บทที่4.

1256 คำ
เสียงเบรกดังลั่นของรถยนต์สีดำมันวาวปาดมาจอดหน้าโรงแรมหรูระดับห้าดาวของบนถนนเพลินจิต  ชายหนุ่มผู้นั่งตัวตรงหลังพวงมาลัยระบายลมหายใจหนักๆ ในขณะที่หญิงสาวผิวขาวละเอียดและมีดวงตาหยีเล็กบ่งบอกถึงสายเลือดที่มีเชื้อจีนอยู่ถึงครึ่งหนึ่ง ริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีแดงสดเม้มสนิทจนเป็นเส้นตรง     “พี่ต้องพาลูกค้าไปชมโรงงานนะครับน้องลิน” ชายหนุ่มพยายามสะกดอามรณ์ที่ขุ่นมัว เขาเองก็ไม่ค่อยชอบที่ต้องคอยเอาอกเอาใจใครนัก  “ก็น้องลินอยากให้พี่ฮาคีมไปดูหนังด้วยกันนี่ค่ะ” เกวลินกระเง้ากระงอดน้อยใจคู่หมั่นนักธุรกิจอายุน้อยที่เป็นจับตามองที่สุดในยุคนี้    “หนังดูเมื่อไหร่ก็ได้ แต่พี่ปล่อยให้ลูกค้าจากอินโดฯ รอไม่ได้” เขาเอื้อมข้ามหญิงสาวที่นั่งข้างๆ เปิดประตูรถออก สาว หมวยแทบจะกรี๊ดใส่หน้าแต่ก็อายสายตาของพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ยืนมองอยู่ทางเขาโรงแรม  “ก็ได้ค่ะ…คราวหน้าห้ามเบี้ยวนัดนะ”  “ครับ”  หญิงสาวหยิบกระเป๋าสะพายใบหรูเข้ากับเสื้อไหล่กว้างและกระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อย เธอยื่นหน้าไปประทับริมฝีปากกับแก้มเปื้อนเคราเบาๆ ของชายหนุ่มก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถเดินเข้าโรงแรมที่เป็นกิจการของครอบครัวเธอ ฮาคีม เรกิวลุส ยกมือเช็ดแก้มตัวเองให้แน่นใจว่าไม่มีร่องรอยใดฝากไว้ที่แก้มของเขา ก่อนจะพารถพุ่งไปตามจุดหมายของวันนี้ เขายกข้อมือขึ้นดูเวลาอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงน่าจะถึงที่หมายตอนนี้น้องสาวคนละแม่คงรับรองลูกค้าแทนเขาก่อนได้  นี่ถ้าไม่มัวแต่ต้องเอาใจ ‘เกวลิน’ คู่หมั้นของเขาตามคำสั่งของคุณหญิงกาญจนาแล้วละก็…เขาคงไม่ต้องรีบร้อนจนลนลานขนาดนี้ แค่กินมื้อเที่ยงก็ต้องให้เขาไปรับ เพื่อนฝูงก็มีเยอะแยะจะอ้างแค่ว่าเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกก็ไม่ได้แล้ว เพราะนี้ก็สามเดือนเข้าไปแล้วที่เขาต้องเสียเวลางานมาเทคแคร์คู่หมั้นที่มีผลทางการเงินต่อบริษัทอย่างนี้   เมื่อครู่ที่เขารีบมากขนาดแซงซ้ายเบียดฟุตปาธจนเหยียบน้ำกระเซ็นใส่คนที่ยืนรอจะข้ามถนน ตั้งใจจะถอยรถไปขอโทษแต่เกวลินก็ดันทำมารยาทไม่ดีออกไป คนมีเงินเนี้ยแหละน๊า! คงคิดว่าเงินสามารถแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง แล้วตัวเขาเองเล่า! ที่ต้องเตรียมตัวแต่งงานในอีกห้าเดือนข้างหน้าเนี่ย ไม่ใช่เพราะเงินหรอกหรือ? หมั้นทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดจะรักผู้หญิงแบบนี้ได้    ชายหนุ่มจอดรถรอสัญญาณไฟจราจรพลางเลือกซีดีเพลงฟังให้คลายเครียด     ความจริงเกวลินไม่ใช่ผู้หญิงเลวร้ายอะไรนัก เธอช่างเข้าสังคมเก่งใช้ชีวิตแบบสาวไฮโซสุดฤทธิ์ข้าวของเครื่องใช้เบรนด์เนมเที่ยวผับหรูจัดปาร์ตี้ที่บ้านหรือไม่ก็โรงแรมของบิดาเธอบ่อยเสียจนเหมือนเป็นกิจวัตรปกติของเธอ แต่สิ่งที่เธอเป็นมันตรงข้ามกับเขาทุกอย่าง  เสียงบีบแตรจากรถยนต์คันหลังทำให้สะดุ้งตื่นจากภวังคเขายกมือเป็นสัญญาณขอโทษก่อนจะพารถเคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมสลัดความคิดต่างๆ ออกจากสมองคิดแต่เรื่องงานและวิธีเกลี้ยกล่อมให้นักลงทุนต่างชาติเข้าร่วมกิจการของ  ‘บริษัท เรกิวลุส’    ร่างเพรียวบางในชุดเสื้อสูทสีน้ำเงินเข้มสีเดียวกับกระโปรงยาวคลุมเข่าหยุดชะงักเมื่อรู้ว่าท่านประธานบริษัทฯเข้ามาถึงแล้ว หญิงสาวขยับแว่นสายตากรอบบางสีเงินให้กระชับใบหน้าทีเจือเครื่องสำอางอ่อนๆ แต่ดูรับกับผมสั้นประบ่า เธอยิ้มบางๆ ให้ลูกค้าชาวอินโดนิเซียห้ารายที่เข้ามาเยี่ยมชมโรงงานผลิตเครื่องสำอาง ‘พราว’ แล้วถอยออกมาปล่อยให้ประธานบริษัท เรกิวลุสรับหน้าที่ดูแลต่อ    “เหนื่อยเหรอครับคุณหนูสิริมา” เสียงลุงสมาน คนขับรถประจำตัวเอ่ยถามเบาๆ เมื่อหญิงสาวก้าวเข้ามานั่งแล้วถอนหายใจที่เบาะหลังของรถ  “บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกฉันว่าคุณหนู” น้ำเสียงราบเรียบจนคนฟังเดาอารมณ์ไม่ถูก   “ครับคุณสิริมา เอ่อ…แล้วจะกลับบ้านเลยหรือว่า…”  “แวะไปเอาเอกสารที่บริษัทก่อนได้ไหม ฉันต้องเอาไปอ่านไว้พรีเซนต์ลูกค้าพรุ่งนี้” เธอเอ่ยเบาๆ ก่อนถอดแว่นสายตาแล้วเอนตัวพิงพนักเบาะนั่งอย่างเหนื่อยล้า “เอ่อ ท่าทางคุณสิริมาเหนื่อยๆ นะครับทานมื้อเที่ยงรึยังครับ” คนขับรถวัยสี่สิบถามอย่างอาทรพร้อมสตาร์เครื่องรถ    “ยังเลย…เวลาเครียดฉันกินอะไรไม่ลง นึกว่าคุณฮาคีมจะปลีกตัวจากคุณเกวลินมาไม่ทัน ไม่งั้นมันจะเหมือนกับเราไม่ให้ความสำคัญกับเขา” แม้ว่าจะทำงานมาได้หลายปีแต่อาการเกร็งเพราะความเครียดจนทำให้ไม่อยากอาหารไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย    “แถวนี้มีอะไรกินบ้างไหม”   “มีก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าอร่อยริมทางครับ!สุดยอด เอ๊ย!ขอโทษครับ” คนขับรถรู้สึกผิดทีเสนอร้านอาหารข้างทางให้คุณหนูลูกคนรองของตระกูลเรกิวลุส “อร่อยรึเปล่า?” เธอถามยิ้มขำ             “อร่อยครับ ผมแวะมากินบ่อยเวลาขับรถมาส่งคุณสิริมาที่โรงงาน”             “ดีค่ะ  ถ้าลุงสมานรับรองความอร่อยก็ไปลองชิมแล้วละ”             ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือไม่มีชื่อริมทางช่วงบ่ายสามโมง คนไม่ค่อยมากเท่าไหร่นัก สิริมาถอดเสื้อสูทไว้ที่รถก่อนเดินตามลุงสมานเข้ามานั่งในร้านเล็กๆ เธอสั่งเส้นเล็กเนื้อน้ำตกสองชามและปล่อยให้คนขับรถสั่งทานได้ตามสบาย             นี่แหละตัวเธอ! คุณหนูสิริมาที่ใครต่อใครมองว่าสุดเชิดและแสนหยิ่ง ทั้งที่ความจริงเธอเป็นคนเรียบง่ายอย่างนี้และไม่ได้เป็นคุณหนูอย่างที่ใครเข้าใจ แค่ได้ใช้นามสกุลเรกิวลุสก็เป็นบุญคุณกับชีวิตเธอและแม่อย่างเหลือล้นแล้ว             ก๋วยเตี๋ยวเนื้ออร่อยสมคำเชิญชวนของลุงสมานจนเธอต้องสั่งอีกชาม พอดีกับสายตาของเธอมองที่เด็กหญิงวัยสิบขวบถือกระจาดใบโตมีข้าวต้มมัดอยู่ภายใน มีกระเป๋าสตางค์สีชมพูน่ารักแต่ขะมุกขะมอมคล้องคอ             “ข้าวต้มมัดอร่อยๆ ฝีมือยายละเอียดมาแล้วค่าาาา”             เสียงใสเจื้อยแจ้วดังขึ้นในร้าน…ไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กตัวแค่นี้จะรู้จักทำมาหากินแล้ว แต่จะว่าไปข้างหลังเด็กหญิงก็มีคุณยายท่าทางแข็งแรงเดินตามอยู่ห่างๆ             “ทำไมวันนี้มาเสียบ่ายเลยละหนูข้าวซอย” เสียงป้าเจ้าของร้านถามอารมณ์ดีแถมเป็นลูกค้าประจำฝีมือขนมยายละเอียดอีกต่างหาก             “ยายเอียดก็…ไม่เห็นต้องให้หลานมาทำแบบนี้เลย ฝากไว้ที่ร้านก็ได้ไม่ต้องกลัวฉันโกงหรอก เราคนกันเองเห็นหน้ามาเป็นสิบปี” ป้าคนเดิมดึงแขนหลานสาวจอมซนมานั่งข้างๆ             “ไม่ลำบากเลยจ๊ะป้า…สนุกดี…พอดีเดินไปขายตรงแถวก่อสร้าง...กว่าจะมาถึงป้าก็เลยบ่าย”  เด็กหญิงข้าวซอยเอ่ยเสียงใสแล้วยิ้มกว้าง คนเป็นยายได้แต่หัวเราะแล้วลูบหัวหลานสาวเบาๆ             “เก่ง…เก่ง คนเก่งอย่างนี้ต้องมีรางวัล จะกินอะไรดีเดี๋ยวป้าทำให้”                        
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม