เสียงเคาะประตูดึงชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารให้หมุนตัวกลับเข้าหาโต๊ะทำงาน เขากำลังนั่งคิดทบทวนเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นในช่วงระยะไม่กี่เดือนมานี่ หลายๆ เรื่องเกี่ยวพันกับตัวเขาทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วยความบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อ
“เข้ามา...” สิ้นเสียงอนุญาต ประตูห้องทำงานก็เปิดออก พร้อมกับร่างบึกบึนสมส่วนชายชาตรีของลูกน้องคนสนิท นนท์ธกิจโค้งคำนับผู้เป็นนายแล้วพาตัวเองนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ตรงกันข้ามโดยมีโต๊ะทำงานกั้นกลาง
“ได้เรื่องอะไรบ้าง” น้ำเสียงเย็นเฉียบจากผู้เป็นนายเอ่ยถาม ใบหน้าของเขานั้นยังคงเคร่งขรึมน่าเกรงขามเหมือนเช่นเคย
“เรื่องสร้อยของนายกำลังระดมคนหาอยู่ครับ...แต่ยังไม่เจอ ส่วนเรื่องพวกที่บุกมาผมให้คนนำศพไปพิสูจน์หลักฐานทางทะเบียนราษฎร์อยู่ครับคาดว่าอีกสักสองชั่วโมงคงได้ความ ส่วนยามรักษาความปลอดภัยด้านหน้าเสียชีวิตไปห้าคนครับ ผมจัดการบอกกับญาติเรียบร้อยแล้วว่าเราจะรับผิดชอบเต็มที่”
“อืม...นายคิดว่าพวกมันเป็นใคร”
“ผมยังไม่แน่ใจครับนาย ต้องรอพิสูจน์อีกหลายอย่างครับ แต่ดูจากการจู่โจมผมคิดว่าน่าจะเป็นคนพื้นที่มากกว่า” “ทำไม...” ผู้เป็นนายยังคงใช้น้ำเสียงเย็นเฉียบเช่นเคย เขานั่งพิงพนักเก้าอี้กุมมือประสานไว้บนตัก สีหน้าเคร่งขรึมดูได้ยากว่าคิดอะไรอยู่ แต่มันก็เต็มไปด้วยความกังวลอย่างชัดเจน
“ผมคิดว่าพวกที่มันตามเราอยู่มันยังไม่รู้เร็วขนาดนั้นหรอกครับว่าคุณคีมอยู่ที่นี่ อย่าลืมสิครับตอนที่มาคุณขับรถมาเองไม่ได้มาเครื่องบินโดยสารหรือเครื่องบินส่วนตัว อีกอย่างรถคันที่ขับมาก็ไม่ใช่คันที่ใช้อยู่ประจำ และรถของคุณที่อยู่โรงพักผมก็ไปจ่ายค่าปรับแล้วเอามาตั้งแต่คืนนั้นแล้ววันที่คุณคีมบอกคุณท่านว่าจะไปยุโรปผมก็จัดการจองตั๋วเครื่องบินสองใบในชื่อของคุณและคุณรัญ แล้วให้คนปลอมตัวเป็นคุณสองคนขับรถคันนั้นไปจอดไว้ที่สนามบินแล้วทำทีเป็นรอขึ้นเครื่องตามปกติจากนั้นเมื่อเครื่องจะออกก็หาทางปลีกตัวออกมาอย่างไม่มีใครสงสัย
อีกอย่างผมได้เช็กกล้องวงจรปิดตลอดทางที่คุณขับรถมากับทางตำรวจที่รู้จักและสามารถขอความช่วยเหลือได้ปรากฏว่าในระยะเวลาห้าชั่วโมงไม่มีรถต้องสงสัยติดตามมาเลยครับ” นนท์ธกิจบอกเล่ารายละเอียดการทำงานของตัวเองที่ผ่านมาให้ผู้เป็นนายทราบ
“นายกำลังจะบอกฉันว่าเป็นพวกเสี่ยเส้งอย่างนั้นหรือ...ฉันเพิ่งจะแยกกับเขามาไม่ถึงสิบชั่วโมงเลยนะ ไม่อยากเชื่อว่านอกจากคนในเงามืดที่คอยตามอยู่ ฉันจะมีศัตรูเพิ่มขึ้นที่นี่อีก”
“ตอนแรกผมก็คิดไม่ถึงว่าเสี่ยเส้งจะโจมตีเราเร็วและอาจหาญอย่างนี้ แต่ก็ไม่มีใครอื่นแล้วนี่ครับ คุณคีมเพิ่งกลับมาจากเกาะเต่าและมีเรื่องขัดแย้งเกี่ยวกับที่ผ่านทางที่คุณไม่ยอมให้เสี่ยเส้งใช้ประโยชน์ในการขนดินไปขาย เสี่ยเส้งเป็นคนมีอิทธิพลมากในแถบนี้นอกจากเขาผมมองไม่เห็นใครเลยครับ หรือถ้าคิดอีกแง่ว่าเป็นพวกเงามืดที่ตามคุณอยู่อย่าลืมสิครับพวกนั้นไม่เคยทำเรื่องอุกอาจอย่างนี้มาก่อน พวกมันแค่คอยดูความเคลื่อนไหวของคุณคล้ายๆ จะรอกระทำการอะไรบางอย่างมากกว่าจะมุ่งเอาชีวิตคุณ”
อคิราห์คิดตามที่นนท์ธกิจพูดมันก็จริงตามข้อสันนิษฐานนั้นที่เขาต้องแอบหลบมาที่เกาะสมุยนี่ก็เพื่อต้องการสืบหาอะไรบางอย่างที่สงสัยอย่างลับๆ และเมื่อมาถึงแล้วชายหนุ่มก็ไม่อยากนั่งอยู่นิ่งๆ เขาจึงจัดการสะสางงานทั้งหมดที่อยู่ในแถบนี้ที่เป็นกิจการของครอบครัว ซึ่งครอบคลุมหลายพื้นที่ ทั้งเกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า ส่วนมากจะเป็นธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรมในเครือเลนเบิร์ค
ตลอดหนึ่งอาทิตย์เขาจึงตระเวนตรวจงานทุกสถานที่ และที่มีปัญหามากที่สุดก็คือโรงแรมที่ตั้งอยู่บนเกาะเต่า ซึ่งเป็นที่สุดท้ายที่เขาจะเข้าไปตรวจตรา
โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่สวยที่สุดบนเชิงเขา ด้านหน้าเป็นถนนเล็กๆ สำหรับรถโดยสารของลูกค้าและของโรงแรมใช้สัญจร มันเป็นที่ดินส่วนตัวทั้งหมด ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อพื้นที่ถัดไปจากตรงนั้นมีนายทุนที่ตักหน้าดินบนเขาไปขายต้องการใช้ทางหน้าโรงแรมของเขาเป็นทางผ่านในการขนดิน ที่ผ่านมาทางนั้นก็ใช้ถนนตรงนี้มาตลอดโดยที่เขาเองไม่ได้รับรู้ เสี่ยเส้งก็คือนายทุนคนนั้น
เมื่ออคิราห์ตรวจสอบดูจากบัญชีรายรับรายจ่ายของทางโรงแรมปรากฏว่าลูกค้าเงียบเหงาอย่างผิดปกติ นั่นเป็นเพราะรถบรรทุกที่ขนดินผ่านหน้าโรงแรมเขานั่นเอง มันสร้างความเดือดร้อนให้กับกิจการเป็นอย่างมาก
ทั้งฝุ่นละอองที่เกิดจากการปลิวกระจายของดินทำให้เกิดมลภาวะ และเสียงดังของรถบรรทุกที่ขับผ่านทั้งกลางวันและกลางคืน นั่นยังไม่รวมถึงแรงสั่นสะเทือนจากการขนดินจำนวนหลายตัน ทำให้ตึกในโรงแรมเกิดรอยร้าวหลายแห่ง รวมทั้งถนนก็ชำรุดจนต้องซ่อมแซมกันบ่อยครั้ง
เสี่ยเส้งคนนี้เป็นคนมีอิทธิพลมากในพื้นที่ดังนั้นผู้บริหารที่นี่จึงไม่มีใครกล้าคัดค้านการกระทำของเขาได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
แต่ทันทีที่เจ้าของตัวจริงมาถึง อคิราห์วิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ด้วยความไม่พอใจ โรงแรมของเขาต้องแบกภาระกับความขาดทุนมากว่าหนึ่งปี ตั้งแต่เสี่ยเส้งเริ่มทำธุรกิจซื้อที่บริเวณถัดจากที่ของเขาและตักหน้าดินไปขายชายหนุ่มสั่งให้ลูกน้องในชุดของนนท์ธกิจสั่งห้ามรถบรรทุกผ่านอย่างเด็ดขาด ไม่น่าเชื่อว่าแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เสี่ยเส้งผู้เป็นตัวการใหญ่ก็มาขอพบเขาทันที และเจรจาขอใช้ถนนต่อไป ยอมจ่ายไม่อั้น อคิราห์ก็ยื่นคำขาดว่าจะไม่มีการใช้ถนนตรงนี้เพื่อผลประโยชน์อย่างอื่นนอกจากของทางโรงแรมเท่านั้น ถ้าหากมีคนดื้อดึงจะเอาผลประโยชน์เขาก็จะจัดการให้ถึงโรงถึงศาลทันทีเหมือนกัน
นั่นเท่ากับว่าเป็นการตัดรายได้มหาศาลจากการขายหน้าดินของเสี่ยเส้ง ถ้าจะผ่านทางอื่นก็จะไกลกว่ามากเพราะต้องอ้อมภูเขาไปอีกทาง ที่สำคัญเสี่ยเส้งจะต้องสร้างถนนขึ้นมาใหม่เองอีกด้วย ซึ่งต้องใช้เวลาและกำลังเงินอีกมากโขตอนนั้นเสี่ยเส้งกลับไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองโกรธอย่างที่สุด
อคิราห์คิดว่าเรื่องจะจบเพียงแค่นั้นเขาจึงกลับมายังเกาะสมุยทันทีพร้อมกับลูกน้องโดยใช้เรือสปีดโบ๊ทเป็นพาหนะ แค่เขาก้าวลงจากเรือไม่สองชั่วโมงเท่านั้นเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้ “ก็คงเป็นอย่างที่นายว่า จัดกำลังพลทั้งหมดที่นายสามารถหามาได้ให้มากที่สุดพร้อมอาวุธครบมือ ฉันจะไม่ปล่อยให้มันมาเหยียบจมูกเฉยๆ ฝ่ายเดียวหรอก ไอ้เสี่ยนั่นมันรู้จักคนอย่างอคิราห์น้อยไปเสียแล้ว”
“คุณควรจะให้ผมตามสืบก่อนนะครับว่าฝ่ายโน้นเขาแข็งแกร่งแค่ไหน บุ่มบ่ามไปผมกลัวจะเกิดอันตรายได้นะครับ” นนท์ธกิจรีบแย้งความคิดของผู้เป็นนาย เขาใจร้อนเกินไป เหตุการณ์เพิ่งจะเกิดขึ้นทางเสี่ยเส้งเองย่อมจะระวังตัวเป็นพิเศษจึงยากแก่การเข้าถึง และอาจเป็นกับดักที่ทางนั้นใช้หลอกล่อก็เป็นได้
“ไม่...ฉันจะจัดการมันภายในคืนนี้เลย นายคงคิดว่ามันกำลังระวังตัวใช่ไหม ลองคิดในทางกลับกันสิ เสี่ยเส้งมันไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเบื้องหลังของเราถึงได้กล้าบุกมายิงถึงที่ มันคงคิดว่าเราเป็นคนต่างถิ่นหากเจอเหตุการณ์ที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดคงจะหนีหัวซุกหัวซุนไปแล้ว มันไม่ทันคิดหรอกว่าเราจะกลับไปเอาคืนเร็วขนาดนี้ แต่ถ้าเราปล่อยไว้นายอย่าลืมสิว่าเราต้องอยู่ที่นี่อีกตั้งเกือบสองเดือน เสี่ยเส้งมันจะหาทางลอบกัดเราหนักขึ้นไปอีก ความเสียหายก็จะมากขึ้นไปด้วย”
อคิราห์อธิบายให้ลูกน้องคนสนิทฟังถึงผลได้ผลเสียในสิ่งที่เขาคิดจะทำ นนท์ธกิจเองก็รู้สึกทึ่งในความคิดซับซ้อนนั้นเหมือนกัน เขาจำต้องพยักหน้ารับคำสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เรื่องวันก่อนที่ให้สืบไปถึงไหนแล้ว” เมื่อนนท์ธกิจวางโทรศัพท์จากการสั่งงานอคิราห์ก็ตั้งคำถามขึ้นมาอีก
“ตอนนี้เงียบครับ ผมกำลังตามหาญาติของคุณพินิจ เลขาคุณท่านว่าทำไมวันเกิดเหตุเขาถึงไม่ใช้รถส่วนตัวทั้งๆ ที่ไม่เคยโดยสารรถไฟฟ้าด้วยซ้ำ ทำให้เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตและมีใครที่ติดต่อเขาเป็นพิเศษไหมในช่วงนั้นแต่พอคุณพินิจเสียไปครอบครัวของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดหมดครับ ส่วนคุณอรชรเจ้าหน้าที่การเงินที่กินยาฆ่าตัวตายโดยไม่ทราบสาเหตุนั้น ผมเข้าไปขอรายงานการชันสูตรจากนิติเวชแล้วปรากฏว่าเธอฆ่าตัวตายเองโดยไม่มีบาดแผลจากการต่อสู้เลยครับ แต่ทางญาติก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณอรชรไม่มีปัญหาถึงขนาดต้องคิดสั้น เธอยังดูทีวี หัวเราะและมีความสุขกับครอบครัวก่อนหน้าจะเสียชีวิตด้วยซ้ำ
ทางด้าน เอ่อ...คดีคุณขิงยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ครับ เราก็รู้เท่าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นอุบัติเหตุ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเรารู้ตัวช้าไปหลักฐานทุกอย่างจึงเริ่มจะเลือนหายไปด้วย ผมเองก็ยังไม่แน่ใจนักว่าเรามาถูกทางรึเปล่า สามคนรอบตัวคุณและคุณท่านที่เสียชีวิตไปจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนคอยตามคุณอยู่เงียบๆ และจะเป็นคนเดียวกับที่กำลังจะทำลายบริษัทในเครือเลนเบิร์คหรือเปล่าผมก็เดาไม่ออกเหมือนกัน มันดูวกวนไปหมดเลยครับ” นนท์ธกิจรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองได้ไปสืบเสาะตามคำสั่งแก่เจ้านายหนุ่ม เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่ออคิราห์เริ่มรู้สึกตัวว่าถูกคุกคามห่างๆ จากใครบางคนหรืออาจจะเป็นกลุ่มคนก็ยากจะคาดเดา แต่พวกที่ว่านั้นรู้ความเคลื่อนไหวของเขากับมารดาแทบทุกอย่างทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน และทุกครั้งที่เขานัดพบลูกค้า เข้าร่วมงานสังสรรค์เกี่ยวกับธุรกิจหรืองานอะไรในสังคมมักเกิดเหตุไม่คาดฝันที่ทำให้ชื่อเสียงของเขาและมารดาสั่นคลอนอยู่เสมอ อย่างเช่น มีใครบางคนแอบโทรฯ ปฏิเสธการไปพบลูกค้าทั้งๆ ที่ก่อนหน้าได้มีการนัดหมายกันกับทางบริษัทเรียบร้อยแล้ว
เหตุการณ์ดั่งกล่าวเกิดขึ้นหลายครั้ง จนลูกค้ารายใหญ่เกิดความไม่พอใจ จนบางรายถึงกับเปลี่ยนคู่ค้าไปเลยทีเดียว หรือบางทียามออกงานสังคมก็มีคลิปลับที่ผ่านการตัดต่อไปทางแนวเสื่อมเสียถูกเปิดโชว์หรากลางงานจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมเป็นต้น
มาระยะหลังๆ งานประมูลโครงการก่อสร้างต่างๆ ก็ถูกตัดหน้าไปด้วยราคาที่ต่ำกว่าแค่ไม่กี่บาท ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก มันเกิดขึ้นซ้ำๆ กันหลายครั้ง
เมื่อถึงฤดูกาลท่องเที่ยวปกติโรงแรมของเขาจะมีลูกทัวร์จากต่างประเทศมาใช้บริการอย่างคับคั่งเพราะการบริการที่มีระดับ และความสะดวกสบายที่ครบครัน แต่พอมาระยะหลังกลับถูกมือดีประสานงานไปทางบริษัททัวร์ที่ผูกขาดกับทางโรงแรมเลนเบิร์ค ว่างดให้บริการลูกค้าต่างชาติบ้างล่ะ กำลังปรับปรุงการบริหารภายในยังให้บริการไม่ได้บ้างล่ะ นำความเสื่อมเสียอย่างมากมาทางต้นสังกัด
บริษัทที่ทำงานร่วมกันมานานและรู้ถึงความผิดปกติจะสอบถามอคิราห์ด้วยตัวเองก็ได้ร่วมงานต่อ แต่อีกหลายรายที่ไม่ได้ติดตามสอบถามก็จะเปลี่ยนโรงแรมที่ใช้บริการไปเลย
อคิราห์เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ เข้าด้วยกัน เขาก็พบว่าเมื่อสองปีก่อนพินิจเลขาของชลาพรมารดาของเขาประสบอุบัติเหตุตกลงไปบนรางรถไฟฟ้า และถูกรถไฟฟ้าที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงทับเสียชีวิตคาที่
ถัดมาอีกอรชรพนักงานการเงินของบริษัทก็ฆ่าตัวตายอย่างปริศนา ต่อมาก็เป็นเพียงอัปสรที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตไปอีกคน หากมองผิวเผินก็จะเป็นแต่เรื่องธรรมดาตามครรลอง แต่หากคิดให้ลึกทำไมเรื่องราวต่างๆ มันถึงประจวบเหมาะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาไล่เลี่ยกัน แถมบุคคลที่เสียชีวิตก็เป็นคนรอบข้างที่มีความสำคัญของอคิราห์และชลาพรทั้งนั้น
เขาจึงลองให้นนท์ธกิจที่ปกติจะเป็นแค่เลขาส่วนตัว แต่เขาพ่วงตำแหน่งบอดี้การ์ดลับๆ ไว้ด้วยสืบหาว่าทุกอย่างเกี่ยวพันกันหรือไม่และสาเหตุมาจากอะไรกันแน่
นนท์ธกิจจึงวางแผนให้เขาพาณัฏฐนิชที่เพิ่งแต่งงานไปฮันนีมูน โดยปล่อยข่าวว่าจะไปแถบยุโรปแต่ความจริงแล้วยังคงอยู่ในประเทศไทย เพื่อจะคอยดูความเคลื่อนไหวของเงามืดนั้นว่าถ้าอคิราห์ไม่อยู่เป็นเวลาถึงสามเดือนแล้วพวกมันจะทำอะไรกันบ้าง ลึกๆ ในใจของเขาคิดอยู่เสมอว่าเหตุการณ์ทุกอย่างต้องเกี่ยวข้องกับณัฏฐนิช เหมือนมีใครบางคนกำลังจัดฉากวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนอยู่เบื้องหลัง ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาเขาทุกข์หนักเพราะเพียงอัปสรจากไป จึงฉวยโอกาสนั้นเก็บตัว คอยสืบข่าวอยู่เงียบๆ โดยมีนนท์ธกิจคอยช่วยเหลือรับหน้าในทุกๆ เรื่อง แม้แต่มารดาของเขาเองก็ไม่ได้ระแคะระคายสิ่งที่เขากำลังแกะรอยอยู่นี้
“คุณคีมครับ คนของเราพร้อมแล้วครับคุณจะบุกเลยไหม”
“ลุยเลยสิ...กิจ”