คลื่นพิศวาส ตอนที่ 1

4779 คำ
หลังจากเมื่อคืนนอนหลับอย่างเป็นสุขที่สุดของชีวิตแต่งงาน หญิงสาวก็ตื่นจากนิทราตั้งแต่เช้าเช่นเคย คนที่กอดให้ความอบอุ่นเธอยังหลับอยู่และยังใช้วงแขนรัดรั้งไว้เช่นเดิม ตลอดทั้งคืนเธอนอนแนบอ้อมกอดเขาอย่างมีความสุขราวกับฝัน ถึงจะแปลกใจ สงสัยก็ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองหรืออยากรู้ สิ่งเหล่านั้นมันอยู่เหนือสิทธิ์ของเธอ ณัฏฐนิชถอนหายใจคล้ายบอกตัวเองให้เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว ค่อยๆ จับแขนใหญ่ยกออกจากตัวแล้วลุกลงจากเตียง หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวแล้วยังยืนเหม่ออยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ เมื่อคืนเธอฝัน...ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ฝันเธอหวนนึกถึงความหลังต่างหาก มันคือความทรงจำที่ไม่เคยลืม กาลครั้งหนึ่งเธอเคยมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยปกป้องไว้เหมือนที่อ่านในนิทานตอนเด็กๆ จากนั้นมาเขาก็เป็นเจ้าชายฮีโร่ในดวงใจของเธอมาตลอด ตอนที่เจอกันครั้งแรกและถูกเขาช่วยเหลือไว้เธออายุเพียงสิบขวบ ฮีโร่ของเธอใช้นามสกุลเดียวกับคุณน้าผู้แสนใจดีเพื่อนของบิดาที่คอยแวะเวียนมาเยี่ยมเสมอ ด้วยความสงสัยเด็กหญิงช่างพูดก็หลอกล่อถามจนได้ความว่าที่แท้เขาเป็นลูกชายคนเดียวของคุณน้าชลาพรเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนของบิดาเธอนั่นเอง                                                                          โลกช่างกลมแท้ๆ เธอไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟังเก็บมันไว้เป็นความทรงจำส่วนตัว มักจะเห็นเขาตามหน้าข่าวสังคมหรือนิตยสารต่างๆ บ่อยครั้ง เธอติดตามข่าวคราวนั้น ตัดเก็บมันไว้ในสมุดบันทึก หวังว่าวันใดเจอกันอีกครั้งอยากมอบให้เขา ขอลายเซ็นและบอกเขาว่าเธอนี่แหละคือแฟนคลับตัวยง ทุกการปฏิบัติเสมือนเป็นกิจวัตรประจำวันกลายเป็นความผูกพันโดยไม่รู้ตัว หลายปีผ่านไป เขาไปเรียนเมืองนอก เรียนจบก็กลับมาทำงานต่อจากน้าชลาพร มีข่าวกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา ตอนนั้นเธอเริ่มไม่ชอบใจ รู้สึกหงุดหงิดที่เจ้าชายในฝันไปพัวพันกับหญิงอื่น เหมือนกับเพื่อนๆ ของเธอที่มักแสดงอาการแอนตี้คู่รักของดาราหนุ่มๆ ที่ตัวเองชื่นชอบ จนกระทั่งมีข่าวถึงคู่ควงคนล่าสุดและเป็นที่โจษจันว่าคนนี้แหละคือตัวจริง ณ เวลานั้นความรู้สึกของเธอได้พัฒนาถึงขั้นฝันว่าจะได้เป็นเจ้าสาวของเขาไปแล้ว เธอเสียใจ...เหมือนฝันสลายไปต่อหน้าต่อตาทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่เคยรับรู้อะไรเลย และคงลืมเด็กหญิงตัวน้อยที่เขาเคยช่วยไปแล้วด้วยซ้ำ จากฝันลมๆ แล้งอันเลื่อนลอยในวัยเด็ก เปลี่ยนไปตามวันเวลาและวัยที่เติบโตขึ้น จากฮีโร่...กลายเป็นผู้ชายที่เธออยากยืนเคียงข้างกระทั่งวันหนึ่งฝันนั้นเป็นจริง เธอได้เป็นเจ้าสาวของเจ้าชายรูปงามจิตใจดีคนนั้น แค่เพียงชั่วข้ามคืนณัฏฐนิชก็รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดถนัด ไม่มีเจ้าชาย... ไม่มีฮีโร่... มีเพียงปีศาจที่แฝงเร้นอยู่ในร่างเทพบุตร การแต่งงานที่ใจเฝ้าปรารถนากลายเป็นฝันร้ายมาจนถึงทุกวันนี้ “ณัฏฐนิช!! เธออยู่ไหน...อยู่ในห้องน้ำไหม” เจ้าของชื่อสะดุ้งนิดนึงเพราะหลุดจากภวังค์โดยไม่ได้ตั้งตัว ฟังจากน้ำเสียงดูเหมือนคนเรียกกำลังอารมณ์ไม่ดีนัก หญิงสาวรีบเอาเสื้อนอกมาคลุมตัวและเดินออกจากห้องน้ำด้วยเกรงว่างานจะเข้าตัวเสียตั้งแต่เช้า “คุณคีม...มีอะไรเหรอคะรัญอยู่นี่ค่ะ”                                          “...” ไร้การตอบรับใดๆ จากเขา ชายหนุ่มยืนเท้าสะเอวมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าจนต้องก้มหน้าหลบ มือสอดประสานไว้ด้านหน้ากำเข้าออกอย่างรอคอยว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ “ไปเอาเสื้อผ้าในห้องมาเตรียมไว้ให้ด้วย...ชุดลำลองนะวันนี้ฉันไม่ทำงาน...อ้อ...อาหารเช้าด้วยฉันจะกินที่นี่ หวังว่าคงยังทำได้อยู่นะหน้าที่เมียน่ะ” พูดพลางเดินเข้ามาหาจนเสียงสุดท้ายถูกเน้นย้ำใส่หน้าเธอ  ณัฏฐนิชผินหน้าหนีก็ยังไม่วายถูกแกล้งกระแทกจนเซ ก่อนที่ร่างใหญ่จะหายลับไปพร้อมๆ กับประตูห้องน้ำที่ปิดเสียงดัง สาวเจ้าก็ใช่จะอารมณ์ดีนักกับพฤติกรรมอดีตเทพบุตรมารของเธอแต่คงทำอะไรไม่ได้ตามเคย หญิงสาวส่ายหน้าระอาแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อคิราห์ยังหาโอกาสกลั่นแกล้งได้อย่างไม่อายเพศผู้นำของตัวเอง เป็นเธอด้วยซ้ำที่อับอายกับการต้องเป็นภรรยาของคนนิสัยแบบนี้ อาหารเช้าถูกนำมาวางตรงโต๊ะในสวนหย่อมหลังรีสอร์ตตามความต้องการของคนเจ้าอารมณ์ ณัฏฐนิชถูกบังคับให้นั่งทานพร้อมกับเขาด้วย หญิงสาวนั่งก้มหน้างุดตักโจ๊กกระดูกหมูในถ้วยทานอย่างระแวดระวัง บางครั้งสายตายังเหลือบมองคนที่นั่งตรงข้ามจัดการกับอาหารเช้าสไตล์ฝรั่งของเขา มีเบคอนทอด ไข่ดาว และขนมปังปิ้งแบบง่ายๆ กับกาแฟร้อน  ตอนอยู่ที่เรือนหอณัฏฐนิชมักจะเตรียมอาหารเช้าแบบไทยๆ ไว้ให้ด้วยรู้ว่าเขาไม่ชอบทานแต่อยากฝึกให้เขาเคยชิน เพราะมันมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าในความคิดของเธอ แต่ก็นั่นแหละอคิราห์ไม่เคยเฉียดมองด้วยซ้ำ วันนี้เธอเลยสั่งแบบที่เขาเคยทานเสียเป็นการตัดปัญหา   ชายหนุ่มนึกหมั่นไส้คนตรงหน้าเขาเหลือเกิน แม่คุณทำกระมิดกระเมี้ยนเหมือนกลัวว่าขยับตัวสักนิดดอกพิกุลทองจะร่วงเสียอย่างนั้น นี่เขาใจดีถึงขนาดให้มานั่งร่วมโต๊ะด้วย แถมตั้งแต่ตื่นมายังไม่หาเรื่องด่าว่าสักคำณัฏฐนิชน่าจะทำตัวให้น่ารักสมกับความใจดีของเขาบ้าง “อิ่มแล้วเหรอ...” เมื่อเห็นหญิงสาววางช้อนในมือจึงเอ่ยถามเสียงเรียบ “ค่ะ...” “มานี่หน่อยสิ” “คะ...” ณัฏฐนิชมองเขาอย่างไม่เข้าใจคำสั่ง ก็นั่งกันไม่ไกลเสียหน่อยไอ้คำว่า ‘มานี่’ จะมาไม้ไหนกันแน่ แต่แล้วก็ต้องหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธปนอาย เมื่อชายหนุ่มเอามือตบที่หน้าขาของเขาเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าจะให้เธอไปนั่งตรงนั้น รอยยิ้มมุมปากกับพฤติกรรมแบบนี้ไม่น่าไว้ใจสำหรับเธอเลยแม้แต่น้อย “มาสิ...วันนี้อารมณ์ดีอย่าต้องให้โมโหกันแต่เช้าหน่อยเลยน่า” ‘อารมณ์ดีหรือผีเข้า’ หญิงสาวอดคิดในใจไม่ได้ แต่ก็ยังลุกเดินไปทำตามคำสั่งของเขาด้วยอาการงกๆ เงิ่นๆ เธอเดินวนไปยืนข้างๆ แล้วหย่อนตัวลงนั่งบนขาแข็งแรงโดยหันหน้าออกด้านนอก มือเล็กกำเข้าหากันแน่นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ไม่เข้าใจ สับสน มึนงงกับการเปลี่ยนแปลงแบบตั้งรับไม่ทันของสามีหนุ่ม หรืออคิราห์จะมีฝาแฝด?... วงแขนหนารีบโอบรอบเอวคอดแล้วจับหมุนให้หันหน้าเข้าหาตัว หูได้ยินเสียงอุทานเบาๆ จากร่างเล็กอคิราห์ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ ตั้งหน้าตั้งตาจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย ณัฏฐนิชก้มหน้างุดเช่นเคยไม่รู้จะมองไปทางไหนเมื่อถูกหันตัวให้อยู่วงในจึงมองอาหารในจานเขาเป็นการแก้เขิน เธอมองเขาตักโน่นนี่เข้าปากอย่างเพลิดเพลินจนเหลือแต่ไข่ดาวฟองนั้นเป็นชิ้นสุดท้าย จู่ๆ ส้อมในมือเขาก็จิ้มเข้าตรงที่เป็นไข่แดงกึ่งสุกกึ่งดิบลากมันเบาๆ เหมือนรู้ว่าเธอกำลังสนใจมันอยู่ส้อมนั้นจิ้มซ้ำๆ บริเวณจุดเดิมเมื่อหันมองหน้าคนกระทำก็พบว่าเขามองเธออยู่เช่นกัน                                                                                 สายตานั้นแสดงออกถึงความเย้ยหยัน เยาะเย้ยเสียเต็มประดาก่อนจะตักอาหารในมือเข้าปากใช้ลิ้นแลบเลียรอบๆ ริมฝีปากอย่างจงใจ                   “นี่!! ปล่อย” ณัฏฐนิชทนมองกิริยาหยาบคายสื่อความนัยนั่นไม่ไหวอีกแล้ว เธอทำท่าจะลุกแต่ถูกมือข้างที่ตวัดรอบเอวรัดแน่นขึ้นและจับกดบังคับให้นั่งอยู่ในท่าเดิม กำปั้นเล็กๆ ทุบเข้าที่ต้นแขนหลายครั้งด้วยความโมโหที่ถูกสบประมาทแต่ไร้ผลจนเธอถอดใจเหนื่อยและหยุดไปเอง ความจริงคิดอยากเอาจานตรงหน้าคว่ำใส่เสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็นั่นแหละผลที่ตามมาคงไม่คุ้ม หญิงสาวจึงได้แต่กระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียวไปตามเรื่องตามราว อคิราห์ไม่สะทกสะท้านยังคงตั้งหน้าตั้งตาจัดการกับมื้อเช้าจนเกลี้ยงและยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเป็นการตบท้าย “อิ่มแล้วก็ปล่อยสิ...” “ยังไม่ได้กินเลยจะอิ่มได้ไงล่ะ...” สายตาเจ้าเล่ห์ปนหยามหยันมองมาทางเธอจนน่าขนลุก ณัฏฐนิชไม่ได้ไร้เดียงสาจนแปลความหมายไม่ออก “ปล่อยนะ...นี่คุณเป็นบ้าอะไรเนี่ยตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เข้าป่าแล้วลืมขอเจ้าทางหรือไงผีป่าถึงได้เข้าสิงเอา...นี่ปล่อย” “เธอนี่!! ปากเก่งขึ้นทุกวัน...สองอาทิตย์มานี้ไม่รู้รสชาติจะดีพัฒนาสู้ปากที่ด่าฉันฉอดๆ ได้หรือเปล่านะ” อคิราห์เริ่มโมโหเมื่อคนตัวเล็กทำท่าเหมือนเขาน่ารังเกียจเสียเหลือเกิน อารมณ์ร้อนรุ่มที่ในการที่สมควรได้รับการปลดปล่อยตั้งแต่เมื่อคืนก็เริ่มวิ่งพล่านยามร่างนุ่มนิ่มดิ้นไปมาเสียดสีสัมผัสกับกายหนุ่ม  ณัฏฐนิชไม่ได้ยินยอมให้เขาใช้กำลังรวบกอดได้ง่ายๆ เธอพยายามขยับหนี ใช้กำลังทั้งหมดทั้งดิ้นทั้งใช้ข้อศอกกระทุ้งไปที่หน้าท้องของชายหนุ่มเพื่อพาตัวเองให้พ้นจากพันธนาการนี้ “ปล่อยนะ...นี่คุณจะบ้าหรือไง เกลียดฉันนักไม่ใช่เหรอมาแตะต้องฉันทำไม ปล่อย!!!” “เพราะเกลียดไงล่ะถึงทำอย่างนี้...คิดว่าที่แตะต้องนี่เพราะพิศวาสรึไง...หึๆๆ หลงตัวเองเกินไปหน่อยแล้วณัฏฐนิช คนที่เขาสมสู่กันน่ะยังไงก็ต้องถูกเนื้อต้องตัวกันอยู่แล้ว ฉันไม่มีความรู้สึกอะไรกับเธอหรอกนอกจากอยากจะปลดปล่อยตามธรรมชาติของผู้ชายที่ถูกผู้หญิงเสนอตัวมาให้กินถึงที่”  ณัฏฐิชน้ำตาร่วงเผาะกับคำพูดเจ็บไปถึงใจนั้น เธอคิดในแง่ดีเกินไปว่าอคิราห์ดูมีจิตสำนึกขึ้น เขาแค่รอเวลาที่เหมาะสมในการใช้วาจาและกำลังประหัตประหารเธอเท่านั้น ผู้ชายคนนี้ใช้ความเลวจนเข้าเส้นเลือดยากแก่การเยียวยาไปแล้ว “ปล่อยฉันเถอะ...ฉันขอร้อง คุณจะว่าจะประณามยังไงก็ได้แต่ขออย่างเดียวอย่าหยามเกียรติฉันอีกเลย” หญิงสาวอ้อนวอนด้วยน้ำตา เธอล้ากับการดิ้นรนจนยอมหยุดอยู่ในอ้อมแขนที่บีบรัดจนแทบหายใจไม่ออกนี้ เหนื่อยทั้งกายและล้าไปทั้งใจ “ปล่อยแน่...ฉันจะปล่อยเธอไปให้ไกลๆ หลังจากที่แม่ของฉันเห็นทาสแท้ของเธอว่าที่ยอมลงทุนแต่งงานก็แค่อยากฮุบสมบัติ และ...เมื่อฉันใช้งานร่างกายของเธอจนไปหากินกับใครด้วยวิธีนี้ไม่ได้อีก” “อื้อ...”เสียงร้องสุดท้ายที่กลายเป็นเพียงสียงอู้อี้ยามถูกประกบริมฝีปากจนแทบกลายเป็นเนื้อเดียวกัน ณัฎฐนิชร้องไห้น้ำตานองหน้าเกลียดกลัวคนที่กำลังกอดรัดและกดเธอให้นั่งลงบนตักเหลือเกิน ความแข็งขึงที่สัมผัสกับสะโพกผายบอกให้รู้ว่าเขาไม่มีทางปล่อยเธอให้รอดพ้นไปได้แน่นอน  “อย่าร้อง...มันเป็นหน้าที่ของเธอ...หน้าที่ของเมียที่ต้องให้ความสุขกับผัว หึ หึ หึ”คนตัวเล็กถูกจับกดให้นั่งตรงกลางตักและถูกขาแข็งแกร่งสองข้างหนีบเอาไว้ในท่าทางที่เธอหันหลังให้เขา ช่วงตัวด้านบนก็ถูกมือร้ายรุกรานลูบคลำแทบทุกตารางนิ้วไม่ว่าจะเป็นเอวคอดกิ่ว หน้าท้องแบนราบที่เกร็งจนเจ็บหนึบเลยขึ้นมาถึงทรวงอกอวบภายใต้ร่มผ้า                               อคิราห์ใช้มือคลึงเคล้นเบาๆ ไม่ลงแรงเต็มที่ด้วยรู้ว่าตอนนี้หญิงสาวกำลังขวัญเสียกับคำพูดเขา ปากหนาจูบพรมทั่วต้นคอระหงจนมือไต่ขึ้นมาและไล้รอบๆ ลำคอนั้นเบาๆ ก่อนจะบังคับให้เธอเอียงหน้ารับรสจูบดูดดื่ม                     ชายหนุ่มรับรู้ถึงรสเค็มของน้ำตาที่ซึมเข้ามาในปาก ไร้เสียงที่คอยขัดใจ ไร้แรงดิ้นขัดขืนให้ต้องคอยกำราบ มีเพียงหยดน้ำตาที่ไหลให้เขาชิมไม่หยุดหย่อน ชายหนุ่มหยุดชะงัก อารมณ์กำหนัดเริ่มหดหายอย่างไม่มีสาเหตุทั้งที่ไม่ควรเป็น เขาไม่ควรสนใจว่าร่างสะอื้นฮักนี้จะรู้สึกอย่างไร ณัฏฐนิชเป็นแค่เครื่องรองรับอารมณ์ฝ่ายต่ำของเขา จับเธอกดบนโต๊ะนี่แล้วปลดปล่อยความต้องการของตัวเองซะเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ต่างคนต่างไป แต่ทำไมแค่เห็นเพียงซีกหน้าที่เศร้าสร้อย น้ำตาที่ร่วงรินเปื้อนแก้มนวล ใจเขากลับทำอย่างที่คิดไม่ได้ มือหนาละจากภารกิจสำรวจเรือนร่างมาจับปลายคางมนแล้วหันเข้าหาตัวให้เขาได้ยลโฉมความอาดูรบนใบหน้าเธอชัดๆ ณัฏฐนิชเบือนหน้าหนีปากบางเม้มเข้าหากันกลั้นไม่ให้เสียงใดๆ เล็ดรอดออกมาประจานความพ่ายแพ้ไปมากกว่านี้ “อย่าร้องให้สิรัญ...ฉันต้องการเธอ...และอยากให้เธอเต็มใจ” เสียงแหบห้าวกระซิบตรงติ่งหูขบกัดเบาๆ เป็นการหยอกเอิน นั่นคือความรู้สึกจริงๆ ตอนนี้อคิราห์เริ่มไม่สนุกกับการบังคับฝืนใจขู่เข็นให้เธอสมยอมไปกับเขาอีกแล้ว มันไม่ท้าทายและเกินไป ต้องให้เธอคล้อยตามและเต็มใจร่วมมือกับตัณหาราคะนั่นสิจึงจะถือได้ว่าเขาสามารถอยู่เหนือเธออย่างแท้จริง “เรื่องแบบนี้มันเป็นธรรมชาติของผัวเมียนะรัญ...เธอต้องหัดไว้ให้ชิน...” “หยาบคาย...” ณัฏฐนิชต่อขานทั้งที่กัดฟันกรอด ไอ้คนลามก มักง่ายเรื่องธรรมชาติงั้นเหรอ ครั้งแรกก็ปลุกปล้ำตอนที่เมา ครั้งที่สองก็บังคับให้กินยาปลุกเซ็กซ์แล้วให้ทำอะไรต่อมิอะไรที่น่าอับอายอีก ‘ธรรมชาติชั่ว’ ล่ะสิไม่ว่า      “ฉันขอฝืนธรรมชาติก็แล้วกัน...คุณพูดจาดูถูกฉันขนาดนี้แล้วยังจะมาหว่านล้อมให้สนองตัณหาคุณอีกไม่คิดว่ามากไปหน่อยเหรอ” “กลัวเหรอ...ตัวสั่นเชียว...” นิ้วยาวปัดปอยผมที่พะรุงพะรังดูน่ารำคาญตา มืออีกข้างก็ยังกอดร่างน้อยเอาไว้ไม่ยอมปล่อย และไม่ใส่ใจกับท่าทีและคำพูดของเธอแม้แต่น้อย ไม่แน่ใจว่าร่างสั่นเทานั้นมีความรู้สึกกลัวอย่างที่เขาว่าหรือกำลังโกรธจัดกันแน่ แต่แรงดิ้นขลุกขลักน้อยๆ นั่นสร้างความปวดร้าวตรงสัมผัสไวต่อความรู้สึกนั้นให้เริ่มคึกคักขึ้นอีกครั้งแล้ว “ฉันรู้...ว่าเธอรู้สึกไม่ดีกับ...เรื่องบนเตียง” เสียงอู้อี้นั้นใกล้จนลมหายใจอุ่นๆ รดต้นคอ ณัฏฐนิชเกร็งจนตัวแข็งทื่ออยากขัดขืน อยากผลักไส สัมผัสไหวหวามไม่หยาบโลนเหมือนที่ผ่านมาทำให้เธอได้แต่นั่งใจสั่น “ยะ...อย่านะ...ฉัน...ฉันไม่ต้องการ” หญิงสาวหอบสะท้านเมื่อลำคอระหงถูกลิ้นสากเลียแล้วลากผ่านขึ้นลงอย่างเชื่องช้า เบาบาง “มาเถอะ...ฉันจะสร้างความทรงจำใหม่ให้...” ใบหน้างามถูกจับเอียงให้กลีบปากบางรับรสจูบนุ่มละมุนทันทีต้นคอขาวถูกจับกดไม่ให้ขยับหันหนี ลิ้นร้ายพุ่งเข้าหาโพรงปากสาวควานหารสหวานมาดื่มชิม มืออีกข้างกอดกายสาวแน่นแต่ยังพยายามไม่รัดจนเธอเจ็บ ขาสองข้างก็หนีบเข้าหากันจนหญิงสาวแทบหายใจไม่ออกเพราะถูกพันธนาการไว้ทั้งตัว    “อื้อ...” “อย่ากลัวรัญ...ฉันกำลังทำให้เธอรู้สึกดี...อย่าเกร็ง...เราสองคนคือหนึ่งเดียวกัน...” คำปลอบประโลมเสียงแหบพร่านั้นเป็นตัวช่วยให้ร่างบางนิ่งลงรองรับมือไม้ที่กำลังลูบไล้ปรนเปรอได้เป็นอย่างดี แรงกอดเริ่มคลายตัวพร้อมๆ กับสองขาที่ปลดปล่อยจนเธอเกือบเป็นอิสระ สะเอวสอบเริ่มขยับเข้าหาเบียดสะโพกกลมกลึงเพื่อระบายความกำหนัดของแก่นกาย “อืม...หวานเหลือเกินรัญ...” ชายหนุ่มพร่ำชมพร้อมผละจากโพรงปากหอมหวาน จูบเม้มเบาๆ ที่ริมฝีปากล่างอีกครั้งก่อนจะจับร่างกลมกลึงหมุนให้หันหน้าเข้าหากันวางเธอลงบนท่อนขาที่รองรับอยู่แล้ว จากนั้นก็ดันให้หลังของหญิงสาวพิงกับโต๊ะผละตัวเองออกห่างพอสมควร              สายตาคมปลาบจ้องมองแต่ความงามอวบอัดตรงหน้า ทรวงอกกลมกลึงที่มองจากภายนอกยังรู้เลยว่าขนาดของมันไม่ธรรมดา                  เขาเพิ่งสังเกตว่าเสื้อยืดสีขาวตัวน้อยไม่ได้ช่วยปกปิดอะไรได้มากนัก อคิราห์อารมณ์กรุ่นขึ้นมานิดๆ วันนี้ไม่รู้พนักงานโรงแรมมีใครเห็นเธอบ้างหรือยัง แล้วไอ้พวกนั้นจะมองแล้วคิดเหมือนเขาไหม...แม่ตัวดีนี่ก็ช่างกะไรเสื้อผ้ามีเยอะแยะไม่ยอมใส่ มาเลือกใส่เสื้อยืดตัวเล็กรัดติ้ว สงสัยเขาต้องสร้างมาตรการเรื่องการแต่งตัวของเธอใหม่เสียแล้ว “อื้อ...ไม่ค่ะ...” เมื่อทรวงอกงามทั้งสองข้างถูกมือหนาทาบทับและเริ่มลงแรงบีบเคล้น ทั้งปากร้ายก็ซุกไซ้อยู่ไม่ห่างทำให้คนที่สติเลือนรางเริ่มรู้สึกถึงการถูกคุกคาม และจิตสำนึกลึกๆ ยังคอยเตือนถึงบทบาทที่ผ่านมาของเขา “...อย่ากลัว...กำลังสอนให้เธอรู้จักความสุขสมที่แท้จริง” ณัฏฐนิชถูกมือใหญ่กดให้หลังพิงโต๊ะอีกครั้งหลังจากเธอพยายามถอยออก เขาดูอ่อนโยนจนเธอเผลอใจเปิดรับสัมผัสนั้น ถึงแม้จะยังหวั่นๆ แต่อีกใจกลับอยากรู้อยากลอง และรอคอย...  เมื่อเห็นว่าสิ่งที่เขามอบให้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เคยเป็น ราวกับเธอเริ่มไว้ใจและหลงใหลในสัมผัสเชื่องช้าแต่แนบแน่นจนร้อนฉ่านั้น ปล่อยให้เขาล่วงล้ำได้ตามแต่ใจ ส่วนตัวเองก็เฝ้ารอด้วยความอยากรู้อยากเห็นกับความรู้สึกในบทรักรูปแบบใหม่ เสียงครางฮือในลำคอบอกให้รู้ว่าร่างเล็กในกำมือกำลังพอใจกับสิ่งที่เขาปรนเปรอ เสื้อยืดที่มองทีไรก็ขัดสายตาถูกถอดออกอย่างง่ายดายและลงไปกองอยู่บนพื้นไร้ความหมาย...ต่อไปนี้เขาจะเอามันมาทำผ้าขี้ริ้วและเก็บเสื้อยืดหรือแม้แต่สายเดี่ยวทุกตัวของณัฏฐนิชเผาทิ้งเสียให้หมด อคิราห์ผลักอารมณ์หึงหวงชั่ววูบออกไปแล้วหันมาสนใจกับเนินเนื้อที่ยังถูกห่อหุ้มเอาไว้ นิ้วแกร่งแหวกวนตรงขอบบราจนเนินอกทะลักออกมาให้เชยชม                                                                                               ริมฝีปากหนาชื้นขบเลียเนินเนื้อนั้นแล้วดุนดันจนสามารถกวาดเอายอดอกมาชิมได้สมใจ ลิ้นหนาตวัดหยอกเย้าปลายถันที่แข็งเป็นไตรอรับสัมผัสอย่างรู้งาน ณัฏฐนิชหอมหวานไปทั้งตัวจนแทบควบคุมความต้องการเอาไว้ไม่ไหว เขาอยากถอดเสื้อผ้าเธอทุกชิ้นจับให้เธอหันหลังและกดลงกับโต๊ะตัวนี้ แล้วจากนั้นก็สอดประสานกายให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ขยับโยกเบาๆ ในคราแรกแล้วค่อยเร่งจังหวะในช่วงหลัง ให้เธอครางจนแทบหายใจไม่ทัน  แต่...ตรงนี้มันโจ่งแจ้งเกินไปจะให้ไว้ใจได้อย่างไรว่าไม่มีใครอื่นอยู่ด้วยนอกจากเธอกับเขา ถึงจะเป็นสถานที่ส่วนตัวมันก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี  ณัฏฐนิชสะดุ้งเฮือกอีกครั้งเมื่ออยู่ดีๆ ชายหนุ่มก็ละทุกอย่างที่ทำให้เธออยู่ในภวังค์แห่งราคะ เขายืนขึ้นและอุ้มร่างอ่อนปวกเปียกราวกับขี้ผึ้งลนไฟไว้กับตัว จ้ำอ้าวออกจากตรงนั้นทั้งที่ลมหายใจยังหอบกระเส่า “เราไปต่อด้านในกันนะ...” หญิงสาวปรือตาคล้ายคนละเมอรู้สึกถึงร่างกายที่ลอยขึ้นเหนือพื้น จังหวะการเดินบวกกับแรงลมหายใจทำให้ทรวงอกงามกระเพื่อมขึ้นลงท้าสายตาอย่างไม่น่าให้อภัย ยิ่งพอศีรษะทุยได้รูปตกจากแขนลงไปตามแรงโน้มถ่วงหญิงสาวก็ขยับมาซบตรงแผงอกแกร่งเป็นที่พักพิง แล้วลมหายใจอุ่นๆ ของเธอมันพ่นรดผิวเนื้อเบาๆ ผ่านร่มผ้า อารมณ์ที่กระเจิดกระเจิงอยู่แล้วยิ่งทวีความกำหนัดมากขึ้น ณัฏฐนิชหารู้ไม่ว่าการกระทำนั้นกำลังทำให้ตัวเองเกือบมีภัยแบบผิดที่ผิดทาง... “ยั่วดีนัก...เธอทำให้เตียงอยู่ไกลเป็นสิบกิโล...” ถึงกระนั้นอคิราห์ก็ทนอุ้มร่างกรุ่นกลิ่นสาวที่เรียกเลือดในกายให้เดือดพล่านทุกอณูเนื้อนั้นเดินทางสิบกิโลเมตรที่ว่าจนถึงเป้าหมายจนได้ ณัฏฐนิชถูกวางลงบนเตียงนุ่มและไม่รอช้าคนตัวใหญ่ก็ทิ้งตัวทับทาบด้านบนทันที กลีบปากบางถูกรุกล้ำก่อนพื้นที่อื่น มือหนาลูบสอดเข้าตรงท้ายทอยกดให้หญิงสาวรับรสลิ้นที่กำลังพุ่งเข้าหยอกเย้าภายใน ริมฝีปากหนาฉกดูดครอบครองอย่างถือสิทธิ์ ลิ้นร้ายตวัดพันนัวเนียอยู่ไม่ยอมผละห่าง                                                                                                      หญิงสาวดูจะไม่ทันเกมรุกของเขาสักเท่าไหร่ มันเร็วและหนักหน่วงกว่าตอนที่เริ่มเล้าโลมในคราแรก เธอได้แต่นอนตัวอ่อนให้เขาเชยชมเงอะงะ บางครั้งก็เผลอครางออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อสัมผัสจากเขามันวาบหวิวจับใจเหลือเกิน “อ๊ะ...” ริมฝีปากสีชมพูเริ่มแดงระเรื่อจากแรงดูดดึงเผยอบวมเจ่อเมื่อได้รับอิสระมองดูแล้วอยากจะจูบซ้ำๆ ให้แดดิ้นกันไปสักข้าง อคิราห์ครางฮือในลำคอแล้วไล่พรมจูบทั่วดวงหน้าหวาน กัดเย้าเบาๆ ที่ปลายคางแล้วลากลิ้นจากส่วนนั้นลงหาต้นคอขาว ใบหน้าซุกไซ้ตามเนื้อนิ่มดูดเม้มจนเป็นรอยจ้ำแดง เขาหิว เขากระหาย มึนซ่านไปทั้งตัวกับการแตะต้องลูบไล้สตรีเพศเบื้องล่าง  ณัฏฐนิชเป็นเหมือนเชื้ออย่างดีที่เข้ามาเติมไฟราคะในกายเขาให้ลุกโชนอย่างที่ไม่เคยเป็น เขาไม่เคยมีความรู้สึกว่าต้องการผู้หญิงคนไหนรุนแรงอย่างนี้มาก่อน กับเพียงอัปสรก็ถือว่าอยู่ในขั้นธรรมดาของคู่รักทั่วไป เขาให้เกียรติเธอและทะนุถนอมเสมอ แต่กับณัฏฐนิชไม่ใช่...มันเข้าข่ายหน้ามืดตามัวเลยทีเดียวราวกับว่าถ้าเขาไม่ได้เสพสมกับร่างนี้ภายในไม่กี่นาทีข้างหน้า ความปวดหนึบแข็งขึงของเขามันจะระบิดแตกเป็นเสี่ยงเสียอย่างนั้น เขากำลังหลงใหลในเรือนร่างอันผุดผ่องของผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่เขาสมควรจะเกลียด...ให้สุดหัวใจ ลมหายใจอุ่นๆ กับลิ้นชื้นเคลื่อนย้ายจากลำคอขาวลากเรื่อยลงมาถึงซอกทรวงอันอวบอิ่ม บราตัวนั้นเริ่มมองดูน่ารำคาญตาเมื่อมันบดบังสองเต้าที่กำลังอวดพุ่มขาวๆ ขนอ่อนๆ ของเธอลุกซู่พร้อมกับยอดอกที่แข็งเป็นไตรอรับสัมผัสยามถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากบราตัวนั้น            อคิราห์ไม่รีรอใช้ปากครอบครองเสียเกือบครึ่งเต้า ไรฟันขบกัดเนินเนื้อในอุ้งปากโดยรอบลิ้นร้ายตวัดรัวเย้ากับยอดถันด้านในจนร่างสาวสะดุ้งครางฮือ เต้าอวบอีกข้างก็ถูกมือร้ายกำเคล้นหัวแม่มือบดบี้ยอดอกให้ความรู้สึกเหมือนกันทั้งสองข้าง                                                                            ผ้าปูที่นอนถูกสองมือน้อยใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวไว้ระบายความกระสันรัญจวน เธอกำและบิดจนมันแทบขาดติดคามือ ร่างน้อยที่เหลือสิ่งปกปิดเพียงช่วงล่างเริ่มส่ายตัวโยกเบาๆ ไปตามแรงปลุกเร้าของเขา “อืม...ดีมากณัฏฐนิช...” ชายหนุ่มให้คำชมสำหรับความร่วมมือเล็กๆ น้อยๆ อย่างคนไม่เจนจัดในเรื่องเพศ นั่นกลับสร้างความพอใจให้เขายิ่งนัก เขารู้ว่าหญิงสาวไม่ได้เสแสร้งเธอกำลังดำดิ่งสู่ด้านมืดของตัวเองและแสดงอาการออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ การขยับส่ายของร่างไร้เดียงสา เสียงครางตอบสนองอย่างพอใจ ร่างกายนุ่มนิ่มที่เกร็งกระสันซ่านมันกระตุ้นให้เขายิ่งอยากจบศึกสวาทครั้งนี้โดยเร็วที่สุด ขณะที่พุ่มอกกำลังถูกจู่โจมอย่างหนัก แต่มันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดแม้แต่น้อยกลับให้ความรู้สึกแปลกๆ สยิวตรงจุดพึงสงวน ทั้งช่องท้องก็บิดเกลียวเสียจนต้องเกร็งด้วยความซาบซ่าน บางครั้งสัมผัสของเขาก็ไม่ได้ดั่งใจจนเธอต้องแอ่นตัวให้เขาครอบครองปรนเปรอได้เต็มที่ แต่บางครั้งก็ถูกจู่โจมเสียจนทนไม่ไหว มันโหยหาอะไรที่มากกว่าไกลว่าแต่ไม่อาจร้องขอได้ จังหวะนั้นเธอจะเบี่ยงตัวหลบริมฝีปากหนาซึ่งคอยไล่ล่าดื่มกินทรวงอกของเธออย่างไม่รู้จักอิ่มเอม อคิราห์กำลังทรมานเธอหรือต้องการเธอกันแน่ ประสบการณ์ที่ผ่านมามันแตกต่างจนไม่สามารถคาดเดา แต่หากเขาหยุดเสียกลางคันเธอคงขาดใจตายเป็นแน่... กางเกงขาสั้นใส่สบายๆ ถูกถอดออกอย่างสบายเช่นกันด้วยความร่วมมือในเชิงถูกชักนำให้คล้อยตามจนแทบไม่รู้ตัว ทว่าบัดนี้แม้แต่แพนตี้ตัวจ้อยก็หายไปจากร่างเธอเสียแล้ว                                                                               อคิราห์จัดการกับเสื้อผ้าตัวเองทั้งที่ยังไม่ละจากภารกิจหลัก เขาไม่อยากให้หญิงสาวขาดช่วง อยากมองเวลาเธอบิดส่ายแอ่นตัวเข้าหาเขาแบบนี้อยู่ตลอดเวลามันเหมือนราวกับว่าทุกการขยับอย่างเนิบนาบนั้นคือการเรียกร้องให้เขาเข้าไปอยู่ในตัวเธอให้เร็วที่สุด มันคือสัญชาตญาณของกันและกัน อีกคนรุกล้ำอีกคนตอบสนอง หน้าท้องน้อยหดเกร็งอีกครั้งเมื่อลิ้นหนาเริ่มลากผ่านและขบกัดเม้มวนเวียนทุกตารางนิ้ว ย้ำวนอยู่ตรงสะดือบุ๋มที่ดูจะน่าเย้าแหย่เหลือเกินสำหรับเขา ความเปียกชื้นดุนดันอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่าจนรู้สึกถึงความปวดแปลบตรงช่องท้อง หญิงสาวขยับสะโพกไปมาไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังต้องการหนีหรือตอบสนองเขากันแน่ รู้แต่ว่าเธออยู่นิ่งไม่ได้มันร้อนรุ่มเหมือนใจจะขาด การเคลื่อนไหวขยับตัวมันช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดในได้ระดับหนึ่งอย่างน้อย...ก็จนกว่าความรู้สึกประหลาดนี้จะได้ถูกปลดปล่อย ลิ้นร้ายยังคงเดินทางต่อเนื่องยังดินแดนเบื้องล่าง จากสะดือบุ๋มล่วงสู่หน้าท้องน้อยลากเรื่อยลงมาถึงเนินสาว จุดสุดท้ายของการเดินทาง เมื่อใบหน้ากร้านฝากฝังลงกลางใจสาว ขาสองข้างก็แยกออกจากกันอย่างรู้งานก่อนจะหนีบเข้าโดยอัตโนมัติด้วยไม่อาจทนต่อสัมผัสไหวหวามยามเรียวลิ้นอุ่นชื้นแหวกวนปอยไหมบาง แล้วสอดแทรกเข้าหาร่องหลืบ  มือสองข้างของอคิราห์ต้องจับตรงโคนขาขาวเนียนนั้นเอาไว้ไม่ให้มันหนีบหัวเขา ค่อยๆ บรรจงใช้ชิวหาฉกชิมไล้ทั่วร่องรัก ความฉ่ำชื้นที่มีอยู่บ้างก่อนหน้าเริ่มมีปริมาณมากขึ้นให้เขาดื่มกินดับกระหาย รสชาติความเป็นอิสตรีที่เขากำลังลิ้มลอง มันหอมหวานสมกับความต้องการของเขา กลีบผกาที่พลิ้วสะบัดตามแรงลิ้นมองดูน่าอภิรมย์ยิ่งนัก ทุกจังหวะการชอนไช ร่างสาวที่นอนราบอยู่สั่นไหวแอ่นโยกด้วยความเสียวซ่าน ทั้งเท้าและมือสองข้างเกร็งขึงจิกผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ไม่เหลือเค้าเดิม “อื้อ...คุณ....” เสียงเรียกชื่อบ่อยครั้งยามเขาใช้ชิวหานั้นอย่างหนักหน่วงและกดเน้นตรงปุ่มสาว สะโพกอวบมักจะแอ่นหยัดขึ้นให้เขาได้โอ้โลมเต็มที่ ณัฏฐนิชคล้อยตามจนหลงลืมความเจ็บแค้นทุกอย่างที่ชายหนุ่มเคยเหยียดหยามสารพัดวิธี             
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม