ขณะที่ขับรถยนต์กลับบ้าน โทรศัพท์ที่ไม่เคยเปิดเลยตั้งแต่การเงินลืมฝืด มีเจ้าหนี้หลายรายโทรทวงหนี้จนอรุณวตีรำคาญ เธอเลยเลือกที่จะปิดและไม่สนใจอีกเลย สัญญาณแบตกะพริบเตือน แบตโทรศัพท์คงใกล้หมด ระหว่างที่รถยนต์ติดไฟแดงอรุณวตีเลยหยิบที่ชาร์ทแบตมาเสียบทิ้งไว้ คงเพราะภายในรถยนต์แสงน้อย มือของเธอเลยเผลอกดปุ่มเปิดเครื่อง สัญญาณจากหน้าจอเตือนหลายอย่าง มีทั้งข้อความหลายสิบข้อความที่ใครสักคนส่งหาเธอ และบังเอิญเบอร์สุดท้ายที่ส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นบยอดฮิต คือเบอร์ของวิฬา เด็กสาวที่เคยอาศัยอยู่ในบ้านเก่าๆ ด้านหลังคฤหาสน์ทิวากร หนึ่งในเจ้าหนี้ของเธอ
‘ฉันจะไปทวงเงินที่น้องชายคุณ หลบหน้าฉันก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะคุณนายวตี’
นั่นคือข้อความสุดท้ายที่ค้างอยู่บนหน้าจอ อรุณวตีเม้มปาก เธอลืมน้องชายคนเล็กไปเสียสนิท อชิระ น้องชายที่อายุห่างกับเธอและพี่ชายสิบปีกว่า ลูกหลงคนสุดท้ายของบิดา และลูกคนเดียวที่ได้สมบัติของทิวากรไปแค่นิดหน่อย
สมัยนี้ที่ดินราคาพอๆ กับทองคำ ตอนนี้อชิระครอบครองที่ดินจำนวนมาก และหากเปลี่ยนที่ดินนั่นเป็นเงิน เธอคงสบายไปอีกพักใหญ่ แต่ทำยังไงละ น้องชายถึงจะยอมยกที่ดินนั่นให้กับเธอ
อชิระเหลือบมองประตูห้องนอนตนเองที่เปิดทิ้งไว้ ด้านในไม่มีผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นแล้ว เขาเดินไปชะเง้อมองที่ห้องน้ำด้านนอก ตรงจุดนั่นก็ว่างเปล่า เขาเลยเดินลงมาชั้นล่างเพื่อสอบถามบางอย่างจากคนของตัวเอง สายเองก็พอเดาใจเจ้านายออก นางเลยยังไม่ได้เข้านอน พออชิระโผล่หน้ามาให้เห็นนางเลยรีบตะโกนบอก
“คุณเขากลับไปแล้วค่ะ มีคนมารับกลับไป ไม่ต้องห่วงหรอกนะคุณ คนที่มารับเป็นตำรวจ เท่าที่ได้ยินเขาพูดนะคะ เขาเป็นคนที่พี่ชายส่งมารับ”
อชิระพยักหน้า แล้วก็เดินกลับไปทางเดิม
เขาสูดลมหายใจเข้าปอด นึกเป็นห่วงพี่สาวขึ้นมานิดหน่อย หากเจ้าหนี้คนนี้มีญาติเป็นคนในเครื่องแบบอรุณวตีคงหลบได้อีกไม่นาน มันขึ้นอยู่กับว่าพี่สาวของเขา จะหาเงินมาใช้คืนเจ้าหนี้รายนี้ได้หรือไม่ ในเมื่อสมบัติส่วนใหญ่ถูกถลุงไปเกือบหมดแล้ว
“คุณหิวมั้ยคะ ถ้าหิวสายจะไปอุ่นกับข้าวให้” สายเดินตามมาและถามเสียงแผ่วๆ
“หิวนิดหน่อยนะ แต่ฉันทำเองก็ได้ ป้าสายเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว นอนเถอะ”
สายตวัดตาค้อนให้ “คุณไปอาบน้ำเถอะค่ะ ตัวมีแต่ฝุ่น เดี๋ยวสายไปอุ่นกับข้าวรอแล้วจะรีบไปนอน” สายพูดประชด คนที่เหนื่อยจนแทบหมดแรงน่ะคือคนตรงหน้านาง อชิระไม่ใช่ชาวไร่ ชาวสวน เขาโตมาในดงผู้ดีที่ถูกเลี้ยงมาประดุษเจ้าชาย แต่เขาปรับตัวได้ มีเพิ่ม คนคู่ใจที่คอยประคบประหงม กว่าจะตั้งหลักได้ต้องทุ่มเททั้งกำลังและแรงใจไปไม่น้อย
อชิระเดินเลยขึ้นบันไดบ้านโดยไม่พูดอะไร สายเดินเลยไปที่ครัว ตอนยกหม้อแกงส้มขึ้นตั้งไฟนางก็ได้ยินเสียงอาบน้ำ
“คุณท่านไม่มีทางรู้หรอก ลูกชายของคุณท่านต้องลำบากแค่ไหน พี่น้องมีก็เหมือนไม่มี แต่ละคนใจดำกันทั้งนั้น กอบโกยจนแทบไม่เหลือให้น้องชายคนเดียวเลย” สายแอบบ่นด้วยความน้อยใจแทนเจ้านายตัวเองไม่ได้
พอหัวเรือหลักอย่างนายเอกตาย อชิระที่ยังเด็กไม่ประสาก็ถูกพี่ชาย พี่สาวที่โตกว่าเอาเปรียบ เขาอยู่ในคฤหาสน์ไม่ต่างจากคนอาศัย สมบัติที่แบ่งให้ก็น้อยนิดจนน่าเป็นห่วง
โชคดีที่อชิระเป็นคนเข้มแข็งและไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ หลังเรียนจบ เขาก็หอบสมบัติติดกายนิดหน่อยออกจากคฤหาสน์ทิวากร พร้อมกับคนติดตามสามคน
เพิ่ม สายและช้าง
สี่คนที่มุ่งหน้าสู่พื้นดินชิ้นสุดท้ายที่เป็นสมบัติอันชอบธรรม
กระท่อมผุๆ พังๆ คือหลังคาคุ้มฝนคุ้มแดดในวันแรกที่มาถึง
“มีแต่ต้นหญ้า ที่นี่จะทำอะไรกินได้เหรอคุณอชิ?” ช้างถามหลังนั่งมองพื้นดินที่มีแต่ต้นหญ้าสูงท่วมศีรษะ
“มีดิน มีน้ำ มันต้องทำอะไรได้บ้างสิโว้ย” เพิ่มเป็นคนตอบ พลางมองหน้าเจ้านายตัวน้อยที่กำลังยืนอึ้งไม่ต่างอะไรกับช้างที่เป็นหลานชายของเขา
“อยู่ไปสักพักก็น่าจะคิดออกนะคะคุณ วันนี้ ทำความสะอาดบ้านกันก่อนเถอะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องนอนดมฝุ่น”
สายเปรยลอยๆ วันนี้ยังคิดไม่ออก วันหน้าก็ต้องหาทางออกได้
ในเมื่อมีทางเลือกทางนี้ทางเดียว ก็ต้องรีบตั้งหลัก ก่อนที่เงินในกระเป๋าสตางค์จะร่อยหรอไม่มีเหลือ
“ใช่เลย ผมมีลุงกับป้าตั้งสองคน ผมคิดไม่ออก ลุงเพิ่มก็น่าจะคิดออกสิครับ”
เพิ่มหัวเราะลงลูกคอ สีหน้าและแววตาของเจ้านายน้อยดีขึ้น เลือดนักสู้ในตัวชายตรงหน้าที่เขาคิดจะฝากผีฝากไข้ยังไหลเวียนอยู่ อชิระไม่มีทางยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มลงมือหรอก เขามีเลือดของบิดาเต็มตัว วันหน้าที่พื้นนี้ต้องดีกว่าวันนี้แน่นอน
“ไหนบอกจะรีบไปนอนไงครับป้า” อชิระถามหลังทรุดนั่ง มีข้าวสวยร้อนพูนจานกับแกงส้มสีน่ากินในถ้วยตรงหน้าและปลาเกลือทอดกรอบสองชิ้น
“เหนื่อยมากมั้ยคะคุณ?” สายถามเสียงเรียบ มองสบตาอชิระที่เงยหน้ามอง
“ผมไม่ใช่เด็กแล้วครับป้า แค่นี้ผมไหว” อชิระตอบพร้อมกับลงมือกินอาหารมื้อนั่นตอนเกือบสี่ทุ่ม
“รู้ค่ะว่าโตแล้ว แต่ก็อดห่วงไม่ได้” ถึงชายตรงหน้าจะไม่เคยปริปากพูด
แววตาเหนื่อยล้าและท้อแท้ก็เคยโผล่มาแว๊บๆ ให้เห็น อชิระเป็นทายาททิวากรคนเดียวที่ลำบากสุดๆ แทบจะเรียกได้ว่าทุกสิ่งที่เขามีตอนนี้ เขาสร้างมาด้วยสองมือ โดยไม่พึ่งพาใครเลย
“หลังจากปีนี้ พวกเราจะไม่ลำบากแบบนี้อีกแล้วครับ” ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาด การจัดการที่ค่อนข้างซับซ้อนเลยทำให้เขาปวดหัวหน่อยๆ เขาซึ่งไม่เคยเป็นชาวไร่ ไม่เคยเรียนเกี่ยวกับการตลาด ทุกอย่างต้องเริ่มใหม่ และท้อไม่ได้ด้วย มีหลายชีวิตที่เขาต้องดูแล
“หาใครสักคนมาอยู่ช่วยสิคะ อายุปูนนี้แล้ว เดี๋ยวแก่เกินไปจะไม่มีแรงปั๊มลูกนะคะ” สายเตือนเบาๆ
“ป้าสายต้องไปเขี่ยวเข็นช้างสิครับ รายนั้นอายุห่างจากผมไม่กี่ปีเอง” ช้างที่อายุน้อยสุด แถมยังเรียนไม่จบ แม้เจ้าตัวยืนกรานไม่อยากเรียนต่อ เพราะอยากช่วยอชิระทำงาน และเขาคัดค้านเต็มที่
ช้างจะกลับมาที่ไร่ช่วงที่มหาวิทยาลัยปิดภาคเรียนเท่านั้น
“ไอ้ช้างมันยังเรียนไม่จบนะคะคุณ” สายแย้ง
“ใกล้แล้วครับ อีกไม่กี่เดือนเองก็จบแล้ว ถ้าป้าอยากอุ้มหลาน ป้าต้องไปเขี่ยวเข็นกับช้าง ไม่ใช่ผมหรอกครับ” สายถอนใจด้วยความเหนื่อยหน่ายในอก นางรู้ดี นางไม่มีวิธีโน้มน้าวชายตรงหน้าได้ นางก็ได้แต่หวัง สักวันฟ้าจะส่งใครสักคนมาเยียวยาจิตใจเจ้านาย อชิระจะได้มีความสุขอย่างแท้จริงสักที
“ใจคอจะแต่งงานกับต้นส้มพวกนั้นหรือไงคะคุณ” สายพูดประชด
“ถ้าป้ารับได้ ก็คงเป็นแบบนั้นแหละครับ” อชิระตอบแบบทีเล่นทีจริง แต่ใจใจเขา แอบนึกถึงคนที่เพิ่งจากไป แววตาของผู้หญิงคนนั้นเป็นนักสู้ และหากหล่อนอยู่ที่นี่ เขาคงได้เพื่อนคู่คิดที่เหมาะสม
อชิระสะบัดหน้า เขาคิดฟุ้งซ่านแบบนั้นได้ยังไงนะ
ท่าทางสำรวยจัดแบบนั้น จะทนกับงานกลางแจ้งที่ต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจได้ยังไงละ
“ผมไปนอนก่อนนะครับ” ยังไม่ทันรอให้ข้าวมื้อดึกเรียงเม็ด อชิระก็รีบขอตัว หากนั่งนานกว่านี้ลุงเพิ่มมาสมทบ เขาจะถูกลุงกับป้าซักไซ้ จนหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้
สายส่ายหน้ามองตามเจ้านายหนุ่มที่รักประหนึ่งลูกหลาน พร้อมกับบ่น “หมกตัวอยู่แต่ในไร่ในสวน จะหาเมียได้ยังไงคะคุณอชิ”
ตอนที่ 5.ถ้ามัวแต่อายอดตายแน่
อรุณวตีถอนใจแรงๆ เธอจอดรถยนต์ในโรงจอดรถที่เหลือแค่รถยนต์ของตนเองแค่หนึ่งคัน เธออดคิดถึงอดีตตอนที่ตัวเองยังเด็กไม่ได้ คฤหาสน์ทิวากรพลั่งพร้อมไปด้วยทรัพย์สมบัติ มีผู้หลักผู้ใหญ่แวะเวียมาไม่เว้นวัน ญาติสนิทก็มีมากจนจำหน้าไม่หมด
ครั้นบิดาสิ้นชีพ พี่ชายก็รีบตายตามบิดาไปติดๆ คนพวกนั้นก็ค่อยๆ หายหน้าไป ทิ้งให้เธออยู่กับความทรงจำเก่าๆ เพียงลำพัง