ตอนที่ 3 เถ้าแก่เนี้ย

1514 คำ
ตอนที่ 3 เถ้าแก่เนี้ย ฟางผิงอันนั่งรถม้าสภาพนั้นไม่ได้ดูหรูหรามากนัก นางค่อนข้างไม่อยากจะทำให้เป็นจุดเด่นหรือจุดสนใจ ยามที่นางมาดูแลกิจการที่หอสุรามักจะอำพรางใบหน้าเอาไว้เสมอ แต่งกายราวกับคุณชายน้อยรูปงามผู้หนึ่ง มีหมวกสานปกปิดเอาไว้ อาถงดูแลเจ้านายไม่ห่างกาย ยังมีผู้คุ้มกันฝีมือดีอีกสาม สี่คน ยามนางเดินเยื้องย่างไปที่ใด ผู้คุ้มกันเหล่านี้จะตามติดนางทุกฝีก้าว นั่นเพราะคุณชายใหญ่เอ่ยสั่งการกำชับมาอย่างดี ห้ามมิให้คุณหนูสามมีริ้วรอยแม้แต่รอยขีดข่วนก็ห้ามมี นางคือเถ้าแก่เนี้ยของหอสุราตงเทียน ที่แปลว่า หอสุราฤดูหนาวก็แค่นั้นเอง ยามเมื่อนางเดินเข้ามาข้างในหอสุราแห่งนี้ บรรดาเสี่ยวเอ้อ เมื่อเห็นว่าใครเป็นผู้เดินเข้ามาต่างก็โค้งศีรษะลงเล็กน้อยทำความเคารพเจ้านายของพวกเขา บุรุษที่มาดื่มด่ำสุราเคล้านารี เมื่อเห็นชายแปลกหน้าสวมหมวกเดินเข้า พวกเขาต่างก็สงสัย จึงได้เอ่ยถามเสี่ยวเอ้อ เข้าให้ว่าแท้ที่จริงแล้ว คนผู้นั้นเป็นใครกัน “เถ้าแก่เนี้ยขอรับ” เสี่ยวเอ้อตอบกลับ หากใครอยากรู้ก็จะได้รู้ หากอยากพบหน้าเกรงว่าจะไม่ได้ เถ้าแก่เนี้ยเป็นหญิงงามที่สุดในแว่นแคว้น จะให้ชายอื่นได้พบหน้าได้อย่างไรกัน พวกเขาเองน้อยครั้งที่จะได้ยลโฉมของนางสักครา ก็คงจะมีวันที่นางเดินทางมาพร้อมกับป้ายหยกประจำตระกูลฟาง ลูกค้าชายผู้นี้ยกยิ้มเล็กน้อย มอบตำลึงเงินให้เขาไปหนึ่งก้อน เสี่ยวเอ้อรับเอาไว้ตาลุกวาวด้วยความดีใจ “หากนายท่านต้องการทราบอะไรบอกข้าน้อยได้ขอรับ” เสี่ยวเอ้อผู้นี้มิได้ขายนาย แต่ว่าเขาต้องการเงินเพื่อรักษามารดา อะไรที่ทำให้เขาได้เงินมาง่าย ๆ เขายินดียกเว้นเพียงแค่ ขายข่าว หรือลักขโมยแบบนั้น เกรงว่ามารดาที่เจ็บป่วยจะสิ้นใจลงนั่นเพราะไม่มีใครเลี้ยงดูและหายามาให้นางได้ดื่ม “เจ้าบอกว่าเถ้าแก่เนี้ย เหตุใดจึงแต่งกายเป็นชายเล่า อายุของนางก็มากแล้ว เหตุใดจึงปกปิดใบหน้าเช่นนี้ หรือว่าแท้จรงแล้วนางอัปลักษณ์” คนผู้นี้เอ่ยสงสัยยิ่งนัก “นายท่าน เถ้าแก่เนี้ยงดงามมาก มิหนำซ้ำยังไม่ได้ออกเรือน อายุก็น่าจะเพิ่งสิบเก้าปีเองนะขอรับ” เสี่ยวเอ้อเอ่ยขึ้น เรื่องเช่นนี้ทุกคนก็สามารถพูดบอกลูกค้าได้ ไม่จำเป็นต้องปิดปังอำพรางอันใด ไป๋อ้ายฟงยกยิ้มแล้วจึงดื่มสุราลงคอไปหลายจอก ยอมรับว่าสุราที่หอตงเทียน เป็นสุราไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังหอมหวานละมุนลิ้นอีกต่างหาก ชายหนุ่มผู้นี้อยากรู้ยิ่งนักว่า เถ้าแก่เนี้ยจะงดงามเพียงใด ในแดนเหนือน้องสาวของเขางดงามที่สุดก็ว่าได้ นางเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งเชียวนะในแดนเหนือแห่งนี้ ยากจะหาใครมาเทียบเคียงนางได้ ยิ่งเสี่ยวเอ้อพูดเช่นนี้ ตัวเขาย่อมอยากรู้เป็นธรรมดาตามประสาชายหนุ่มไร้สตรีข้างกาย “รบกวนเชิญเถ้าแก่เนี้ยมาดื่มสุรากับข้าสักจอก พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันได้หรือไม่” ชายหนุ่มยิ้มแพรวพราวยิ่งนัก ริมฝีปากของเขายกยิ้มขึ้นมาก่อนจะพูดอีกว่า “หากเจ้า พานางมาได้ข้าจะมอบรางวัลให้เจ้าเพิ่มอีกห้าตำลึงเงิน” สิ้นเสียงนั่นเสี่ยวเอ้อตาลุกวาว เงินนี้รักษาท่านแม่ของเขาได้เป็นเดือนเชียว เงินมากมายขนาดนี้เขาจะไปหาได้ง่าย ๆ และรวดเร็วได้จากไหนกัน เห็นทีว่าจะต้องหว่านล้อมเถ้าแก่ให้ออกมาต้อนรับด้วยตัวเองสักครั้งแล้ว “ขอรับนายท่าน เดี๋ยวข้าน้อยจะลองสอบถามเถ้าแก่เนี้ยดูนะขอรับ แต่ข้าไม่รับปากว่านางจะตกลงพบท่านหรือไม่ ปกตินางมักจะมีหลงจู้หวัง คอยดูแลให้ตลอดขอรับ” เสี่ยวเอ้อเอ่ยร่ายเรื่องราวให้ฟังสักเล็กน้อย เงินก็อยากได้ งานก็อยากทำ เขาไม่อยากจะเสียงานที่ดีแบบนี้ไป เกรงว่าจะทำอันใดให้เถ้าแก่เนี้ยโกรธ เดี๋ยวนางจะไล่เขาออกขึ้นมาจะลำบาก หอสุราตงเทียนแม้ว่ายังไม่ได้มืดค่ำลูกค้าก็เนืองแน่นไม่ขาดสาย บางคนยังต้องสั่งจองเอาไว้ล่วงหน้าเชียวกว่าจะเข้ามาดื่มสุราร้านนี้ได้ สิ้นเสียงตอบรับของเสี่ยวเอ้อแล้ว อ้ายฟงยกยิ้มที่มุมปากขึ้นอีกครั้ง เขากระดกสุราที่รสละมุนลิ้นไม่เหมือนที่อื่น ใบหน้าของเขาแดงก่ำนั่นเพราะกำลังเริ่มมึนเมา บนโต๊ะของเขายังมีกับแกล้มอีกสามสี่จาน ข้างกายไม่มีผู้ใดมานั่งเคียงข้าง เสียวเอ้อเดินขึ้นมายังชั้นสองของหอสุรา เอ่ยกับเถ้าแก่เนี้ยเรื่องลูกค้ารายหนึ่งอยากจะพูดคุยด้วย แววตาของนางอ่อนลงเล็กน้อย “เจ้าได้เงินจากเขามาเท่าไหร่เล่า” น้ำเสียงไพเราะดุจกระดิ่งเสียงหวานน่าฟังนั่น ทำให้เสี่ยวเอ้อยิ้มเจื่อนยกมือขึ้นเกาท้ายทอยด้วยความเก้อกระดาก “คุณหนู” ต่อหน้าทุกคนต้องเรียกนางว่าคุณหนู มิใช่เถ้าแก่เนี้ยที่ใคร ๆ เอ่ยเรียกชื่อของนาง “คือว่าข้าจำเป็นต้องใช้เงินขอรับ” “เขาให้เจ้าเท่าไหร่กัน” ผิงอันถอดหมวกสานใบนั้นออกมาแล้ว ข้างในห้องยังมีผู้คุ้มกันอยู่ด้วย พวกเขาแต่ละคนนั้นทั้งสี่ทิศในห้องสี่เหลี่ยมกว้างขวางแห่งนี้ ไม่ได้ยินเสียงพูดคุยของพวกเขาเสียด้วยซ้ำไป อาถงสาวใช้ถือวิสาสะ นอนเล่นอยู่ที่ตั้งไม้ตัวยาวข้างหน้าต่าง ส่วนคุณหนูน้อยหรือคุณหนูสามนั้นกำลังนั่งตรวจบัญชีที่หลงจู๊นำมามอบให้ นางกำลังคิดและอ่านรายละเอียดดูว่ามีอันใดผิดปกติหรือไม่ประการใด หากได้กำไรมากหน่อย เสี้ยวเอ้อย่อมได้เงินเดือนขึ้นไปอีก นางใช้เงินซื้อใจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ของการค้าตระกูลฟาง แต่นางใช้ใจของนางซื้อคนที่ซื่อสัตย์ก็ว่าได้ เรียกได้ว่าใช้ใจซื้อใจ ผิงอันคลี่ยิ้มให้เสี่ยวเอ้อ จนเขาตาลายเพราะความงามของนายสาวนั้นดูเจิดจ้ายิ่งนัก เพียงแค่แย้มยิ้มเท่านั้นทำให้เขาหูตาพร่ามัวไปหมด แอบก้มหน้าเล็กน้อยเพราะเขินอายเจ้านายสาวที่งดงามราวกับนางเซียน “หากข้าน้อย พาคุณหนูไปได้จะได้อีกห้าตำลึงเงินขอรับ” เสี่ยวเอ้อก้มหน้าพูด เขามองปลายเท้าตนเองด้วยความเขินอาย ที่เห็นเจ้านายมิได้ก่นด่าแต่อย่างใด กลับใช้น้ำเสียงที่น่าฟังและถามหาผลประโยชน์ของเขาเป็นอันดับแรก “ดี เช่นนั้นไปบอกเขาว่าข้ายินดีที่จะพบเขา” คนงามล้ำพูดขึ้น นางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตนเอง รูปร่างของนางดูอรชรอ้อนแอ้นยิ่งนัก ผิวพรรณขาวจัดราวกับหิมะ ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ คิ้วโก่งราวกับคันศร ดวงตากลมโตดูกระจ่างใสงดงาม ริมฝีปากแดงระเรื่อไร้การแต่งแต้ม นางดงามราวกับนางเซียนน้อยเดินเล่นท่ามกลางแมกไม้ เหตุใดท่านแม่ทัพจึงเย็นชากับนางเช่นนี้กันเล่า หรือเป็นเพียงแค่นางต้องการจะแต่งงานกับเขาโดยการบังคับเท่านั้นหรอกหรือ มีแต่ผลประโยชน์ทั้งสิ้น หากเขาไม่แต่งงานกับนาง เงินที่ได้จากการค้าขายอย่างไรก็มอบให้ท้องพระคลังหลวงอยู่แล้ว บิดาของเขาหาใช่คนใจดำไม่ หากเกิดเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องใช้เสบียงอาหารมากมาย แน่นอนตระกูลฟางมักจะออกหน้ายื่นมือช่วยเหลือเสมอ “คุณหนู” อาถงกำลังนอนเล่นเพลิน ๆ ทว่าเอียงหูฟังเจ้านายพูดอยู่จึงได้ตกใจเอ่ยเรียกคุณหนูของนาง “อย่าออกไปนะเจ้าคะ” อาถงรีบลุกพรวดพราด ดึงแขนของนายสาวเอาไว้ ผิงอันแย้มยิ้มราวกับนางปีศาจน้อยแสนเอาแต่ใจ ทำให้สาวใช้อย่างเช่นเสียวถง หรืออาถง ขนลุกซู่ซ่า นางรู้สึกว่าจะต้องมีบางอย่างแน่นอนกำลังจะเผยอปากขึ้น กลับถูกเจ้านายเอ่ยสวนมาอย่างว่องไว ผิงอันมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ทว่านางมิได้นำออกมาใช้ประโยชน์อันใด มักเอาแต่ใจนั่นเพราะมีพี่ชายทั้งสองให้ท้าย ยามนี้อยู่ต่างถิ่นตัวคนเดียว ย่อมคิดให้มาก ใช้สมองให้เยอะ หากใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ผลจะเป็นเหมือนกับเรื่องที่นางพบเจอ พลาดเพียงครั้งเดียวทำนางเจ็บแสนสาหัสนัก “ใครบอกล่ะว่าข้าจะไปพบเขา เป็นเจ้าต่างหากเล่าอาถง เถ้าแก่เนี้ยหอสุราตงเทียน” 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม