมณ์ อย่าพูดไม่คิดแบบนี้อีก...” “ พี่เหนือเลิกพูดเลย ยิ่งพี่พูดนายิ่งหงุดหงิด..” ฉันพูดก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้น แล้วเดินเลี่ยงออกมาที่ระเบียงคอนโด... ตอนนี้ในหัวฉันมันสับสนไปหมดความรู้สึกมันตีรวนกันไปมา ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่ฉันพูดใส่เพลงไปมันแรง แต่ด้วยอารมณ์ตอนนั้นมันอดไม่ไหวจริงๆ ฉันรู้แค่ว่าฉันทั้งเสียความรู่สึก ทั้งผิดหวัง ทั้งเสียใจที่เพลงทำแบบนั้น และมันก็ตามมาด้วยคำถามว่าทำไมมันถึงทำแบบนั้นกัน หลายวันต่อมา... มหาลัย... ตั้งแต่วันที่ฉันทะเลาะกับเพลงไปวันนั้น สถานการณ์ระหว่างฉันกับเพลงก็ยังคงแย่เหมือนเดิม ไม่ได้คุยหยอกล้อกันเหมือนทุกครั้ง อันที่จริงที่มันไม่เหมือนเดิมหลักๆ เลยก็คือฉัน ฉันยังไม่สามารถเรียกความรู้สึกเก่าๆ กลับมาได้ และจะให้สร้างใหม่มันก็ยาก ฉันรู้ดีว่าทั้งอีฟและซอลต่างอึดอัดเพราะมันสองคนคือคนกลางทั้งคู่ แต่ฉันก็พยายามที่จะไม่ทำให้พวกมันต้องอึดอัดไปมากกว่านี้ นั่นก็คือทุกครั้งที่เกลิเรียน ฉันก็ขอตัวกลับเลย.. “ มึงเราไปกินข้าวกันหน่อยมั้ย ไม่ได้นัดรวมกันนานแล้วอะ” ซอลหันมาพูดกับพวกฉันในขณะที่กำลังเดินลงบันไดกัน “ เอาดิ กูก็อยาก...”อีฟพูดพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วย “ กูขอบายนะ ไม่อยากไปวะ...”ฉันพูดขัดขึ้นก่อนจะมองหน้าเพลง ซึ่งเพลงมันก็ส่งยื้มฝืนๆ มาให้ฉัน เห็นแค่นั้นใจฉันก็กระตุกแปลกๆ แล้ว “ มึง..อย่าเป็นแบบนี้ดิ ไปกินข้าวกันเถอะ...” ซอลพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอนก่อนจะจับแขนฉัน “ ไม่อะ กูขอตัวนะ...” ฉันยังคงยืนยันเหมือนเดิมก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาจากกลุ่ม ฉันเดินออกมาเรื่อยๆ ความรู้สึกมันอยากเดินกลับไปหาเพื่อน แล้วพูดคุยหรือทำทุกอย่างให้เป็นปกติ แต่ฉันก็ทำไม่ได้ ทำไม่ได้จริงๆ “ พวกมึง กูขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหม...” กึก ! ทันทีที่เพลงมันพูดขึ้นเท้าฉันก็หยุดชะงักลงทันที ก่อนจะค่อยๆ หันหลังกลับไปมอง…เพลงมองฉันด้วยสายตาอ้อนวอนพร้อมกับพยักหน้า ฉันชั่งใจคิด ก่อนจะค่อยๆ เดินกลับไปหาเพื่อน เพลงยิ้มให้ฉันด้วยความดีใจ ก่อนจะเดินนำฉันไปนั่งที่โต๊ะประจำ “ กูอยากอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น...” ทันทีที่ทุกคนนั่งลงเพลงก็เปิดประเด็นขึ้นมาทันที ฉันมองหน้าเพลงก่อนจะเอ่ยขึ้น “ ทำไมพึ่งคิดจะมาพูดอะ...” “ ตอนแรกกูไม่คิดว่าจะอธิบายอะไรให้ใครฟัง กูคิดว่ามันคงไม่มีประโยชน์...แต่ตอนนี้กูรู้แล้วว่ากูต้องพูด” เพลงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ฉันเองก็เลือกที่จะนั่งฟังอยู่แบบเงียบๆ “ เพราะถ้ากูไม่พูด กูก็ต้องเสียพวกมึงไป...ซึ่งกูไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ” “ งั้นมึงพอจะบอกพวกกูได้ไหม ว่าระหว่างมึงกับพี่ราชันย์มันเกิดขึ้นได้ยังไง...” ซอลถามเพลงด้วยน้ำเสียงสงสัย เพลงมันเงียบไปอึดใจนึงก่อนจะเริ่มเล่าให้พวกฉันฟัง พวกฉันนั่งตั้งใจฟังกันอยู่เงียบๆ ตอนแรกฉันคิดว่ามันคงมีไม่กี่เหตุผลหรอกเรื่องระหว่างเพลงกับพี่ราชันย์ แต่แค่เรื่องแรกที่เพลงมันเล่าก็ทำให้ฉันทั้งอึ้งและตกใจจนพูดไม่ออก และเพลงก็เริ่มเล่าให้พวกฉันฟังถึงเหตุผลที่มันไปเป็นผู้หญิงของพี่ราชันย์ และยิ่งพอได้รู้ พวกฉันต่างนิ่งกันจนพูดอะไรไม่ออก และที่อึ้งกว่าคงเป็นฉัน ฉันไม่ได้รับรู้ปัญหาของเพื่อนเลยสักนิด ฉันเอาแต่ว่ามันด้วยคำพูดแรงๆ ไม่ได้คิดจะถามถึงเหตุผลมันก่อนด้วยซ้ำ… คำพูดแรงๆ ที่ฉันว่าเพื่อนไปในวันนั้นมันค่อยๆ วนเวียนอยู่ในหัวฉันอีกครั้ง… ฉันมองหน้าเพลงอย่างรู้สึกเสียใจ ผู้หญิงตัวแค่นี้ แต่ทำไมมันต้องเจอเรื่องแย่ขนาดนี้ด้วยว่ะ… และฉันเป็นเพื่อนมันแท้ๆ แต่ฉันกับไม่ได้รับรู้ปัญหาของเพื่อน และไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเพื่อนเลย ฉันควรจะเป็นเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างเพลงในวันที่มันเจอเรื่อแย่ๆ แต่ฉันกับเป็นคนทำให้เพลงมันรู้สึกแย่ไปกว่าเดิมด้วยซ้ำ “ มึง แล้วทำไมมึงถึงไม่บอกพวกกูอะ ทำไมถึงไม่บอกว่ามึงโดนพี่เขาทำอะไร...”อีฟถามเพลงก่อนจะเอื้อมมือไปจับแขนเพลงไว้ เพลงมันทำได้แค่ส่งยิ้มฝืนๆ มาให้พวฉัน “ มึง มึงผ่านมันมาได้ยังไง มึงผ่านเรื่องแบบนั้นมาคนเดียวเนี้ยนะเพลง...” ซอลถาม “ กูไม่กล้าอะมึง เพราะส่วนนึงที่กูโดนแบบนั้น ก็เพราะกูทำตามที่พี่กูขอ...กูเองก็ผิด...” เพลงมันพูดพร้อมฝืนยิ้มให้พวกฉันอีกครั้ง “ แล้วอีกอย่างกูใช้วิธีการหาเงินที่ผิด กูยอมให้มันเกิดเรื่องแบบนั้นเอง...กูยอมเป็นผู้หญิงไร้ค่าแบบนั้นเอง...” “ ทำไมถึงไม่บอกพวกกูอะ พวกกูช่วยมึงได้นะเพลง ขอแค่มึงบอก...” ซอลพูดก่อนจะมองหน้าเพลงอย่างไม่เข้าใจ “ กูคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่กูต้องจัดการเอง เป็นเรื่องที่กูต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง...กูถึงไม่กล้าบอกใครเลย...” “ มึง...มึงผ่านมันมาได้ยังไงว่ะ...”เป็นอีฟที่ถามเพลงขึ้นมาอีกครั้ง “ กูก็ไม่รู้เหมือนกัน ” เพลงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ในตามันดูเศร้าขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมันพูดถึงเรื่องนี้ “ กูขอโทษนะ ขอโทษที่ไม่ได้บอกอะไรพวกมึงเลย...” หลังจากที่ทั้งฉันและเพื่อนต่างเงียบกัน เพลงมันก็พูดขึ้นมาอีก และตอนนี้มันกำลังสบตากับฉัน “ นากูรู้ตัวดี กูถึงบอกมึงมาตลอดว่ากูไม่ได้เหมาะกับพี่ชายมึงเลยสักนิดเดียว กูอาจจะรู้สึกดีกับพี่ชายมึงจริงๆ ” ฉันนั่งฟังเพลงพูดอย่างเงียบ ตาก็ยังคงจับจ้องไปที่ใบหน้าของมัน “ แต่ในสถานะของกู กูไม่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้ ไม่ได้เลยจริงๆ...” “ กูรู้ว่ามึงก็คงเสียความรู้สึกกับกูไม่น้อย กูรู้ว่ากูผิด ผิดที่ไม่ได้อธิบายอะไรให้มึง กับ อีฟ และซอลฟังเลย เพราะกูคิดแค่ว่า มันคงไม่ใช่เรื่องน่าจะพูดสักเท่าไหร่ กูถึงปล่อยให้เวลามันล่วงเลยมาหลายวันแบบนี้ ” “ แต่กูก็กลับไปคิดดูแล้ว กูคิดว่ากูต้องพูดไปไม่งั้นความสัมพันธ์ของเรามันอาจจะหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย ” “ กูรู้ดีว่าระหว่างเรามันอาจจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว เพราะมึงเองก็คงยังเสียความรู้สึกกับกูและกูเองก็เลี่ยงไม่ได้ ที่จะตอบว่า กูก็เสียใจและเสียความรู้สึกกับคำพูดแรงๆของมึง...” ฉันนั่งฟังเพลงพูดด้วยความรู้สึกมากมาย และที่รู้สึกหนักๆ เลยคือฉันรู้สึกผิด รู้สึกเสียใจที่วันนั้นฉันเลือกที่จะให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลทุกอย่าง และผลร้ายของมันก็คือทำร้ายความสัมพันธ์ของฉันและเพื่อนที่ฉันรัก “ แต่กูก็แอบหวังว่าสักวันนึง กูกับมึง...เราอาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ และถึงมันอาจจะต้องใช้เวลานาน...กูก็จะรอ..” ฉันกัดปากตัวเองแน่นทันทีหลังจากที่ได้ยินประโยคนั้นจากปากเพื่อนที่ฉันทำร้ายมันด้วยความพูดร้ายๆ…ฉันรับรู้ได้ถึงความร้อนรอบๆ ดวงตาฉัน และฉันพยายามกลั้นมันไว้ไม่ให้มันเอ่อล้นรอบดวงตา “ กูคิดว่าทุกอย่างมันคงต้องใช้เวลาจริง ๆ ถ้าถึงวันนั้น ถ้ามึงยังอยากมีเพื่อนแบบกูอยู่...” “ ถ้าถึงวันนั้นจริง ๆ มึงพอจะให้อภัยกูได้ไหม...” เพลงถามฉันด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตามันตอนนี้เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา และสุดท้ายมันก็ค่อยๆ หยดไหลลงมาในที่สุด…และนั่นมันก็ทำให้ความพยายามที่จะไม่ร้องไห้ของฉันพังทลายลงทันที ฉันปล่อยให้น้ำตามันไหลรินออกมาด้วยความเสียใจ ฉันเสียใจที่ฉันทำให้เรื่องของฉันกับเพื่อนต้องเป็นแบบนี้ “..กู..” ฉันพูดได้แค่นั้น เพราะมันรู้สึกจุกในอกไปหมด “ กูจะรอวันที่เรากลับมาเดินข้าง ๆ กัน หัวเราะข้าง ๆ กัน..เดินเกาะแขนกันเหมือนทุกวัน...กูจะรอวันนั้นะ ”เพลงพูดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับยิ้มให้ฉันและมันคือรอยยิ้มทั้งน้ำตา รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวังที่หวังว่าสักวันนึงเราจะกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม… พวกฉันนั่งเงียบกันอยู่อย่างนั้นจนเพลงมันขอตัวกลับไปก่อน ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งนิ่ง คิดวนไปวนมาถึงการกระทำของตัวเอง “ มึง ทุกอย่างมันจะดีขึ้นแน่นอน…” ซอลพูดขึ้นพร้อมกับจับไหล่ฉัน ฉันได้แต่สิ่งยิ้มให้มันไป “ ไม่ต้องคิดมากนะ…”อีฟพูดขึ้นพร้อมกับจับมือฉันไว้… ฉันไม่รู้จะพูดยังไง มันทั้งรู้สึกขอบคุณที่ฉันมีเพื่อนที่รักและเข้าใจฉัน แต่ฉันก็โกรธตัวเองที่ยังทำตัวแบบนั้นใส่เพื่อนที่รักฉันมากขนาดนี้…อีฟกับซอลนั่งเป็นเพื่อนฉันอีกพักก่อนจะแยกตัวกันกลับ ส่วนฉันก็รอพี่เหนือมารับเพราะวันนี้เป็นวันครบรอบสองปีที่ฉันคบกับพี่เขา อารมณ์ฉันตอนนี้ไม่อยากกินอะไรแล้ว แต่จะไม่ไปก็ไม่ได้หรอก ฉันต้องแยกแยะให้ออก และอีกอย่างจากนี้ไประหว่างฉันกับเพลง มันอาจจะดีขึ้นเรื่อยๆ ถึงมันอาจจะต้องใช้เวลานานหน่อยเหมือนอย่างที่เพลงมันพูดก็ตาม แต่ต่อให้ต้องใช้เวลานานแค่ไหน ฉันก็จะรอเหมือนที่เพลงมันก็รอ…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม