ตอนที่ 2 แผนการ
ฟางผิงอัน ยืนดูจนกระทั่งรถม้านั้นหายไปจากสายตาของนางแล้ว แววตาแข็งกร้าวของนางเผยความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ มือเรียวกำหมัดแน่น ลมหายใจฟึดฟัดราวกับกำลังข่มความโกรธของตนเองที่โง่เขลาหลงกลสตรีนางนั้นเข้าให้
อาถง สาวใช้ข้างกายและเป็นสาวใช้เพียงคนเดียวที่ดูแลคุณหนูในต่างแดนเช่นนี้ นางถอนหายใจไปหลายครั้งหลายครา มิใช่ว่าเหนื่อยหน่ายระอาใจกับนายสาวแต่อย่างใด นางระอาใจกับความโง่งมของท่านแม่ทัพต่างหาก
“อาถง ส่งคนไปสืบมา ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่” นางมาอยู่ที่แดนเหนือได้เพียงแค่สามอาทิตย์เท่านั้นเอง ยังไม่รู้จักใครหรือตระกูลอันใดในดินแดนทางเหนือแห่งนี้เป็นการส่วนตัว คนงามสีหน้าเมินเฉยต่อเหล่าผู้คนที่ส่งเสียงด่าทอ กล่าวหาว่านางร้ายกาจ ผลักผู้หญิงอีกคนตกน้ำเพียงแค่หึงหวงเท่านั้น
“เจ้าค่ะ คุณหนู แต่ว่าเราจะกลับจวนเลยหรือไม่เจ้าคะ หรือว่าจะไปที่หอสุราก่อน” อาถงเอ่ยถามขึ้น นางยังคงกังวลใจอยู่มาก เกรงว่าเจ้านายของนางจะทำการอันใดให้ดูด้อยค่าลงไป
เหมือนเพียงแค่มองหน้าก็รู้ใจ ผิงอันระบายยิ้มอ่อนหวานให้อาถงเล็กน้อย ก่อนที่นางจะเอ่ยกับสาวใช้ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง “อย่าห่วงไปเลยอาถง ข้าเคยโง่มาแล้วครั้งหนึ่ง ต่อไปข้าจะไม่โง่หลงกลอีกแล้ว”
“เจ้าค่ะ ข้าจะเชื่อว่าคุณหนูจะไม่กระทำอันใดบุ่มบ่าม” ทั้งสองคนขึ้นรถม้า เตรียมไปหอสุราที่ขึ้นชื่อแห่งนี้ นั่นเพราะเป็นการมักสุราที่ไม่เหมือนใครนำผลไม้บ่มเอาไว้ ผสมกับสูตรของทางตระกูลฟาง จนทำให้มีสุราแต่ละดินแดนนั้นมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป
จวนตระกูลไป๋
ไป๋อวี้ชิงนอนราบอยู่บนเตียงนอน มีผ้าห่มคลุมหน้าอกของตนเองเอาไว้ ชายหนุ่มคนรักของนางยังคงเฝ้าไม่ห่างหาย เขาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเสร็จเรียบร้อย แล้วเลยขอนั่งเฝ้าอาการของนางอยู่ในห้องนอนแห่งนี้
สาวใช้ต่าง ๆ มากมายเร่งลงมือปล่อยข่าวอีกระลอกหนึ่ง ชาวบ้านก็ล้วนยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ตระกูลไป๋จะได้มีบุตรเขยกับเขาเสียที นั่นเพราะตระกูลไป๋รับราชการเป็นขุนนางท้องถิ่นในแทบแดนเหนืออันหนาวเหน็บ
ไป๋อวี้ชิงนางเป็นเพียงบุตรีของภรรยารองขุนนางไป๋ มีพี่ชายต่างมารดาเกิดจากฮูหยินเอก พี่ชายรักนางและเอ็นดูนางยิ่งนัก เขายืนพิงขอบประตูดูน้องสาวถูกกลั่นแกล้งเช่นนี้ด้วยความเจ็บปวดใจ จึงได้เอ่ยถ้อยคำพูดกับท่านแม่ทัพหยาง
“เรื่องนี้ท่านต้องจัดการ ข้าไม่ยอมให้น้องสาวของข้าถูกคู่หมั้นของท่านกลั่นแกล้งเช่นนี้หรอกนะ หากนางเป็นอันใดไปเกรงว่าชีวิตของนางก็ไม่อาจทดแทนได้” น้ำเสียงเกรี้ยวกราด สีหน้าบึ้งตึงของพี่ชายได้เอ่ยขึ้นกับอีกฝ่าย เขาคือไป๋อ้ายฟง
ท่านแม่ทัพหยางผู้ที่สง่าผ่าเผยสีหน้าของเขาดูจะกระอักกระอ่วนไม่น้อย “ข้าจะจัดการนางเอง” น้ำเสียงเรียบ ๆ ได้เอ่ยออกไปกับอ้ายฟง ที่อายุไม่ได้ห่างจากเขาสักเท่าไหร่
“แม่ทัพหยางจะจัดการอย่างไร น้องสาวของข้าเสียชื่อเสียงเพราะนาง” อ้ายฟงยกยิ้มเล็กน้อย สีหน้าของเขาดูเรียบนิ่งก็จริง ทว่ามีแผนการอยู่ในใจเป็นจำนวนมาก หากสตรีนางนั้นยังกล้าแกล้งน้องสาวของเขาเช่นนี้ เห็นทีว่าเขาจะต้องจัดการนางเอง มิให้อยู่เป็นเสี้ยนหนามทิ่มแทงใจน้องสาวของเขาหรอก
“ขอเวลาข้าคิดสักวัน หากไม่มีทางเลือกข้าก็จะส่งนางกลับเมืองหลวง” ความคิดนี้ดูจะสิ้นคิดไม่น้อย ทว่าอ้ายฟงก็ยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง เขาเดินมายังเตียงนอนของน้องสาว มือหนากอบกุมมือนุ่มนิ่มบอบบางของนางด้วยความห่วงใย
แววตานั้นเจือปนความสงสารยิ่งนัก นางเกิดมาอาภัพ มารดาก็สิ้นใจไปหลงเหลือเพียงแค่นางทิ้งเอาไว้ต่างหน้า ท่านแม่ของเขารักและเอ็นดูนางไม่ต่างจากลูกสาวสายเลือดเดียวกัน แววตาของพี่ชายนั้นดูอบอุ่นเหลือเกิน
“ชิงเอ๋อร์ น้องพี่เจ้าเจ็บพี่ก็เจ็บ แค้นนี้พี่จะชำระความให้เจ้าเอง” เสียงคนเป็นพี่ก้มลงกระซิบที่ข้างใบหูของน้องสาว คนที่แสร้งหลับรับรู้การพูดคุยของชายหนุ่มทั้งคู่ มือนุ่มนิ่มที่พี่ชายกอบกุมเอาไว้เช่นนั้น สะกิดเบาทำให้พี่ชายรู้ตัว
แค่ก แค่ก คนป่วยแสร้งไอขึ้นเล็กน้อย “ขอน้ำ พี่ใหญ่ขอน้ำหน่อยเจ้าค่ะ” คนป่วยเสียงแหบแห้ง ดวงตานั้นรื้นแดงเรื่อมีม่านน้ำตาคลออยู่หน่วยตาทั้งสองข้างช่างดูน่าสงสารยิ่งนัก
“น้องรองมาพี่จะป้อนเจ้าเอง” พี่ชายรีบรินน้ำชา ทว่าไม่ทันแม่ทัพหนุ่ม เขารินให้แล้วยื่นส่งมาให้อ้ายฟง คนป่วยเงยหน้าขึ้นคลี่ยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณท่านแม่ทัพที่อยู่ดูแลข้า ข้าคงไม่รบกวนท่านแล้วเจ้าค่ะ รีบกลับไปดูแลคู่หมั้นของท่านเถิด ประเดี๋ยวนางจะมาอาละวาดข้าที่จวน”
“หากนางคิดจะทำเช่นนั้น ข้าจะไม่ปรานีนาง” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดเล็ก ๆ ทว่าสีหน้าและแววตาของเขาดูเป็นห่วงคนป่วยยิ่งนัก “หากคราวหน้านางทำร้ายเจ้า! ข้าจะถอนหมั้นกับนางเสีย!” น้ำเสียงขึงขังได้เอ่ยบอกกับอีกฝ่าย
อ้ายฟงได้ยินเช่นนั้นเขาก็หัวเราะเสียยกใหญ่ น้ำเสียงเย้ยหยันอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด หารู้ไม่ว่าสตรีที่เขาตราหน้าพูดจาทำให้นางเจ็บปวดชอกช้ำใจนั่น คือสตรีที่เขาหลงรักหัวปรักหัวปรำ ที่เขาทำก็เพราะภารกิจชิ้นใหญ่
“ท่านแน่ใจหรือว่าจะถอนหมั้นกับนางได้” เขาพูดเพียงแค่นี้ แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงสะบัดแขนเสื้อเดินออกไปข้างนอก ปล่อยให้คนรักได้พูดคุยกัน อ้ายฟงเดินออกไปข้างนอกสั่งการกำชับสาวใช้ให้ดูแลคุณหนูรองให้ดี ตัวเขาจะไปดูหน้าเสียหน่อย สตรีใดกันกล้าทำร้ายผลักน้องสาวของเขาตกน้ำเช่นนี้
