พรธีรามองคนที่กำลังเดินไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายตรงเคาน์เตอร์ ด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ในใจ ปกติแล้วเธอแทบไม่ให้ผู้ชายคนไหนได้เข้าใกล้ตัวได้เลย นอกจากเพื่อนตอนเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน แต่กับนวินท่าทางที่เป็นมิตรกับความสุภาพของเขา ทำให้เธออดใจอ่อนครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้ หญิงสาวถักเปียหลวม ๆ มาไว้ด้านข้างระหว่างรอ ไม่นานนักเขาก็เดินฉีกยิ้มกว้าง ๆ ตรงมาหาเธอ ทั้งคู่เดินออกจากร้านสปาไปพร้อม ๆ กัน
“ความจริงฝากรถไว้นี่ก็ได้นะครับน้องเอย เราจะได้นั่งไปด้วยกัน” นวินเอ่ยขึ้นหลังเดินมาหยุดอยู่ตรงรถของตนเอง
“อย่าดีกว่าค่ะพี่กันต์ เอยขับตามหลังพี่กันต์ไปดีแล้วค่ะ ไม่อยากย้อนไปย้อนมาเสียเวลาเปล่า ๆ ค่ะ”
“ก็ได้ครับเสียดายจัง” คนหวังจะได้นั่งรถคันเดียวกับหญิงสาวเก็บอาการเสียดายเอาไว้แทบไม่มิด นั่นทำให้พรธีราอดรู้สึกเขินอายออกมาไม่ได้ หญิงสาวยิ้มให้เขานิด ๆ ก่อนเดินไปขึ้นรถของตัวเอง
‘ใจร้ายไม่เบานะคนสวย’
นวินหุบยิ้มลงลับหลังหญิงสาวหันหลังให้ เขาเปิดประตูขึ้นรถขึ้นไปนั่ง ขับนำหน้าหญิงสาวไปยังร้านอาหาร ที่เขาได้ทำการจองเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว แม้ไม่รู้ว่าหญิงสาวจะตกลงมาด้วยหรือไม่ แต่เขาก็ไม่ประมาททำการจองโต๊ะ ในมุมลับตาผู้คนเอาไว้แล้ว พอจอดรถแล้วเขารีบเดินเข้าไปในร้านก่อนหน้าหญิงสาวเล็กน้อย
“ที่จองไว้ในชื่อนวินครับ” นวินบอกพนักงานเสียงเบาราวกระซิบ ขณะที่พรธีราเดินตามหลังมาติด ๆ
“เชิญด้านในเลยค่ะคุณลูกค้า” พนักงานผายมือขึ้นไปด้านในร้าน
“เชิญครับน้องเอย พี่บอกพนักงานขอโต๊ะที่วิวดีที่สุด” นวินหันมาพูดคนข้างหลังด้วยรอยยิ้มอ่อน ๆ
ทั้งคู่เดินตามหลังพนักงานขึ้นไปบนชั้นสองของร้าน ซึ่งตกแต่งเป็นแบบเรือนกระจก มีต้นไม้ห้อยระโยงระยางเต็มไปหมด บรรยากาศร่มรื่นชวนนั่ง ทว่ากลับไม่มีลูกค้าโต๊ะอื่นอยู่ด้านบนเลย
“นั่งบนนี้จริง ๆ เหรอคะพี่กันต์ มันจะส่วนตัวไปไหมคะ” ความเงียบเหงาแสนวังเวงนี้ ทำให้พรธีรารู้สึกไม่ชอบมาพากลแปลก ๆ
“ไม่ดีเหรอครับน้องเอย พี่ชอบนะครับเงียบ ๆ เย็น ๆ ด้วยไม่ต้องพึ่งแอร์เลยเหมือนอยู่ในธรรมชาติ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์เลยนะครับน้องเอย” นวินบอกพร้อมทำหน้าชื่นชมความงามของสถานที่แห่งนี้จากใจจริง ทั้งที่ความจริงนั้นเขาเหมาทั้งชั้นเอาไว้แล้วต่างหาก
“ก็ดีค่ะนั่งนี่ก็ได้” เห็นเขาปลาบปลื้มกับบรรยากาศแบบนี้ พรธีราเองก็ไม่กล้าขัดความสุขของเขาเหมือนกัน
“มาพี่เลื่อนเก้าอี้ให้” นวินเดินอ้อมมาเลื่อนเก้าอี้ออกให้หญิงสาว
“ขอบคุณค่ะพี่กันต์” พรธีรารู้สึกขวยเขินขึ้นมายามถูกปฏิบัติเหมือนคนพิเศษแบบนี้
“เอยอยู่กรุงเทพฯ มาตั้งนานไม่เคยมากินร้านนี้เลยค่ะ พี่กันต์อยู่นอกมาตลอดกลับรู้จักร้านดี ๆ แบบนี้ได้”
“พี่ก็หาข้อมูลในเน็ตไปเรื่อยนั่นแหละ เล็งเอาไว้ตั้งแต่มาถึงกรุงเทพฯ ใหม่ ๆ แล้ว เพิ่งมีโอกาสมาจริง ๆ ก็ครั้งนี้ ต้องขอบคุณน้องเอยเลยนะครับที่ทำให้พี่มีเพื่อนมานั่งกินข้าว”
“ไม่เป็นไรค่ะ เมนูมาแล้วพี่กันต์สั่งอาหารได้เลยค่ะ” หญิงสาวบอกเขาหลังเห็นพนักงานเดินนำเมนูมาให้ดู
“น้องเอยชอบกินอะไรเป็นพิเศษไหมครับ”
“เอยไม่ค่อยมีเมนูอะไรพิเศษหรอกค่ะพี่กันต์ กินได้หมดแหละค่ะ พี่กันต์ล่ะคะมาจากนอกแบบนี้คงคิดถึงอาหารไทยแย่”
