บทที่ 1 ข่าวร้ายกลางวันรับน้อง
เฮ้ ! เย้!
เสียงกลองเชียร์ดังสนั่นทั่วลานกิจกรรมของคณะนิเทศศาสตร์ ข้าวฟ่าง สาวน้อยปีหนึ่งในชุดเฟรชชี่สีขาวสะอาด กำลังสนุกกับกิจกรรมรับน้อง เพื่อน ๆ รอบตัวส่งเสียงเฮฮา ขณะที่รุ่นพี่นำเกมแกล้งปีหนึ่งให้ทำภารกิจต่าง ๆ
“น้องข้าวฟ่าง! ออกมารับโทรศัพท์ก่อน!”
เสียงพี่สตาฟตะโกนแทรกเสียงโหวกเหวกของกิจกรรม ทำให้เธอชะงัก ข้าวฟ่างหันไปมองรุ่นพี่ที่ยืนถือโทรศัพท์มือถือสีดำของเธออยู่ สีหน้าของพี่เขาเคร่งเครียดจนน่าแปลกใจ
เธอเดินเข้าไปรับโทรศัพท์อย่างงุนงง หัวใจเต้นแรงโดยไม่มีเหตุผล
“สวัสดีค่ะ ข้าวฟ่างพูดค่ะ”
ต้นสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเสียงของหญิงวัยกลางคนจะดังขึ้น น้ำเสียงอ่อนโยนแต่แฝงความกังวล
“น้องข้าวฟ่างใช่ไหมคะ? พี่เป็นพยาบาลจากโรงพยาบาลเอกพล”
ข้าวฟ่างขมวดคิ้วแน่น แว่วเสียงกลองเชียร์ดังอื้ออึงอยู่ข้างหลัง
“ค่ะ มีอะไรเหรอคะ?”
ปลายสายเงียบไปเสี้ยววินาที ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่สั่นไหว
“ทำใจดี ๆ ไว้นะคะ…”
คำพูดแค่นั้นทำให้หัวใจข้าวฟ่างกระตุกวูบ มือเธอเริ่มเย็นเฉียบโดยไม่รู้ตัว
“เกิดอะไรขึ้นคะ!?”
เธอถามเสียงดังขึ้น ลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ท่ามกลางเพื่อน ๆ และรุ่นพี่มากมายที่กำลังมองมา
เสียงของพยาบาลยังคงอ่อนโยนเหมือนเดิม แต่มันเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจเธอ
“พ่อกับแม่ของน้อง… ประสบอุบัติเหตุรถชน ตอนนี้อาการ....”
ข้าวฟ่างรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน ร่างทั้งร่างแข็งทื่อ หูอื้อจนไม่ได้ยินประโยคที่เหลือ เธอได้ยินแค่เสียง อุบัติเหตุรถชน และ พ่อกับแม่ของน้อง…
“มะ… ไม่จริง” เธอพึมพำ น้ำเสียงสั่นเครืออย่างควบคุมไม่ได้
หัวใจเธอเต้นแรงจนเจ็บ มือไม้เย็นเฉียบ โทรศัพท์แทบหลุดจากมือ
เพื่อน ๆ และรุ่นพี่รอบตัวเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ หลายคนเดินเข้ามาหา แต่เสียงของทุกคนฟังดูไกลออกไป ข้าวฟ่างแทบไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว
เธอได้ยินแค่เสียงสะท้อนในหัว…
พ่อกับแม่ของน้อง… ประสบอุบัติเหตุ
เธอเม้มปากแน่น ฝืนก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวเหมือนพยายามหนีจากความจริงที่เพิ่งได้รับ
“พี่คะ! หนูขอไปดูเพื่อนหน่อยได้ไหม?”
ลมเหนือ สาวร่างบางผมสั้นวิ่งไปขออนุญาตรุ่นพี่ด้วยน้ำเสียงร้อนรน ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความกังวล รุ่นพี่ที่เห็นสีหน้าซีดเผือดของ ข้าวฟ่าง ก็พยักหน้าอนุญาตโดยไม่ถามอะไรเพิ่มเติม
ทันทีที่ได้รับอนุญาต ลมเหนือรีบวิ่งตรงไปยังเพื่อนรักที่ยืนตัวแข็ง ราวกับถูกแช่แข็งอยู่ตรงนั้น
“ข้าวฟ่าง เป็นอะไรไป!?”
เธอจับไหล่เพื่อนสนิทแล้วเขย่าเบา ๆ แต่ข้าวฟ่างไม่ตอบอะไรเลย มีเพียงน้ำตาใส ๆ ที่ไหลออกมาไม่หยุด
ลมเหนือใจหายวูบ ไม่เคยเห็นเพื่อนรักเป็นแบบนี้มาก่อน
“พ่อกับแม่ของฉันอ่ะ… ลม”
เสียงสั่นเครือของข้าวฟ่างทำให้ลมเหนือขมวดคิ้วแน่น หัวใจเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ
“ทำไม…?”
ข้าวฟ่างเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด น้ำเสียงแผ่วเบาแต่กรีดแทงหัวใจ
“เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์…”
ลมเหนือเบิกตากว้าง
“…อยู่ที่โรงพยาบาลเอกพล”
ราวกับมีเสียงระเบิดดังขึ้นกลางใจ ลมเหนือรู้สึกเหมือนเวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ แต่พอได้สติ เธอรีบคว้ามือเพื่อนรักมากุมแน่น
“ไม่เป็นไรนะข้าวฟ่าง เดี๋ยวฉันพาแกไปเอง!”
เธอพูดพลางพยุงข้าวฟ่างให้ลุกขึ้น แม้ว่าเพื่อนสนิทของเธอจะตัวสั่นเทาและแทบไม่มีแรงเดินก็ตาม
ลมเหนือไม่รอช้า รีบพาข้าวฟ่างออกจากลานกิจกรรม ฝ่าผู้คนมากมายไปที่รถของตัวเอง ใจเธอเต้นรัวแรงกว่าทุกครั้งที่เคยเป็นมา
ขออย่าให้มันร้ายแรงอย่างที่คิดเลย…
เธอได้แต่ภาวนาในใจ ขณะที่มือเรียวกำพวงมาลัยแน่น แล้วเหยียบคันเร่งพาข้าวฟ่างมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลเอกพลทันที
โดยไม่รู้เลยว่า สิ่งที่รอพวกเธออยู่ที่นั่น… จะเปลี่ยนชีวิตของข้าวฟ่างไปตลอดกาล
อีกด้าน
~ปี๊ดดดดด~
เสียงนกหวีดดังสนั่นกลางสนามกีฬาของคณะวิศวกรรมศาสตร์ รุ่นพี่สั่งให้ปีหนึ่งทำกิจกรรมรับน้องท่ามกลางแดดเปรี้ยง ๆ แต่พวกปีสี่อย่าง ใต้ฝุ่น ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วม เขายืนกอดอกดูน้อง ๆ จากระเบียงตึก ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
แต่แล้วดวงตาคมกริบของเขาก็เหลือบไปเห็น ไอ้บอล เพื่อนสนิทของเขาเดินคอตกมาหา สีหน้ามันหมดอาลัยตายอยากเหมือนคนอกหักรักคุดมาสักสิบรอบ
ใต้ฝุ่นเลิกคิ้วมองภาพตรงหน้า ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบแต่เต็มไปด้วยความกวนตีน
“เป็นเหี้ยอะไรไอ้บอล เดินคอตกเหมือนหมาถูกทิ้งแบบนี้?”
บอลเงยหน้าขึ้นมองใต้ฝุ่นพลางถอนหายใจยาวเหยียด “น้องลมเหนือน้องสาวมึง อยู่ ๆ ก็ออกไปข้างนอก กูจะอยู่ไปเพื่อไร สู้มาหามึงดีกว่า ทำคะแนนกับมึง”
คำตอบนั้นทำให้ใต้ฝุ่นขมวดคิ้วทันที
“มึงหยุดคิดจะจีบน้องกูเลยไอ้บอล น้องกูไม่เอามึงหรอก”
ว่าแล้วก็จัดการยกเท้าใส่เพื่อนสนิทอย่างไม่ลังเล ไอ้บอลร้องโอดโอยแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรนัก
“กูเพื่อนมึงนะใต้ฝุ่น ไม่เข้าข้างกูเลย” มันบ่นเสียงหงอย
“มึงเลวไงไอ้บอล อย่ามาชอบน้องกู”
บอลทำเสียงขึ้นจมูก หัวเราะขำในลำคอแล้วตอบกลับทันที “มึงก็เลวเหมือนกู ถึงเป็นเพื่อนกันได้”
จากนั้นบอลยกยิ้มเย็น ก่อนจะพูดอย่างท้าทาย “คอยดูนะ ถ้ามึงจีบใครจริงจังขึ้นมานะไอ้ใต้ กูจะบอกให้น้องคนนั้นหนีไปจากมึง”
“ฝันไปเถอะ” ใต้ฝุ่นพูดพลางตบไหล่เพื่อนเบา ๆ แล้วเปลี่ยนเรื่อง เอียงคอถามแทน “เออ แล้วน้องกูหนีกิจกรรมเหรอวะ? ทำไมถึงออกไป”
“ก็ไม่เชิงหรอก” บอลเกาหัว “เห็นออกไปกับข้าวฟ่างนั่นแหละ”
ใต้ฝุ่นชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เส้นเลือดบนขมับจะเต้นตุบ ๆ
ยัยเด็กนี่พาน้องสาวเขาเถลไถลงั้นเหรอ!?
“ให้ตายสิ” เขาพ่นลมหายใจแรง ๆ นึกภาพเด็กปีหนึ่งตัวเล็ก ๆ อย่างข้าวฟ่างพาน้องสาวสุดรักของเขาหนีออกไปจากมหาลัยแล้วก็รู้สึกขัดใจอย่างบอกไม่ถูก
“ฉุนเชียวว่ะ” บอลแซวขำ ๆ “หรือว่า… มึงไม่ชอบข้าวฟ่าง?”
ใต้ฝุ่นเหลือบมองเพื่อนสนิทอย่างไม่สบอารมณ์ “กูไม่ชอบเด็กแบบนั้นเว้ย”
“หืม? เด็กแบบไหนวะ?”
“ก็น่ารำคาญ” ใต้ฝุ่นตอบเสียงขุ่น “คิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูแสนดี ทั้งที่เอาแต่ก่อปัญหา”
“หึ ๆ ปากแบบนี้…” บอลยิ้มมุมปากแล้วตบบ่ามันเบา ๆ “อีกไม่นานหรอกมึง”
“อีกไม่นานอะไรของมึง?”
บอลยักไหล่ ไม่ตอบอะไร ได้แต่หัวเราะในลำคอ…
เพราะเขารู้ดีว่า… คนอย่างใต้ฝุ่น ถ้าเกลียดใครมาก ๆ มักจะลงเอยด้วยการสนใจคนนั้นเสมอ