สาม-สี่วันแล้วที่รับงานชุดใหม่มาทำ ด้วยฝีมือของเธอจึงเสร็จไปมากกว่าสิบชุดถ้าเป็นงานที่ไม่ได้เจาะจงเรื่องพื้นที่เธอก็มักจะฉายเดี่ยวทำงานเองเสมอ ถ้ารอสาวหมวยก็คงไม่ทันกิน! รายนั้นถามไปโปรยยิ้มไป ยิ่งถ้าเจอหนุ่มในสเป็คเธอยี่งกรีดกรายวางท่าสารพัดแต่ที่สุดแล้วก็ทำไร่แห้วเหมือนเคย หญิงในชุดนักศึกษายกนาฬิกาข้อมือสีชมพูขึ้นดูเวลาก่อนแหงนหน้ามองฟ้า วันนี้พอเท่านี้ก่อนดีกว่า! เหลืออีกแค่สองชุด แต่ก็เหนื่อยเกินกว่าจะตามเก็บข้อมูลแล้วในวันนี้ มือเรียวบางกำลังเก็บเอกสารใส่แฟ้มอย่างเรียบร้อย แต่สายตาก็มาสะดุดกับรถยนต์ โตโยต้า แคมรี่ป้ายแดงที่จอดไม่ไกลนัก รถยนต์ในเป้าหมายป้ายแดงด้วย ใช่!เลย
ร่างชายหนุ่มสูงโปร่งในเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลยับๆ เดินโซเซผ่านหน้าเธอไปยืนพิงรถที่เธอจับจ้องกำลังไขกุญแจที่ประตูรถ เหมือนถูกวิญญาณพนักงานวิจัยตลาดเข้าสิง (มีด้วยเรอะ)ร่างของหญิงสาวก็รีบลุกพรวดพราดแล้วเดินตรงรี่เข้าไปหาทันที
“ขอโทษค่ะ ดิฉันเป็นนักศึกษามหา’ ลัยฯ เราไม่ได้มาขายสินค้า ดิฉันมาเก็บข้อมูลเพื่อการวิจัยความต้องการของผู้บริโภค ขอเวลากรอกแบบสอบถามนิดหนึ่งได้ไหมคะ”
เธอแนะนำตัวซึ่งเหมือนเป็นโค้ดที่เธอต้องพูดทุกครั้งก่อนนำเข้าไปสู่การสอบถามเพื่อกรอกผลลงในเอกสาร ชายหนุ่มหลิวตามองหญิงสาวหุ่นเพรียวบางในชุดนักศึกษาที่เรียกว่า ‘ถูกระเบียบทุกกระเบียดนิ้ว’ แถมคล้องบัตรพนักงานวิจัยตลาดอะไรสักอย่างและชูบัตรนักศึกษายืนยันอีกต่างหาก
“ทำไมต้องเป็นผม”
“เอ่อ” โยษิตาสะดุดกับกลิ่นเหล้าโชยคลุ้งมาเตะจมูกเธอเข้าจังเบ้อเร่อ เอ่อ ตานี่ไปเมามาจากไหนแต่หัววันเชียวนะ
“ว่าไง” ชายหนุ่มซอยผมสั้นประบ่าเหมือนดาราญี่ปุ่นแถมทำสีน้ำตาลอ่อนดูเข้ากับเสื้อเชิ้ตยับๆ ที่สวมอยู่
“เอ่อ…เราทำวิจัยเรื่องความพอใจของผู้ใช้น้ำมันรถยนต์ค่ะ ก็ต้องถามผู้ที่ใช้รถหลากหลายประเภทและหลากหลายยี่ห้อกันไป เพื่อที่ผู้ผลิตจะได้นำไปรับปรุงให้ดีที่สุดเพื่อลูกค้าไงคะ” เธอเอ่ยตอบตามความเป็นจริงแต่เริ่มลังเลว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังดี
“รถยนต์เหรอ” เสียงเขาหัวเราะหึๆ ในลำคอก่อนผสานสายตากับหญิงสาวตรงหน้า “ข้ออ้างละไม่ว่า”
“ข้ออ้างอะไรคะ” โยษิตาเริ่มหงุดหงิด ไม่ให้สัมภาษณ์ก็ได้แต่อย่าใช้สายตามองแบบตีราคากันอย่างนี้
“ผู้หญิงจะมีอะไร ขอแค่ผู้ชายมีเงิน มีรถก็พร้อมจะกระโจนเข้ารุมยื้อแย้งไม่ใช่เหรอจ๊ะ สาวน้อย”
ชายหนุ่มแปลกหน้าไม่พูดเปล่าแต่เอื้อมมือมาดึงแขนข้างหนึ่งของเธอไว้ หญิงสาวยังไม่ทันตั้งตัวร่างเพรียวบางก็ถูกกระชากเข้าใกล้ จนใบหน้าปะทะลมหายใจเหม็นคลุ้งของอีกฝ่ายทำให้เธอเบือนหน้าหนีทันที
“ปล่อยนะ! อย่าเอามือสกปรกของคนความคิดต่ำๆ มาแตะต้องตัวฉัน!”
โยษิตาดิ้นขลุกขลัก บริเวณลานจอดรถตรงนี้ไม่ค่อยมีผู้คนผ่านมาสักเท่าไหร่ แต่ยิ่งร่างเพรียวบางดิ้นรนขืนแรงของอีกฝ่ายทว่าชายหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกท้าทาย
‘เรียกร้องความสนใจ!’
ประตูรถถูกเปิดออกตอนไหนไม่รู้ แต่มือแข็งแกร่งพยายามผลักร่างหญิงสาวในชุดนักศึกษาเข้าไปในรถโยษิตาล้มลงนั่งที่เบาะคนขับ ร่างสูงกำลังจะโถมเข้าใส่เธอก็ยกเท้ายันร่างนั้นสุดแรง เป็นผลชายหนุ่มผงะถอยหลัง โยษิตาไม่รอช้ารีบลุกขึ้นยืนมือข้างหนึ่งถลกกระโปรงขึ้นเล็กน้อยเพื่อที่จะได้ยกเข่ากระแทกใส่จุดยุทธศาสตร์ของผู้ชายได้ถนัดและเต็มแรง
“โอ๊ย! ยัยตัวแสบ!” ร่างนั้นลงไปคุดคู้กับพื้น
“ไอ้หื่นกาม!”
โยษิตารีบก้มลมเก็บกระเป๋าสะพายและแฟ้มงานของตัวเองที่หล่นอยู่ข้างร่างชายหนุ่มหื่นกาม แต่มืออีกฝ่ายก็ยื่นมาหมายจะกระชากร่างบอบบางไว้ เธอผงะถอยหลัง มือนั้นคว้าไว้ได้แค่บัตรพนักงานวิจัยตลาด หญิงสาวไม่ห่วงอะไรมากไปกว่าชีวิตตัวเอง เธอคว้ากระเป๋าสะพายและแฟ้มงานได้ก็รีบวิ่งหนีไปทันทีโดยไม่หันกลับมามองร่างที่นอนขดตัวด้วยความเจ็บปวดอยู่ข้างรถยนต์คันหรู
ตั้งแต่เป็นพนักงานวิจัยตลาดมาครึ่งปี ก็เพิ่งเคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้เป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าไอ้หื่นกามคนนั้นจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า ดีนะ! ที่ฝึกการป้องกันตัวมาบ้างจากลุงศักดิ์ชัยที่ชุมชนสวนขวัญ แถมเข่าเธอก็แรงไม่ใช่ย่อย กระแทกเข้าไปเต็มๆ แบบนั้นจะถึงขั้นเป็นหมันรึเปล่าก็ไม่รู้
ช่างเถอะ!ไอ้พวกหื่นกาม มารสังคม ภัยร้ายของผู้หญิง สูญพันธุ์ไปเสียได้ก็ดี!
ฟีรูซ เรกิวลุส จอดรถไว้หน้าบ้านรอให้คนรถมารับรถไปเก็บ เขาเดินตัวงอขึ้นบันได ยังรู้สึกจุกอยู่พยายามเก็บอาการเต็มที่ แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาที่เผอิญมองมา ‘คุณหญิงกาญจนา’ กำลังเดินออกมาจากคฤหาสน์ในชุดที่เตรียมจะออกไปงานสมาคมฯ
“ตายแล้วฟีรูซ ลูกไปทำอะไรมาใครทำร้ายลูกของแม่”
คุณหญิงโวยวายเสียดังทำให้คนรับใช้คนอื่นรีบออกมาดูแต่คนถูกถามเบือนหน้าหนีเบื่อกับการเป็น ‘ลูกแหง่’ ของคุณหญิงแม่เต็มที
“ไม่มีอะไรหรอกครับแม่ จะรีบไปงานไม่ใช่เหรอครับ ไปเถอะเดี๋ยวรถติดคนอื่นจะคอย”
“จริงซิ แม่เป็นประธานของงานไปสายจะน่าเกลียด แล้วลูกดูแลตัวเองได้ใช่ไหมจะไปโรงพยาบาลรึเปล่า แม่จะโทรจองห้องพิเศษที่โรงบาลของเพื่อนแม่ให้”
“ไม่เป็นไรครับ”
ชายหนุ่มขยับตัวหนีพยายามฝืนยืดตัวตรงแล้วยิ้มให้คุณหญิงแม่สบายใจ คุณหญิงยังเป็นห่วงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาก เขาจึงจำใจเดินไปเปิดประตูรถให้คุณหญิงแม่ขึ้นไปนั่ง เป็นการไล่อ้อมๆ จนรถยนต์พาคุณหญิงกาญจนา ไปงานสมาคมอะไรสักอย่างที่เขาไม่ค่อยอยากจดจำ