“ที่สุดเลยครับพี่ชอบส้มตำปูปลาร้าพริกสองเม็ดนะครับ ที่โน่นหากินยากมาก จนพี่ต้องซื้อครกกับสากไว้ตำกินเองเลยล่ะ” เขาทำหน้าเพ้อฝันยามเอ่ยถึงอาหารจานโปรด
“หืม ส้มตำปูปลาร้าพริกสองเม็ดนี่นะคะ” พรธีรานึกขำที่เขาไม่รักษาภาพลักษณ์แสนหรูหราของตัวเองเลย แต่นั่นกลับทำให้เธอรู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก
“ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงครับน้องเอย”
“ส้มตำปูปลาร้าพริกสองเม็ดไม่มีในเมนูนี้นะคะพี่กันต์” หญิงสาวกางเมนูแล้วชี้รายการอาหารแบบไทย ๆ ให้เขาดู
“นั่นสิสงสัยพี่จะมาผิดร้านจริง ๆ”
“เอยได้ของที่อยากกินแล้ว พี่กันต์ล่ะคะได้หรือยัง” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจากเมนูแล้วถามเขา
“พี่ก็ได้แล้วเหมือนกัน” นวินหันไปยกมือเรียกพนักงานมาจดรายการอาหาร
ไม่ช้าอาหารของทั้งคู่ก็ถูกนำมาวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ พรธีรา ในปริมาณที่เยอะกว่าที่พรธีราคาดเอาไว้
“พี่กันต์สั่งเยอะไปนะคะ กินกันสองคนจะหมดได้ไงคะเนี่ย” หญิงสาวนิ่วหน้ามองเขา
“น้องเอยวัยกำลังโตกินเยอะ ๆ นะครับ”
“ใครเขากำลังโตกันล่ะ” หญิงสาวเผลอตบมุกไปกับเขาด้วย พอเงยหน้าขึ้นก็ดันไปสบสายตาเข้ากับคนเจ้าเล่ห์ ที่จ้องมองเธออยู่ก่อนหน้าแล้ว
“ชอบจังเลยเวลาน้องเอยยิ้มแบบนี้ น่ารักมากครับ” คำชมออกมาแบบโต้ง ๆ ของเขาทำให้สาวน้อยก้มหน้างุดลงอย่างเขินอาย
“ไม่ต้องมาชมเอยเลยค่ะ”
“พี่กินจุครับแค่นี้ไม่เหลือหรอก”
“วัยกำลังโตสินะคะ”
“น้องเอยย้อนพี่เหรอครับ”
พรธีราถึงกับหัวเราะออกมาเบา ๆ นานเท่าไหร่แล้วที่เธอไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายแบบนี้มาก่อน ชีวิตที่เรียนหนักจบออกมาก็ทำงานหนักไปอีก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกหัวใจกระชุ่มกระชวยจากเรื่องหนุ่มสาว
“งั้นเรากินข้าวกันเถอะค่ะ”
“ครับ”
ทั้งคู่กินข้าวไปก็พูดคุยกันไป มีเพียงรอยยิ้มที่ผุดขึ้นในหน้าของพรธีรา น่ารักน่าเอ็นดูจนบางครั้งนวินเองก็เผลอไผลใจตามไปด้วย แต่เขาพยายามเรียกสติกลับคืนมา ตระหนักว่าเขามีเป้าหมายอะไรอยู่ในตอนนี้
‘คุณแม่ครับผมขอโทษที่ไม่เชื่อฟังคุณแม่นะครับ ผมขอทิ้งเหตุผลทุกข้อเพื่อแก้แค้นก่อนนะครับ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว’
อยู่ ๆ นวินก็นึกถึงคำเตือนของมารดา เขารู้ว่านี่เป็นการกระทำที่ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่เอาเสียแล้ว เขาเหมือนกำลังหลอกลวงผู้หญิงคนนี้อยู่ ทั้งที่รู้แต่ก็หยุดตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
“พี่กันต์คะ พี่กันต์คะ พี่กันต์ !”
“ครับ ๆ น้องเอยว่าไงนะครับ”
“นั่งเหม่อเชียวค่ะ เอยเรียกตั้งสองรอบไม่ได้ยินเลย คิดอะไรอยู่ค่ะ”
“ขอโทษครับน้องเอย พี่เผลอคิดถึงคุณแม่อยู่นะครับ”
“คิดถึงคุณแม่เหรอคะ” หญิงสาวทำหน้าเอ็นดูชายหนุ่มตัวโต แต่บอกว่ากำลังคิดถึงมารดา เป็นอีกเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจในตัวของคนตรงหน้า
“ทำไมคะพี่กันต์ไปก่อเรื่องอะไรไว้ ถึงต้องคิดถึงคุณแม่ล่ะคะ” หญิงสาวทำหน้าสงสัยในตัวเขา
“ไม่ได้ก่อเรื่องอะไรครับน้องเอย ทำไมมองพี่แง่ร้ายจังพี่เสียใจนะครับเนี่ย” คนร้อนตัวรีบยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่ม เพื่อกลบเกลื่อนอาการของตนเอง