วรานนท์เดินคอตกตามหลังยมบาลทดอีกครั้ง
“ท่าน ผมรู้ว่านะว่าตั้งแต่เกิดมาทุกคนทำชั่วกันทั้งนั้น แต่ความดีของผมนี่สิทำไมมีแค่หน้าเดียว ผมข้องใจตรงนี้มาก”
“เจ้าอาจจะเข้าใจว่าสิ่งที่เจ้าเคยกระทำเมื่อครั้นมีชีวิตคือสิ่งดีงาม แต่หาใช่ไม่”
“โธ่ท่าน แต่ผมว่าบัญชีหนังหมานั่นบันทึกข้อมูลผมผิดครับ”
ยมบาลทดส่ายศีรษะ
“ไม่ผิดหรอก ชื่อและนามสกุลก็ตรงทุกประการ อย่างไรก็ไม่พลาด เว้นเสียแต่…”
ยมบาลเทียนผู้คุมขุมแปดเอ่ยทักทาย ยมบาลทดจึงไม่ได้ต่อประโยคให้จบ
“สวัสดีท่านทด คราวนี้มาไกลถึงขุมแปดเชียว ไหนข้าขอดูบันทึกเจ้าวิญญาณนี่หน่อย”
ยมบาลทดยื่นกระดานดำสี่เหลี่ยมผืนผ้า
“วรนนท์ ทอประกายส่องแสง อืม… ใช่ย่อยเลยแฮะ เอาไปลองจุ่มในกระทะทองแดงก่อนก็แล้วกัน”
“จุ่ม?ท่านพูดอย่างกับว่าผมเป็นหมูดิบอย่างงั้นแหละ ผมต้องลงไอ้เจ้านี้จริงเหรอครับท่าน”
วรานนท์มองกระทะทองแดงที่เต็มไปด้วยน้ำสีแดงส้มกระทะตรงหน้าเขาไม่มีวิญญาณตนไหนอยู่ แต่กระทะรอบข้างเต็มไปด้วยวิญญาณที่กระทำผิดและต้องมาชดใช้ความผิด พวกเขาต่างร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด น้ำเดือนปุดกำลังกัดกินหล่อหลอมละลายผิวหนัง
“เอ๊ะ… ท่านจะไปไหน?”
เขาถามยมบาลทดที่กำลังจะเดินออกจากห้องกระทะทองแดง
“อย่าทิ้งผมไว้คนเดียวแบบนี้สิครับ”
“เจ้าอยู่คนเดียวที่ไหน โน่น!”
ยมบาลทดหมายถึงดวงวิญญาณที่กำลังร้องอย่างทุรนทุราย
“ที่นี่ผมสนิทแค่กับท่าน”
“โห เดี๋ยวนี้เจ้าถึงขั้นสนิทกับวิญญาณเชียวรึท่านทด”
“ไอ้หนุ่มนี่มันโมเมไปเองท่านเทียน”
“อ่าวท่าน… แต่ท่านจะทิ้งผมจริง ๆ เหรอครับ”
วรานนท์ยังคงพยายามรั้งยมบาลตนเดียวที่รู้สึกสนิทใจด้วย
“ข้าไป ๆ มา ๆ ค่อยไว้เจอกันตอนข้านำวิญญาณตนอื่นมาที่นี่แล้วกัน ข้าไปละ”
“ท่านนนนนนนน~”
วรานนท์ยืนอาลัยจนกระทั่งยมบาลทดหายลับออกไปทิ้งให้เขายื่นอยู่กับยมบาลแปลกหน้าข้างกระทะทองแดง
“เลิกลีลาได้แล้ว ลงกระทะของเจ้าเสียเถอะเจ้าวิญญาณวรนนท์”
“ครับ… ลงก็ลงครับ”
เมื่อยมบาลเทียนเห็นวิญญาณในปกครองเข้าไปในกระทะแล้วจึงจะไปตรวจตราดวงวิญญาณอื่นของอีกฟากของห้อง
“ท่าน… ท่านจะไปไหนครับ?”
“เดี๋ยวมา”
ยมบาลเทียนไม่ตอบคำถามของวรานนท์ให้มากความ
ในที่สุดตอนนี้วิญญาณหน้าใหม่อย่างวรานนท์ก็นั่งอยู่ข้างในกระทะทองแดงขนาดใหญ่ที่สามารถบรรจุวิญญาณได้เกือบห้าสิบกว่าตน
วรานนท์นั่งแช่ทำตาปริบ ๆ มองสังเกตเพื่อนร่วมชะตากรรมที่กำลังดิ้น
เกือบชั่วโมงผ่านไปเขาก็เปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งเป็นลอยตัวเอามือเกาะขอบกระทะและตีขาเพื่อทรงตัวเหมือนตอนฝึกว่ายน้ำกับขอบสระ
ชั่วโมงที่สองเขาก็เปลี่ยนท่าทางโดยคราวนี้นอนหงายลอยตัวมองชมความว่างเปล่าสีดำมืดอย่างเบื่อหน่าย
“เจ้าวรนนท์!เจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะ!ทำไมถึงลอยตัวเล่นสบายใจเฉิบอย่างนี้”
ยมบาลเทียนที่เพิ่งกลับมาจากอีกฟากของห้องโวยวาย
เจ้าวิญญาณตนนี้หยามกันเหลือเกิน กล้ามากที่อดทนอดกลั้นลอยตัวราวกับกำลังพักผ่อนหย่อนใจในวันหยุด
“ผมนั่งรอท่านจนเมื่อยเลยลอยตัวรอแทนครับ”
เขาตอบหน้าซื่อจากนั้นจึงว่ายไปทั่วกระทะทองแดงและสนทนากับยมบาลตรงหน้าไปด้วย
“ท่านชื่อเทียนใช่ไหมครับ?”
“ข้าชื่อเทียน เจ้าไม่ร้อนรึไง?”
“ครับ ไม่ร้อนเลยสักนิด”
เขาตอบตามความจริงแต่นั้นยิ่งทำให้ยมบาลเทียนรู้สึกเหมือนกำลังถูกยั่วยวนโทสะ
“เจ้าบังอาจมาก ข้าจะทำให้เจ้าทุรนทุรายยิ่งกว่ากระทะอื่น”
ยมบาลเทียนหายไปสักพักก่อนจะกลับมายืนที่เดิม คราวนี้เขาถามย้ำกับวิญญาณจองหองอีกครั้ง
“ร้อนหรือยัง?”
“?”
วรานนท์ดำผุดดำไหว้ผลุบโผล่ไปทางนั้นทีทางนี้ทีจนทั่วกระทะราวกับกำลังดำน้ำเล่นอย่างสนุกสนาน
“ไม่ร้อนครับ”
ยมบาลเทียนขมวดคิ้วย่นหน้าเอามือจุ่มลงไปในกระทะที่คิดว่ากำลังเดือดหลายพันองศา
… ไม่ร้อน
… เจ้าวิญญาณตรงหน้าเขาไม่ได้ยั่วโมโหแต่อย่างใด
“เจ้าลองไปยืนอยู่กลางน้ำ”
เมื่อยมบาลเทียนออกคำสั่ง วรานนท์ก็ตีกันเชียงจ้วงซ้ายจ้วงขวาจนถึงที่หมาย
“ให้เกียรติกระทะของข้าบ้างเถอะเจ้าวรนนท์”
เขามองวิญญาณเด็กหนุ่มที่ยืนกวักสาดน้ำเล่น ยมบาลเทียนรอให้เวลาผ่านไปประมาณสิบนาทีก็ตะโกนถาม
“ร้อนหรือยัง?”
“ยังครับ!! เอายังไงต่อครับ?”
เขาตอบกลับพร้อมกับกระโดดโลดเต้นโบกไม้โบกมือ
“อยู่ตรงนั้นก่อน”
ยมบาลเทียนรอให้เวลาผ่านไปอีกยี่สิบนาทีรวมเป็นครึ่งชั่วโมงที่ปล่อยให้วรานนท์คอยและไม่มีทีท่าว่าจะร้อนทุรนทุรานสักทีจึงเรียกให้กลับเข้าฝั่งขอบกระทะ
วรานนท์ก็จ้วงน้ำเปลี่ยนหลายท่วงท่าไม่ว่าจะเป็นท่ากบ ผีเสื้อสมุทร ลูกหมาตกน้ำและสุดท้ายตีกันเชียงกลับมาเกาะขอบกระทะตามเดิม
“ไม่ร้อนเลยครับท่าน”
คำพูดของเขาย้ำทำให้ยมบาลเทียนเจ็บใจ ความจริงวิญญาณตนนี้ควรได้รับโทษตั้งแต่ที่ยมบาลทดพาตัวมา แต่นี่เขากลับปล่อยให้วิญญาณที่ต้องชดใช้กรรมเอ้อระเหยลอยชายหลายชั่วโมง หากเบื้องสูงรู้เข้าว่าเขาบกพร่องในหน้าที่มีหวังโดนลงโทษอย่างทรมานเป็นแน่
เขาคงต้องเขียนแจ้งเรื่องกระทะเจ้ากรรมที่ดันมาพังตอนที่จำเป็นต้องใช้ลงโทษพอดิบพอดี นี้อาจจะพอเป็นข้อแก้ตัวเพราะเกิดเหตุสุวิสัยขึ้น
“มันไม่ร้อน ผมขึ้นไปรอบนพื้นก่อนได้ไหมครับ?ตัวเปื่อยหมดแล้ว”
วรานนท์ก้มมองผิวหนังที่ยุ่ยเพราะแช่น้ำเป็นเวลานาน
“อืม ขึ้นมา”
วรานนท์หอบร่างตัวเองขึ้นจากกระทะทองแดงที่ใช้การไม่ได้ ตอนนี้ตัวของเขาเต็มไปด้วยสีส้มผสมแดงตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ท่าน!ทำไมตัวผมเป็นสีนี้”
สีที่ตัวของเขาได้มาจากสีของน้ำที่อยู่ในกระทะทองแดง
“สีผสมอาหารน่ะ”
ยมบาลเทียนพูดขณะที่กำลังก้มตรวจสอบใต้ฐานของกระทะทองแดงตรงหน้า
“หะ?ใส่สีผสมอาหารทำไมครับ?”
“ให้เหมือนสีของลาวาไง”
“แล้วกระทะนี่เป็นอะไรเหรอครับ?ทำไมมันถึงเย็นเจี๊ยบ”
“แก๊สหมด”
“หะ!?ในนรกก็ใช้แก๊สหุงต้มกับเขาด้วยเหรอครับเนี่ย!”
วรานนท์ตกใจซ้ำสอง คราวแรกก็สีผสมอาหารแถมที่กระทะไม่ร้อนก็เพราะแก๊สหมด ในสถานที่ที่เรียกว่า ‘นรก’ คงมีเรื่องที่อาจทำให้เขาแปลกใจอีก
“เมื่อกี้ท่านบอกว่าผมว่าทำสีให้เหมือนกับลาวา ทำไมถึงไม่เอาของจริงใส่ลงในนี้แทนสีละครับ”
ยมบาลเทียนมองหน้าวิญญาณชายหนุ่มที่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าหนูจำไม
“เจ้ามาจากที่ไหน?”
“โลกมนุษย์ครับ”
“ไม่สิ ข้าต้องถามว่าเจ้าเป็นคนประเทศใด?”
“ไทยครับ”
“อืม นรกขุมนี้ตั้งอยู่ในเขตของประเทศไทย ประเทศไทยมีภูเขาไฟทั้งหมดรวมแปดลูก ดับสนิทไปแล้วหกลูก ฉะนั้นจะให้หาลาวาจากที่ใดนอกจากผสมสีและใช้แก๊ส”
ยมบาลเทียนอธิบายสาเหตุของการใช้น้ำผสมสี
“อีกสองลูกที่เหลือละครับ เอาลาวาจากสองลูกนั้นก็ได้ ไม่เห็นต้องลำบากคอยผสมสี”
“เห้อ สองลูกนั้นถูกนรกเพื่อนบ้านซื้อสัมปทานไปน่ะสิ คราวนี้เจ้าคงหมดข้อข้องใจสักทีนะเจ้าวิญญาณวรนนท์”
“… ผมมีข้อข้องใจอีกข้อครับ คือว่าทำไมพวกท่านถึง…”
วรานนท์ไม่ทันได้ถามข้อสงสัยที่เก็บไว้ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในนรกแห่งนี้ ยมบาลทดก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
“อ้าว ทำไมเจ้าหนุ่มนี้ถึงมายืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ตรงนี้เล่าท่านเทียน? หรือมันต่อรองต่อปากต่อคำกับท่านเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงบทลงโทษ?”
ที่ยมบาลทดเอื้อนเอ่ยเช่นนั้นก็เพราะว่าเขาเข้าใจดีว่าวิญญาณหนุ่มตนนี้หน้ามึนและขี้สงสัยเพียงใด
“กระทะมีปัญหาน่ะท่าน แถมจะให้ไปลงกระทะอื่นก็ไม่ได้ ดันเต็มหมดทุกที่”
“ทำชั่วมาก็มาก แต่โชคดีเสียจริงเจ้าวรนนท์”
“ว่าแต่ท่านทดมีธุระอันใดถึงได้ย้อนกลับมา วิญญาณติดมือก็ไม่มีสักตน”
“กระผมลืมกระดานรายชื่อจึงย้อนกลับมาเอา แต่ไม่นึกเลยว่าเจ้าวิญญาณวรนนทจะโชคดีขนาดนี้”
“ว่าแต่เจ้ามีข้อใดข้องใดจะถามรึวรนนท์?”
ยมบาลเทียนวกกลับเข้าเรื่องที่ชายหนุ่มถามทิ้งไว้
“ทำไมพวกท่านถึงเรียกผมว่าวรนนท์?”
“ก็นั่นมันชื่อเจ้า จะให้พวกข้าเรียกอะไรเล่า?”
“ผมไม่ได้ชื่อวรนนท์ แต่ชื่อวรานนท์ครับ วะ-รา-นน ไม่ใช่ วอ-ระ-นน”
วรานนท์สะกดชื่อของตัวเองให้ยมบาลทั้งสองฟัง ทั้งยมบาลทดและยมบาลเทียนต่างหันหน้ามองกันอย่างตกตะลึง
“เจ้า...ไม่ใช่วรนนท์ นามสกุลทอประกายส่องแสงรึ?”
“ไม่ครับ ผมชื่อวรานนท์ ทอประกายส่องแสง”
“เจ้ารีบดูเร็วเข้าอย่ามัวยืนอ้ำอึ้ง”
ยมบาลเทียนเรียกสติ ยมบาลทดรีบพลิกกระดานรายชื่อที่หน้าตาคล้ายกระดานชนวนขึ้นเพื่อดูประวัติของวิญญาณที่เข้าเพิ่งนำตัวลงมาจากโลกมนุษย์ได้ไม่ถึงครึ่งวัน
รายชื่อและข้อมูลของวิญญาณปรากฏขึ้นหน้ากระดานดำ
‘นายวรนนท์ ทอประกายส่องแสง สิ้นอายุขัย ณ วันที่ 28 เดือน ตุลาคม ปี25xx มรณะเนื่องจากถูกยิง'
สาเหตุการตายของวิญญาณที่เข้าไปรับคือถูกยิง แต่เขาไปรับวิญญาณตนนี้ในดงอุบัติเหตุรถชนกัน...
“...บางทีกระผมอาจจะรับวิญญาณมาผิดตน”