บทที่สาม​ กระทะทองแดงเซิ้นเจิ้น

1687 คำ
วรานนท์เดินคอตกตามหลังยมบาลทดอีกครั้ง “ท่าน ผมรู้ว่านะว่าตั้งแต่เกิดมาทุกคนทำชั่วกันทั้งนั้น แต่ความดีของผมนี่สิทำไมมีแค่หน้าเดียว ผมข้องใจตรงนี้มาก” “เจ้าอาจจะเข้าใจว่าสิ่งที่เจ้าเคยกระทำเมื่อครั้นมีชีวิตคือสิ่งดีงาม แต่หาใช่ไม่” “โธ่ท่าน แต่ผมว่าบัญชีหนังหมานั่นบันทึกข้อมูลผมผิดครับ” ยมบาลทดส่ายศีรษะ “ไม่ผิดหรอก ชื่อและนามสกุลก็ตรงทุกประการ อย่างไรก็ไม่พลาด เว้นเสียแต่…” ยมบาลเทียนผู้คุมขุมแปดเอ่ยทักทาย ยมบาลทดจึงไม่ได้ต่อประโยคให้จบ “สวัสดีท่านทด คราวนี้มาไกลถึงขุมแปดเชียว ไหนข้าขอดูบันทึกเจ้าวิญญาณนี่หน่อย” ยมบาลทดยื่นกระดานดำสี่เหลี่ยมผืนผ้า “วรนนท์ ทอประกายส่องแสง อืม… ใช่ย่อยเลยแฮะ เอาไปลองจุ่มในกระทะทองแดงก่อนก็แล้วกัน” “จุ่ม?ท่านพูดอย่างกับว่าผมเป็นหมูดิบอย่างงั้นแหละ ผมต้องลงไอ้เจ้านี้จริงเหรอครับท่าน” วรานนท์มองกระทะทองแดงที่เต็มไปด้วยน้ำสีแดงส้มกระทะตรงหน้าเขาไม่มีวิญญาณตนไหนอยู่ แต่กระทะรอบข้างเต็มไปด้วยวิญญาณที่กระทำผิดและต้องมาชดใช้ความผิด พวกเขาต่างร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด น้ำเดือนปุดกำลังกัดกินหล่อหลอมละลายผิวหนัง “เอ๊ะ… ท่านจะไปไหน?” เขาถามยมบาลทดที่กำลังจะเดินออกจากห้องกระทะทองแดง “อย่าทิ้งผมไว้คนเดียวแบบนี้สิครับ” “เจ้าอยู่คนเดียวที่ไหน โน่น!” ยมบาลทดหมายถึงดวงวิญญาณที่กำลังร้องอย่างทุรนทุราย “ที่นี่ผมสนิทแค่กับท่าน” “โห เดี๋ยวนี้เจ้าถึงขั้นสนิทกับวิญญาณเชียวรึท่านทด” “ไอ้หนุ่มนี่มันโมเมไปเองท่านเทียน” “อ่าวท่าน… แต่ท่านจะทิ้งผมจริง ๆ เหรอครับ” วรานนท์ยังคงพยายามรั้งยมบาลตนเดียวที่รู้สึกสนิทใจด้วย “ข้าไป ๆ มา ๆ ค่อยไว้เจอกันตอนข้านำวิญญาณตนอื่นมาที่นี่แล้วกัน ข้าไปละ” “ท่านนนนนนนน~” วรานนท์ยืนอาลัยจนกระทั่งยมบาลทดหายลับออกไปทิ้งให้เขายื่นอยู่กับยมบาลแปลกหน้าข้างกระทะทองแดง “เลิกลีลาได้แล้ว ลงกระทะของเจ้าเสียเถอะเจ้าวิญญาณวรนนท์” “ครับ… ลงก็ลงครับ” เมื่อยมบาลเทียนเห็นวิญญาณในปกครองเข้าไปในกระทะแล้วจึงจะไปตรวจตราดวงวิญญาณอื่นของอีกฟากของห้อง “ท่าน… ท่านจะไปไหนครับ?” “เดี๋ยวมา” ยมบาลเทียนไม่ตอบคำถามของวรานนท์ให้มากความ ในที่สุดตอนนี้วิญญาณหน้าใหม่อย่างวรานนท์ก็นั่งอยู่ข้างในกระทะทองแดงขนาดใหญ่ที่สามารถบรรจุวิญญาณได้เกือบห้าสิบกว่าตน วรานนท์นั่งแช่ทำตาปริบ ๆ มองสังเกตเพื่อนร่วมชะตากรรมที่กำลังดิ้น เกือบชั่วโมงผ่านไปเขาก็เปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งเป็นลอยตัวเอามือเกาะขอบกระทะและตีขาเพื่อทรงตัวเหมือนตอนฝึกว่ายน้ำกับขอบสระ ชั่วโมงที่สองเขาก็เปลี่ยนท่าทางโดยคราวนี้นอนหงายลอยตัวมองชมความว่างเปล่าสีดำมืดอย่างเบื่อหน่าย “เจ้าวรนนท์!เจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะ!ทำไมถึงลอยตัวเล่นสบายใจเฉิบอย่างนี้” ยมบาลเทียนที่เพิ่งกลับมาจากอีกฟากของห้องโวยวาย เจ้าวิญญาณตนนี้หยามกันเหลือเกิน กล้ามากที่อดทนอดกลั้นลอยตัวราวกับกำลังพักผ่อนหย่อนใจในวันหยุด “ผมนั่งรอท่านจนเมื่อยเลยลอยตัวรอแทนครับ” เขาตอบหน้าซื่อจากนั้นจึงว่ายไปทั่วกระทะทองแดงและสนทนากับยมบาลตรงหน้าไปด้วย “ท่านชื่อเทียนใช่ไหมครับ?” “ข้าชื่อเทียน เจ้าไม่ร้อนรึไง?” “ครับ ไม่ร้อนเลยสักนิด” เขาตอบตามความจริงแต่นั้นยิ่งทำให้ยมบาลเทียนรู้สึกเหมือนกำลังถูกยั่วยวนโทสะ “เจ้าบังอาจมาก ข้าจะทำให้เจ้าทุรนทุรายยิ่งกว่ากระทะอื่น” ยมบาลเทียนหายไปสักพักก่อนจะกลับมายืนที่เดิม คราวนี้เขาถามย้ำกับวิญญาณจองหองอีกครั้ง “ร้อนหรือยัง?” “?” วรานนท์ดำผุดดำไหว้ผลุบโผล่ไปทางนั้นทีทางนี้ทีจนทั่วกระทะราวกับกำลังดำน้ำเล่นอย่างสนุกสนาน “ไม่ร้อนครับ” ยมบาลเทียนขมวดคิ้วย่นหน้าเอามือจุ่มลงไปในกระทะที่คิดว่ากำลังเดือดหลายพันองศา … ไม่ร้อน … เจ้าวิญญาณตรงหน้าเขาไม่ได้ยั่วโมโหแต่อย่างใด “เจ้าลองไปยืนอยู่กลางน้ำ” เมื่อยมบาลเทียนออกคำสั่ง วรานนท์ก็ตีกันเชียงจ้วงซ้ายจ้วงขวาจนถึงที่หมาย “ให้เกียรติกระทะของข้าบ้างเถอะเจ้าวรนนท์” เขามองวิญญาณเด็กหนุ่มที่ยืนกวักสาดน้ำเล่น ยมบาลเทียนรอให้เวลาผ่านไปประมาณสิบนาทีก็ตะโกนถาม “ร้อนหรือยัง?” “ยังครับ!! เอายังไงต่อครับ?” เขาตอบกลับพร้อมกับกระโดดโลดเต้นโบกไม้โบกมือ “อยู่ตรงนั้นก่อน” ยมบาลเทียนรอให้เวลาผ่านไปอีกยี่สิบนาทีรวมเป็นครึ่งชั่วโมงที่ปล่อยให้วรานนท์คอยและไม่มีทีท่าว่าจะร้อนทุรนทุรานสักทีจึงเรียกให้กลับเข้าฝั่งขอบกระทะ วรานนท์ก็จ้วงน้ำเปลี่ยนหลายท่วงท่าไม่ว่าจะเป็นท่ากบ ผีเสื้อสมุทร ลูกหมาตกน้ำและสุดท้ายตีกันเชียงกลับมาเกาะขอบกระทะตามเดิม “ไม่ร้อนเลยครับท่าน” คำพูดของเขาย้ำทำให้ยมบาลเทียนเจ็บใจ ความจริงวิญญาณตนนี้ควรได้รับโทษตั้งแต่ที่ยมบาลทดพาตัวมา แต่นี่เขากลับปล่อยให้วิญญาณที่ต้องชดใช้กรรมเอ้อระเหยลอยชายหลายชั่วโมง หากเบื้องสูงรู้เข้าว่าเขาบกพร่องในหน้าที่มีหวังโดนลงโทษอย่างทรมานเป็นแน่ เขาคงต้องเขียนแจ้งเรื่องกระทะเจ้ากรรมที่ดันมาพังตอนที่จำเป็นต้องใช้ลงโทษพอดิบพอดี นี้อาจจะพอเป็นข้อแก้ตัวเพราะเกิดเหตุสุวิสัยขึ้น “มันไม่ร้อน ผมขึ้นไปรอบนพื้นก่อนได้ไหมครับ?ตัวเปื่อยหมดแล้ว” วรานนท์ก้มมองผิวหนังที่ยุ่ยเพราะแช่น้ำเป็นเวลานาน “อืม ขึ้นมา” วรานนท์หอบร่างตัวเองขึ้นจากกระทะทองแดงที่ใช้การไม่ได้ ตอนนี้ตัวของเขาเต็มไปด้วยสีส้มผสมแดงตั้งแต่หัวจรดเท้า “ท่าน!ทำไมตัวผมเป็นสีนี้” สีที่ตัวของเขาได้มาจากสีของน้ำที่อยู่ในกระทะทองแดง “สีผสมอาหารน่ะ” ยมบาลเทียนพูดขณะที่กำลังก้มตรวจสอบใต้ฐานของกระทะทองแดงตรงหน้า “หะ?ใส่สีผสมอาหารทำไมครับ?” “ให้เหมือนสีของลาวาไง” “แล้วกระทะนี่เป็นอะไรเหรอครับ?ทำไมมันถึงเย็นเจี๊ยบ” “แก๊สหมด” “หะ!?ในนรกก็ใช้แก๊สหุงต้มกับเขาด้วยเหรอครับเนี่ย!” วรานนท์ตกใจซ้ำสอง คราวแรกก็สีผสมอาหารแถมที่กระทะไม่ร้อนก็เพราะแก๊สหมด ในสถานที่ที่เรียกว่า ‘นรก’ คงมีเรื่องที่อาจทำให้เขาแปลกใจอีก “เมื่อกี้ท่านบอกว่าผมว่าทำสีให้เหมือนกับลาวา ทำไมถึงไม่เอาของจริงใส่ลงในนี้แทนสีละครับ” ยมบาลเทียนมองหน้าวิญญาณชายหนุ่มที่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าหนูจำไม “เจ้ามาจากที่ไหน?” “โลกมนุษย์ครับ” “ไม่สิ ข้าต้องถามว่าเจ้าเป็นคนประเทศใด?” “ไทยครับ” “อืม นรกขุมนี้ตั้งอยู่ในเขตของประเทศไทย ประเทศไทยมีภูเขาไฟทั้งหมดรวมแปดลูก ดับสนิทไปแล้วหกลูก ฉะนั้นจะให้หาลาวาจากที่ใดนอกจากผสมสีและใช้แก๊ส” ยมบาลเทียนอธิบายสาเหตุของการใช้น้ำผสมสี “อีกสองลูกที่เหลือละครับ เอาลาวาจากสองลูกนั้นก็ได้ ไม่เห็นต้องลำบากคอยผสมสี” “เห้อ สองลูกนั้นถูกนรกเพื่อนบ้านซื้อสัมปทานไปน่ะสิ คราวนี้เจ้าคงหมดข้อข้องใจสักทีนะเจ้าวิญญาณวรนนท์” “… ผมมีข้อข้องใจอีกข้อครับ คือว่าทำไมพวกท่านถึง…” วรานนท์ไม่ทันได้ถามข้อสงสัยที่เก็บไว้ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในนรกแห่งนี้ ยมบาลทดก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง “อ้าว ทำไมเจ้าหนุ่มนี้ถึงมายืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ตรงนี้เล่าท่านเทียน? หรือมันต่อรองต่อปากต่อคำกับท่านเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงบทลงโทษ?” ที่ยมบาลทดเอื้อนเอ่ยเช่นนั้นก็เพราะว่าเขาเข้าใจดีว่าวิญญาณหนุ่มตนนี้หน้ามึนและขี้สงสัยเพียงใด “กระทะมีปัญหาน่ะท่าน แถมจะให้ไปลงกระทะอื่นก็ไม่ได้ ดันเต็มหมดทุกที่” “ทำชั่วมาก็มาก แต่โชคดีเสียจริงเจ้าวรนนท์” “ว่าแต่ท่านทดมีธุระอันใดถึงได้ย้อนกลับมา วิญญาณติดมือก็ไม่มีสักตน” “กระผมลืมกระดานรายชื่อจึงย้อนกลับมาเอา แต่ไม่นึกเลยว่าเจ้าวิญญาณวรนนทจะโชคดีขนาดนี้” “ว่าแต่เจ้ามีข้อใดข้องใดจะถามรึวรนนท์?” ยมบาลเทียนวกกลับเข้าเรื่องที่ชายหนุ่มถามทิ้งไว้ “ทำไมพวกท่านถึงเรียกผมว่าวรนนท์?” “ก็นั่นมันชื่อเจ้า จะให้พวกข้าเรียกอะไรเล่า?” “ผมไม่ได้ชื่อวรนนท์ แต่ชื่อวรานนท์ครับ วะ-รา-นน ไม่ใช่ วอ-ระ-นน” วรานนท์สะกดชื่อของตัวเองให้ยมบาลทั้งสองฟัง ทั้งยมบาลทดและยมบาลเทียนต่างหันหน้ามองกันอย่างตกตะลึง “เจ้า...ไม่ใช่วรนนท์ นามสกุลทอประกายส่องแสงรึ?” “ไม่ครับ ผมชื่อวรานนท์ ทอประกายส่องแสง” “เจ้ารีบดูเร็วเข้าอย่ามัวยืนอ้ำอึ้ง” ยมบาลเทียนเรียกสติ ยมบาลทดรีบพลิกกระดานรายชื่อที่หน้าตาคล้ายกระดานชนวนขึ้นเพื่อดูประวัติของวิญญาณที่เข้าเพิ่งนำตัวลงมาจากโลกมนุษย์ได้ไม่ถึงครึ่งวัน รายชื่อและข้อมูลของวิญญาณปรากฏขึ้นหน้ากระดานดำ ‘นายวรนนท์ ทอประกายส่องแสง สิ้นอายุขัย ณ วันที่ 28 เดือน ตุลาคม ปี25xx มรณะเนื่องจากถูกยิง' สาเหตุการตายของวิญญาณที่เข้าไปรับคือถูกยิง แต่เขาไปรับวิญญาณตนนี้ในดงอุบัติเหตุรถชนกัน... “...บางทีกระผมอาจจะรับวิญญาณมาผิดตน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม