พรนับพันแต่งกายเรียบง่ายเป็นชุดเดรสกระโปรงยาวคลุมเขา ผมยาวสลวยรวบขึ้นเป็นหางม้าเผยโครงหน้ารูปไข่เข้ากับต่างหูมุกเล็กๆที่สวมอยู่ หลังจากหลับเต็มอิ่มแม่บ้านก็มาเรียกราวกับรู้ว่าเธอตื่นแล้ว หญิงสาวจึงเดินออกจากห้องพักมาที่ห้องรับประทานอาหาร
ปู่หลิวจิ้นอันที่รออยู่ก่อนแล้ว เห็นว่าที่หลานสะใภ้เดินเข้ามาก็รีบกวักมือเรียกให้ไปนั่งใกล้ๆ พรนับพันเห็นโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่แล้วก็นึกแปลกใจว่า คนที่นี่อยู่กันกี่คน แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็พบว่ามีเด็กชายตัวน้อยนั่งอยู่ด้านข้างปู่หลิวแล้ว
“นอนหลับสบายหรือเปล่า”
“สบายค่ะ หลับเพลินเลย” เธอตอบไปตามตรงแล้วส่งยิ้มให้เด็กชายตัวน้อย
“นี่ต้าเหนิง เหลนของปู่” ปู่หลิวแนะนำตัวแทนหลานชาย “ต้าเหนิง นี่ปันปัน...”
“ต้าเหนิงไม่อยากมีแม่เลี้ยง”
เด็กชายรีบพูดขึ้นก่อนที่ปู่หลิวจะพูดจบประโยค เล่นเอาปู่หลิวทำหน้าไม่ถูก แต่พรนับพันกลับยิ้มกลั้นหัวเราะ ก็เธอไม่ได้อยากเป็นแม่เลี้ยงอยู่แล้ว
“อาหารน่าอร่อยมากค่ะ” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องพูดแล้วหันไปสนใจอาหารตรงหน้า “ได้ยินว่าอาหารของจีนเองก็เน้นอาหารเป็นยา คงจะเป็นแบบนี้เอง”
“ใช่ ที่นี่เรามีนักโภคชาการดูแลเรื่องอาหารให้เหมาะกับคนในบ้าน”
“อยู่ที่นี่ปันปันต้องอ้วนขึ้นแน่เลยค่ะ”
“ตัวบางขนาดนี้เอาอะไรมาอ้วน” คุณปู่หัวเราะ “มาๆ กินข้าวกัน”
“เรากินกันสามคนหรือคะ” เธอถามหลังจากนั่งลงแล้ว
“เอ่อ..เจ้าดื้อหัวแข็งนั้นมันติดประชุม เรากินข้าวกันก่อนเลยไม่ต้องรอ”
ปู่หลิวแก้ตัวแทนหลานชาย แต่พรนับพันกลับคิดว่าดีเสียอีก แสดงว่าเขาไม่อยากเจอหน้าเธอ ผู้ชายคนนั้นอาจไม่ยินดีกับการแต่งงานครั้งนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง การล้มเลิกงานแต่งก็ยังมีหวัง คิดได้แบบนี้ก็ทำให้เธอเบาใจ กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยและยังยิ้มแย้มตลอดเวลาในขณะที่หลิวต้าเหนิงได้แต่ละเลียดกินที่ล่ะคำอย่างเบื่อหน่าย ต้าเหนิงได้ยินเรื่อง ‘คุณผู้หญิงคนใหม่’มานับสัปดาห์จากปากของคนรับใช้ ซ้ำคุณปู่ยังให้คนตระเตรียมห้องพักให้พิเศษอีก ผู้หญิงคนอื่นที่เข้ามาในชีวิตปะป๋า ต้าเหนิงจัดการเรียบ แต่คนนี้เป็นคนของคุณปู่ทำให้เขาต้องเค้นสมองหาทางรับมือกับว่าที่แม่เลี้ยง
ในขณะที่พรนับพันเห็นแววตาเด็กน้อยก็เข้าใจได้ เธอกลับไม่เคืองโกรธและออกจะดีใจด้วยซ้ำ ยิ่งเด็กชายไม่ชอบเธอมากเท่าไหร่ ก็จะเข้าทางเธอทันทีเป็นจะกลายเป็นเหตุผลสำคัญที่มีน้ำหนักทำให้เธอกับเขาปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้ได้อย่างง่ายดาย ก็แน่ล่ะ ใครๆ ก็ต้องเห็นลูกสำคัญกว่าเสมอ คิดได้แบบนี้พรนับพันยิ่งแสร้งทำเป็นสนิทสนมพูดคุยถูกคอกับปู่หลิว ทำเอาต้าเหนิงหน้าตางอง้ำ หญิงสาวมองแล้วก็ต้องกลั้นหัวเราะ คงกลัวว่าเธอจะแย่งทั้งปู่ทั้งพ่อไป เพื่อไม่ให้เด็กชายห้าขวบเกลียดเธอจนเกินไป หญิงสาวสังเกตว่าเขาชอบกินกุ้งจึงคีบกุ้งให้
“ต้าเหนิง ชอบกินกุ้งไม่ใช่รึ” ปู่หลิวยิ้มดีใจที่เห็นว่าที่หลานสะใภ้เอาใจเหลนขนาดนี้
ต้าเหนิงกำลังคิดแผนอาระวาดแต่ยังไม่ทันทำอะไร ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหารเสียก่อน
“แย่จริง มาไม่ทันกินมื้อเย็นแล้ว”
“ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้” ปู่หลิวบ่นไม่จริงจังนัก “นั่งสิ เดี๋ยวให้แม่บ้านเอาตะเกียบมาเพิ่ม”
“ไม่เป็นไรครับ ประเดี๋ยวผมไปกินในครัวก็ได้” หลิวป๋อเหวินเอ่ยด้วยรอยยิ้มแล้วมองทางหญิงสาวคนในห้องนี้
“คนนี้คือ...”
“ว่าที่ภรรยาของโม่โฉว” ปู่หลิวแนะนำ “นี่หลิวป๋อเหวินเป็นอาของโม่โฉว”
“สวัสดีค่ะ” พรนับพันยกมือไหว้
“สวัสดีครับ พูดจีนได้ด้วยเก่งจริง” หลิวป๋อเหวินยิ้มอ่อนโยน “แบบนี้ก็เข้ากับต้าเหนิงของเราได้”
“ดีจริงๆ ครอบครัวจะได้เป็นครอบครัวเสียที”
ต้าเหนิงไม่อยากขัดใจปู่ หากเขาทำกิริยาไม่ดีออกไปก็จะทำให้ปู่เอ็นดูว่าที่แม่เลี้ยงของเขามากยิ่งขึ้น เด็กชายวัยห้าขวบที่มีความคิดเกินวัยจึงได้แต่ฝืนยิ้มให้ ทว่าพรนับพันเห็นแล้วกลับรู้สึกเอ็นดู เด็กวัยแค่นี้รู้จักเก็บอารมณ์คงเพราะเจอคนมาเยอะ เธอคิดถึงน้องชาย ทั้งสองเป็นพี่น้องที่สนิทกันมากทั้งเล่นซุกซนด้วยกันและมีเรื่องใดก็พูดคุยปรับทุกข์กันได้
“ทำไมโม่โฉวไม่กลับมาพร้อมกัน ฉันก็บอกแล้วว่าวันนี้ให้กลับมากินข้าวเย็นที่บ้าน”
“เรื่องนั้น...”หลิวป๋อเหวินนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วฉีกยิ้มออกมา “โม่โฉวติดประชุมครับ”
“ประชุมอะไรกันขนาดนี้” ปู่หลิวส่ายหน้าระอาใจ “ถ้าไม่เห็นว่ามันตั้งใจสืบทอดกิจการล่ะก็ เห็นที่ต้องสั่งให้มันหยุดงานเสียบ้าง”
หลิวป๋อเหวินไม่รู้จะแก้ตัวแทนยังไงดี เขาได้แต่ยิ้มเจือนแต่ลอบมอบหญิงสาวที่พ่อหมายตามาให้เป็นหลานสะใภ้ ไม่คิดว่าตัวจริงจะดูเด็กขนาดนี้ นี่ถ้าไม่เคยอ่านประวัติของเธอมาก่อน เขาคงนึกว่าเธอเป็นแค่เด็กมัธยมปลายเท่านั้น
ดูเหมือนคนที่อยากให้มาแต่ไม่มา ปู่หลิวได้แต่ระอาใจกับหลายชายผู้กุมธุรกิจทั้งหมดของสกุลหลิว จะทำอย่างไรได้เล่า ก็ตนเองเป็นคนยกให้หลานไปดูแลทั้งหมดแล้ว ปู่หลิวรู้ฤทธิ์เดชเหลนคนเดียวเป็นอย่างดี ครั้งนี้ยังไว้หน้าคนเป็นปู่ไม่ทำอะไรพรนับพันตั้งแต่เจอกันครั้งแรก เมื่อกินมื้อเย็นเสร็จจึงให้พี่เลี้ยงพาต้าเหนิงไปพักผ่อน หลิวป๋อเหวินมีบ้านของตัวเองอยู่อีกซึ่งปลูกในบริเวณพื้นที่เดียวกัน เขาขอตัวกลับไปพักผ่อน พรนับพันที่อยากจะพูดคุยกับปู่หลิวเรื่องสัญญาแต่งงานแต่ปู่หลิว แต่คนแก่กลับบอกว่ากินอิ่มแล้วอยากพักผ่อน เธอจึงไม่กล้าพูดเรื่องที่อยากพูด
“คิดเสียว่าเป็นบ้านตัวเอง อยากเดินดูอะไรก็ได้ แต่ห้องของโม่โฉวก็รอถามเขาก่อนว่าจะให้เข้าได้ไหม”
พรนับพันยิ้มแหย ใครจะอยากไปเข้าห้องส่วนตัวของคนอื่น แต่เพราะกินอิ่มและเธอก็นอนหลับมาตลอดบ่ายจึงยังไม่อยากรีบกลับไปพักนัก เมื่อถามแม่บ้านก็รู้ว่ามีห้องหนังสืออยู่ เธอจึงเดินไปที่นั้นโดยมีคนรับใช้นำทาง
ครอบครัวของเธอชอบอ่านหนังสือ เมื่อพ่อสร้างบ้านจึงทำห้องหนังสือเพื่อเก็บหนังสือและเป็นคนทำงานไปด้วย แต่ที่นี่ห้องหนังสือราวกับเป็นห้องสมุดขนาดย่อม ตำราแพทย์เรียงรายแน่นขนัดทำให้เธอตื่นตาตื่นใจมาก
“คุณผู้หญิงอยากรับน้ำชาไหมคะ” สาวใช้เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าแขกคนพิเศษของสกุลหลิวคงจะปักหลักอยู่ในห้องหนังสือนานแน่นอน
“ก็ดีค่ะ”
“ชาดอกไม้ดีไหมคะ”
“ได้ค่ะ”
หนังสือภาพสมุนไพรดึงดูดความสนใจเธอไปหมดสิ้น ร่างเล็กนั่งบนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ทำเอาเหมือนเธอจมลงไปในเก้าอี้ตัวนี้ แต่มันนั่งสบายจนเธออ่านหนังสือเหล่านั้นได้ลืมเวลาไปเลย สาวใช้ทำงานอย่างรู้หน้าที่ รินน้ำให้และถอยออกไปยืนด้านข้าง พรนับพันเงยหน้าอย่างนึกขึ้นได้
“ไม่ต้องอยู่ดูแลฉันหรอกค่ะ ฉันแค่อ่านหนังสือ สักพักก็จะกลับห้องแล้ว”
สาวใช้ไม่โต้เถียง คำพูดของเธอเหมือนคำสั่ง อีกฝ่ายเพียงถอยหลังออกไปอย่างเงียบเฉียบ หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ แล้วพลิกตำราแพทย์โบราณต่อไปซึ่งเป็นภาษาจีนโบราณที่เข้าใจได้ยาก แต่ภาพประกอบเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าวิชาแพทย์แผนจีนมีมาช้านาน ที่บ้านเธอก็มีตำรายาหมอพื้นบ้านที่ปูเขียนขึ้นเอง วาดภาพประกอบเอง สมัยนั้นกล้องถ่ายภาพราคาสูงไม่ใช่ทุกคนจะครอบครองได้ ปู่จึงบันทึกเรื่องราวด้วยตัวเอง เธอจมกับภวังค์ความคิดคำนึงจนผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว ไม่รู้แม้กระทั่งมีคนเข้ามาในห้อง
ชายหนุ่มที่เพิ่งกลับมาจากประชุมงานกับลูกค้าต่างประเทศ เขาไม่ได้มีเจตนาจะหลบเลี่ยงไม่เจอหน้าว่าที่ภรรยาของเขา เพียงแค่ไม่สามารถปลีกตัวจากงานที่รัดตัวได้จริงๆ แค่รถมาจอดก็ถูกคนรับใช้เข้ามารายงานให้รีบไปพบคุณปู่ เขาถูกบ่นไปยกใหญ่แต่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก จากนั้นก็เดินไปดูลูกชายที่หลับไปแล้วจึงคิดจะเดินกลับมาที่ห้องนอนของตัวเอง โดยปกติเขาจะอยู่ห้องชุดในเมืองใกล้บริษัท และพยายามกลับบ้านให้บ่อยไม่ให้ต้าเหนิงห่างเหินเขาเกินไป เขาเองก็กังวลว่าตัวเองจะทำงานจนไม่มีเวลากลับบ้านจนลูกชายจำหน้าไม่ได้ แต่จะให้ไปอยู่ด้วยกันเขาก็ไม่มีเวลาดูแล การอยู่กับปู่ที่มีเวลาว่างเหลือเกินเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ระหว่างเดินมาที่ห้องน้องเห็นสาวใช้ออกมาจากห้องหนังสือจึงรู้ว่าหญิงสาวอยู่ที่นี่ เขาน่าจะคุยกับเธอสักหน่อยเพื่อหยั่งเชิงว่าเธอคิดอย่างไรกับการแต่งงานครั้งนี้ ทว่าเมื่อเข้ามาก็พบว่าคนที่อยากเจอเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ใบหน้ายามหลับดูไร้พิษสงเสียจริง ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก แค่คิดถึงเรื่องในผับคืนนั้นเขาก็อยากเขี่ยเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาไม่ชอบผู้หญิงที่เปลืองเนื้อเปลืองตัวกับผู้ชายมากหน้าหลายตา เขาคิดจะปลุกไม่อยากให้เธอหลับบนเก้าอี้นวมแบบนี้ แต่นึกอีกทีถ้าเธอตื่นมาปวดหลังปวดเอวก็คงดี จะได้รู้ว่าเขาก็ไม่ได้ยินดีกับการมาของเธอนัก
แต่ยิ่งมองเขากลับขยับเท้าออกไปไม่ได้ ราวกับถูกสะกดด้วยภาพตรงหน้า
ในอกเกิดอารมณ์วูบไหวแปลกๆ ชอบกล