คล้อยหลังจากพี่ชายไปแล้ว สาวใช้เห็นสายตาของคุณหนูรองที่มองมานั่นคือสายตาที่ไม่พอใจ ปากเล็ก ๆ ของนางกำลังพึมพำกับสาวใช้ เอ่ยสั่งให้พวกนางหลีกหนีไปให้พ้นหน้า นางอยากจะอยู่กับเขาสองต่อสอง
สาวใช้เห็นสายตาเช่นนั้นจึงได้เร่งฝีเท้าหนีไปคนทิศคนละทางเปิดโอกาสให้คู่รักได้พลอดรักกันอย่างเต็มที่ แม่ทัพยางมิเคยคิดล่วงเกินนางสักนิด ตอนที่ยืนอยู่บนสะพานนั่น เขามิได้ตั้งใจโอบกอดนาง นางบ่นเพียงว่ารู้สึกมึนหัว เขาจึงเข้าไปประคองนางเอาไว้
ไม่คิดไม่ฝันว่าจะทำให้ผิงอันมาเห็นเข้าจนได้
“ท่านแม่ทัพ ข้าขอบคุณที่รักข้า แต่ข้าก็ไม่อาจจะแยกพวกท่านออกจากกันได้ ถ้าหากให้ข้าแต่งงานกับท่านเป็นภรรยารอง เกรงว่าท่านพ่อกับพี่ใหญ่จะไม่เห็นด้วย ข้านั้นวาสนาน้อยนักท่านแม่ก็จากไป ทิ้งให้ข้าอยู่โดดเดี่ยวเช่นนี้” ไป๋อวี้ชิง เริ่มบทบาทสตรีอ่อนแออ่อนโยนให้แม่ทัพหนุ่มตายใจและเห็นใจนาง
“มีรักก็ไม่สมหวัง คิดอ่านอันใดไม่ได้ ก็มีเพียงพี่ใหญ่ที่ชี้ทางให้ข้า หากพี่ใหญ่ให้ข้าแต่งงานกับใครก็มิอาจขัดใจ ถึงแม้ในใจข้าจะรักเพียงแค่ท่าน ก็ไม่อาจฝืนคำสั่งผู้มีพระคุณ ท่านแม่ทัพอย่าทำร้ายหัวใจข้าอีกเลยเจ้าค่ะ ข้าแบกรับเอาไว้ไม่ไหวแล้ว” น้ำเสียงหวานแหบแห้งสักเล็กน้อย ทำให้ท่านแม่ทัพรีบมานั่งที่ข้างเตียงนอน มองดูคนรักด้วยความเป็นห่วง
มือหนาประคองให้นางเอนตัวพิงที่หัวเตียง ใบหน้างดงามขาวซีดราวกับกระดาษ แม่ทัพหนุ่มสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงออกอันใดอีก ทว่าเขาเอ่ยวาจาให้นางมีความหวัง “อย่าห่วงเลย อย่างไรเสียข้าก็ต้องหาวิธีถอนหมั้นกับนางให้ได้”
หญิงสาวเอนตัวซบที่แผงอกกว้างของท่านแม่ทัพ ริมฝีปากของนางระบายยิ้มอ่อนหวาน แววตาดูเจิดจ้าเจ้าเล่ห์ไม่น้อย นางเหยียดยิ้มอย่างสาแก่ใจนัก ในห้วงความคิดของนางนั้นช่างมีแต่แผนการ
“ข้าสัญญาจะมีเจ้าเพียงผู้เดียวชิงชิงของข้า เจ้ารอข้านะ” วงแขนกว้างของชายหนุ่มโอบกอดที่แผ่นหลังบอบบางของคนรักด้วยความทะนุถนอมและห่วงใย เอ่ยปลอบใจนางไปหลายคำ จนทำให้นางนั้นร้องไห้สะอึกสะอื้น เขาสงสารนางยิ่งนัก ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวดใจ
หาใช่เช่นนั้นไม่!
‘ต่อไปเขาจะถอนหมั้นเจ้าแล้วแต่งงานกับข้า เจ้าไม่มีทางได้ครอบครองเขาเด็ดขาด มีเจ้าย่อมไม่มีข้า หากมีข้าก็ย่อมไม่มีเจ้า’ ความคิดอันชั่วร้ายของอวี้ชิง แน่นอนว่าเป็นไปได้แน่ ๆ ในเมื่อเขารับปากกับนางแล้ว
“ข้าจะรอเป็นภรรยาของท่าน เป็นฮูหยินของท่านในวันที่ท่านถอนหมั้นกับนาง หากไม่มีวันนั้นข้ายินดีจะจบชีวิตลงด้วยมือของข้าเอง ข้าไม่อาจรักใครได้อีกแล้วนอกจากท่าน และคงเป็นลูกอกตัญญูต่อ ท่านพ่อ ท่านแม่ แล้วก็พี่ใหญ่ยิ่งนัก ที่คิดบูชาความรักด้วยชีวิต”