“สงสัยเราต้องลดกับข้าวลง แล้วทำกับแกล้มเพิ่มแล้วล่ะค่ะคุณหนึ่ง ถ้าลองได้ปักหลักกันขนาดนั้น คงจะยาวแน่ๆ ค่ะ”
สุดากำลังเตรียมลงมือปรุงอาหารคาดการณ์เอาไว้ตามที่เห็นและประสบการณ์ที่ผ่านมา ปราณปริยาวดีเองก็ไม่รู้ว่าจะจริงหรือไม่ แต่ก็ไม่คิดจะสนใจ นอกจากทำหน้าที่ของตัวเองไปก็เท่านั้น
“แล้วจะทำอะไรบ้างคะ”
“ต้มโคล้งปลากรอบ เต้าเจี้ยวหลน ปลานึ่งซีอิ้วและยำหอยแครงค่ะ วันนี้คุณผู้ชายมา ต้องทำเยอะหน่อย แล้วก็จะได้แบ่งเป็นกับแกล้มให้คุณหนึ่งไปด้วย ดีนะคะป้าซื้อของมาเยอะหน่อย ทำไมวันนี้มาตั้งวงปุบปับก็ไม่รู้ ปกติจะโทรบอกก่อน”
เมื่อได้คำตอบแล้ว ปราณปริยาวดีก็รีบลงมือช่วยสุดาทันที หนึ่งทุ่มก็ได้นั่งร่วมโต๊ะกับพ่อแม่สามีแล้ว สุดาถูกชวนให้นั่งกินด้วย เพราะสามหนุ่มกำลังดื่มได้ที่ ไม่มีใครสนกับมื้อเย็นแล้วเมื่อพาทิศให้สุดาไปชวน
“ไม่เห็นกินเหล้ามาตั้งแต่...เอ่อ...ตั้งหลายเดือนแล้ว ทำไมวันนี้ถึงกลับมากินอีกก็ไม่รู้ตาหนึ่งนี่”
พิไลพรรณเกือบจะหลุดปากออกมา ว่าตั้งแต่ลูกอกหักจากลูกบ้านใหญ่แล้วเชียว ดีที่ยั้งปากไว้ทันพร้อม กับหันไปมองสะใภ้ที่ยังคงกินข้าวด้วยท่าทีเรียบเฉย
“มันคงจะดีใจมั้ง วันนี้รายงานยอดขายทะลุเป้า ช่างมันเถอะคุณ มันน่ะโตจนมีลูกมีเมียแล้วนะ หนูหนึ่งยังไม่บ่นสักคำ เราเป็นผู้ใหญ่ก็นิ่งๆ ไว้เถอะ เอ้า! นี่ปลานึ่งซีอิ้วของโปรดคุณ กินเยอะๆ จะได้สวยๆ และไม่แก่”
จากตอนแรกว่าจะเอ็ดสามีที่บังอาจมาว่า แต่พอเห็นปลาคำโต ลอยมาอยู่ในจานข้าวกับใบหน้าเปื้อนยิ้มของสามีแล้ว พิไลพรรณเลยเปลี่ยนใจ แค่ส่งค้อนวงใหญ่ให้เท่านั้น
ปราณปริยาวดียิ้มน้อยๆ กับสุดาแล้วก็กินไปเรื่อยๆ ถ้าพ่อสามีไม่ถามอะไรก็จะไม่เอ่ยปาก ด้วยรู้ดีว่าแม่สามีไม่ปลื้ม
“คุณหนึ่งคะ คุณหนึ่งให้มาบอกว่าให้คุณหนึ่งไปทำกับแกล้มเพิ่มให้คุณหนึ่งด้วยค่ะ”
น้อยเดินมาบอกด้วยท่าทีนอบน้อม แล้วก็ออกจากห้องไป เพราะไม่ค่อยจะกล้าสู้หน้าเจ้านายเวลาอยู่พร้อมๆ กันหลายคน ทำเอาคนทั้งสี่ขำออกมาแทบจะพร้อมกันเมื่อน้อยพูดจบ
แล้วปราณปริยาวดีก็รีบลุกไปทำตามคำสั่งสามี แม้จะยังไม่อิ่ม ไม่ถึงสิบนาทีก็ได้ต้มโคล้งร้อนๆ ยกไปวางตรงหน้าคนเรียกร้องแล้ว
“ขอน้ำแข็ง โซดาเพิ่มด้วย”
เป็นข้อเรียกร้องใหม่ ที่สามีหยิบยื่นให้ แม้บนโต๊ะจะเหลืออยู่เขาก็ไม่แคร์ ปราณปริยาวดีเองก็ไม่คิดจะถาม ได้แต่กลับเข้าไปในครัวแล้วจัดให้ตามคำขอ
ความคิดที่จะกลับไปกินข้าวต่อนั้น หมดไปแล้ว จึงเลี่ยงขึ้นห้องไป
“คุณหนึ่งคะ คุณหนึ่ง”
แต่ไม่ถึงสองชั่วโมง สุดาก็ขึ้นมาเคาะประตูเรียก
“คุณหนึ่งให้ลงไปทำกับแกล้มอีกค่ะ ป้าจะทำแกก็ไม่ยอม บอกว่าให้คุณหนึ่งทำให้เท่านั้น ในตู้มีหมึกกับกุ้งแช่ไว้ คุณหนึ่งเอามายำก็ได้นะคะ เดี๋ยวป้าจะลงไปช่วย”
“ไม่ต้องหรอกค่ะป้า เดี๋ยวหนึ่งจัดการก็ได้ ทำแค่อย่างเดียว ป้าสุไปพักเถอะค่ะ”
ปราณปริยาวดียิ้มให้ แล้วก็ลงไปจัดการตามคำขอสามีอีกคำรบ แล้วยกไปให้ถึงที่เหมือนเดิม แล้วก็รีบเดินกลับเข้าครัวเพื่อเก็บของจะได้ขึ้นไปนอน
แต่ก็ต้องตกใจเมื่อสามีเดินตามมา พร้อมใบหน้าที่แดงกร่ำ บ่งบอกให้รู้ว่าระดับดีกรีกำลังได้ที่แล้ว
“ไม่คิดจะออกไปนั่งข้างๆ ผัว คอยชงเหล้าหรือป้อนกับแกล้มให้บ้างเหรอ หน้าที่เมียน่ะรู้จักมั้ย การเอาอกเอาใจผัวน่ะ เคยคิดที่จะทำมั้ย การเป็นเมียไม่ใช่ตื่นมาทำกับข้าวให้ผัวกินแล้วก็จะจบนะ หัดเอาอย่างลูกบ้านใหญ่เขาบ้างสิ จะได้อยู่ด้วยกันนานๆ”
เขาเสียงดังใส่
“ถ้าคุณเมาแล้วก็ขึ้นไปนอนดีกว่ามั้ยคะ”
“ผมไม่เมาและอย่ามาสั่งสอนผม ตัวเองน่ะดีนักเหรอ มีผัวหัวโด่อยู่ทั้งคน ไม่คิดจะทำหน้าที่เมีย ทำไมเหรอ ตัวคุณมันวิเศษอะไรนักหนา ถึงให้ผมใกล้ไม่ได้ คิดเหรอว่าจะรอดมือผมไปได้มานี่”
“คุณหนึ่ง! อย่านะออกไปคุณเมามากแล้วนะ ปล่อยฉันสิ ปล่...”
แม้จะเมาแต่เรี่ยวแรงเขาก็ยังมีในตัวล้นเหลือที่จะรวบร่างเมียเข้ามาจนชิดกับอกกว้างแล้วระดมจูบไปกับเรียวปากงามอย่างรวดเร็ว ปราณปริยาวดีพยายามเบี่ยงหน้าหนีเพราะเหม็นเหล้าเต็มที
แต่ก็ไม่อาจจะทำได้ เมื่อเขากอดไว้แน่นและดันตัวไปจนหลังชนตู้เย็นโดยไม่ปล่อยให้เรียวปากนุ่มเป็นอิสระ
มือก็ยกขึ้นไปรวบกำอกเต่งตึงทันควัน แล้วบีบเค้นแรงๆ จนเจ้าของเจ็บและพยายามปัดมือเขาออกห่าง มืออีกข้างก็กำแน่นแล้วทุบหลังเขา แต่มันแทบไม่ระคายผิวเขาเลยสักนิด
มิหนำซ้ำยังบดเบียดปากอุ่นไปกับอีกปากหนักหน่วงกว่าเดิม จนเจ้าของปากเจ็บระบมไปหมด แก้มนุ่มก็ถูกเขาไปจมูกและแก้มสากๆ ไปจนเจ็บแสบ
“ปล่อยฉันนะ...”
ร่างคนเมาผงะออกหลายก้าว จนหลังชนกับเคาน์เตอร์ ปราณปริยาวดีได้ทีรีบวิ่งหนีออกจากครัวขึ้นบันไดไปทันที อีกคนก็วิ่งตามปไม่ห่าง และไม่คิดว่าจะยอมให้เจ้าหล่อนละเลยหน้าที่เมียไปได้ในค่ำคืนนี้
แต่เพราะดื่มไปไม่น้อยแล้ว การเคลื่อนกายเลยช้ากว่าที่ควรจะเป็น ทำให้อีกฝ่ายหนีเข้าห้องล็อคเรียบร้อย กำปันจึงทุบลงไปกับปานประตูอย่างรวดเร็ว ปากก็ตะโกนเรียก
ปัง!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะหนึ่ง ผมบอกให้เปิดไง เปิดๆๆๆๆๆๆๆ”
“เปิดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
กำปั้นทุบไม่ยั้ง ปากก็ร้องเรียกคนด้านในด้วยความอารมณ์เสีย แต่ก็ยังเงียบเหมือนเดิม ยกเว้นสุดา ได้ยินดังเอะอะ จนต้องเปิดประตูห้องออกมาดู