เขาพอรู้มาว่าค่าเทอมสถานศึกษาแห่งนี้ไม่เบาเลย สำหรับแม่เลี้ยงเดี่ยวทำงานคนเดียวอย่างกุลนิดานับว่าหนักหนาเอาการ ที่ผ่านมาเธอคงไม่สุขสบายนัก
ไรอันโน้มใบหน้าหล่อเหลาสะกดสายตาผู้คนมาจนชิดข้างใบหูนุ่มนิ่ม
“ผมว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันนะครับเกรซี ผมมีทางออกที่ดีให้กับเรื่องของเรา”
กุลนิดาเหยียดยิ้มเอ่ยขึ้นด้วยแววตาคลางแคลง “เราอย่างนั้นหรือคะ ไม่นะ ฉันคิดว่าคุณกำลังพูดผิดแล้ว”
‘เรา’ เขาใช้คำว่าเรา กุลนิดาอยากจะหัวเราะ ถ้าเธอต้องการใช้คำว่า เรา ตอนรู้ตัวว่าท้องคงจะหาทางบอกเขาไปแล้ว คิดว่าหล่อ รวยเป็นหมื่นล้าน ผู้หญิงทุกคนต้องคลานเข่าเข้าหาอย่างนั้นสิ
หล่อแล้วถูกเทมีถมไป เพราะเธอรู้ว่าอินทิราเป็นผู้หญิงคนหนึ่งของไรอัน พ่อบุญทุ่มแบบนี้คงมีผู้หญิงเป็นฮาเร็ม เธอไม่ปรารถนาเป็นผู้หญิงหนึ่งในร้อยของสามี สู้ไม่มีเสียเลยดีกว่า
กุลนิดาเพิ่งสังเกตว่าเขามีบอดี้การ์ดหนุ่มยืนคุ้มกันอยู่ห่างๆ ชายในสูทสีเทาเข้มคนนั้น กุลนิดาเริ่มนึกออกว่าเคยเห็นผู้ชายคนนั้นมาป้วนเปี้ยนแถวบ้านอยู่ช่วงหนึ่ง แสดงว่าพวกเขาวางแผนมาอย่างดี อดกลัวไม่ได้ว่าเขาจะใช้กำลังพรากลูกไปจากเธอ
เพราะไม่อยากให้น้ำอิงตกใจเด็กหญิงเริ่มมองไปมาอย่างสงสัย มือป้อมๆ เอื้อมมาเกาะแขนผู้เป็นแม่ แล้วส่งยิ้มหวานแฉ่งจนเห็นฟันขาว แค่เห็นรอยยิ้มน้อยๆ กุลนิดาบอกตัวเองว่าเธอไม่มีวันให้ใครแย่งน้ำอิงไปจากเธอแน่นอน
“มามี้ขา...คุณลุงใจดีคนนี้ซื้อขนมให้น้ำอิงด้วยค่ะ” เด็กหญิงชูขนมไข่ครกของโปรดให้ผู้เป็นแม่ดู พลางจิ้มหนึ่งชิ้นกำลังจะส่งเข้าปาก
แต่พอเห็นสายตาผู้เป็นแม่มองขนมในมือ เด็กหญิงกลัวจะถูกดุ ไข่นกกระทาฮ้อมหอมที่กำลังส่งเข้าปากถูกเด็กหญิงวางลงอย่างตัดใจ ดวงตากลมโตภายใต้ขนตายาวเรียงกันเป็นแพกระพือขึ้นลง
“มามี้ขา น้ำอิงบอกว่าไม่เอาๆ แต่ทีเชอร์บอกว่ารับขนมจากคุณลุงได้ ไม่เชื่อ มามี้ถามทีเชอร์...” เด็กหญิงตัวน้อยมองหาทีเชอร์พยานในการรับขนมของคนแปลกหน้า แต่ไม่มีทีเชอร์แล้ว
“ทีเชอร์หาย!” เด็กหญิงถลึงตาขึ้นอย่างตกใจเมื่อพยานไม่มี กลัวผู้เป็นแม่บอกให้คืนขนมคุณลุงไป
“ช่างเถอะจ้ะ เรากลับบ้านกันนะน้ำอิง วันนี้มามี้ลาทีเชอร์ประจำชั้น พาน้ำอิงกลับบ้านครึ่งวัน” คำว่าเราควรมีแค่เธอกับลูกเท่านั้น ไม่ใช่ เธอ เขา และลูก
ทันทีที่กุลนิดาจับมือเด็กหญิงแล้วพาเดินไป ไรอันเอื้อมมือไปคว้าข้อมือป้อมๆ ของลูกสาวอีกข้างแล้วยังช่วยถือขนมอีก ความอุ่นๆ จากมือเล็กๆ ที่อยู่ในอุ้งมือเขาไรอันเชื่อว่าสายสัมพันธ์ของสายเลือดแม่นยำชัดเจนกว่าผลวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์เสียอีก น้ำอิงคือลูกสาวของเขา เขาจะไม่ปล่อยให้เธอลำบาก รวมถึงแม่ของลูกก็ลำบากมาพอแล้ว...
“คุณจับมือลูกสาวฉันทำไม ปล่อยมือน้ำอิงนะคะ”
เขาทำแบบนี้ กุลนิดากลัวลูกสับสนเหลือเกินเพราะน้ำอิงเป็นเด็กช่างสงสัย กลับไปถึงบ้านต้องมีคำถามแน่ ดวงตาสีนิลจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง ถ้าคิดจะมาฟ้องสิทธิ์การเลี้ยงดูลูก แม่อย่างเธอต้องชนะอยู่แล้ว ที่ผ่านมา เธอก็ดูแลลูกอย่างดี มีพยานแวดล้อม เอาสิ ไม่กลัวหรอก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าลูก กุลนิดาจึงเลือกพูดอย่างสุภาพ
“คุณไรอัน คุณทำแบบนี้ต้องการอะไรคะ”
ไรอันเผยรอยยิ้มอบอุ่น เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับดวงตาวับวาว
“ผมต้องการเป็นพ่อของลูก อยากจะมาขอใช้สิทธิ์ความเป็นพ่อ ให้ผมช่วยคุณเลี้ยงลูกนะเกรซี”
กุลนิดานิ่งอึ้งคิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดคำนี้ออกมา เมื่อเขาพยายามจะรุกล้ำแบบละมุนละม่อมปราศจากความรุนแรง แล้วเธอจะตอบโต้เขายังไง จะหอบลูกย้ายโรงเรียนหนีก็ไม่ไหว ลงทุนจ่ายค่าเทอมไปจนหมดตัว
เงินซื้อทุกอย่างไม่ได้ ไรอันเพิ่งเข้าใจวันนี้ ผู้หญิงไม่ได้หิวเงินไปเสียทุกราย ถ้าเกรซีต้องการเงิน เธอบอกเขานานแล้วเรื่องคืนนั้น เขามันคนฉลาด เจ้าแผนการอยู่แล้ว ในเมื่อลูกก็อยากได้ แม่ของลูกก็คิดจะเอากลับไป งานนี้คงต้องขนความจริงใจมาเอาชนะสองแม่ลูก
“ถ้าฉันตอบว่าไม่อนุญาตล่ะคะ คุณจะทำยังไง”
“ผมคิดว่าคุณต้องเปลี่ยนใจถ้าได้รู้จักคนอย่างผมดีพอ” เขาพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง เห็นประกายความจริงใจในดวงตาสีฟ้าอย่างประหลาด
แต่กุลนิดาเรียกมันว่าคำขู่ เธอเผลอมองจ้องดวงตาเขาอยู่ยังต้องเบนหลบ
“ฉันอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงค่ะ ไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความเพ้อฝัน ผู้ชายรวยๆ อย่างคุณจะพอใจผู้หญิงธรรมดาอย่างฉันหรือคะ ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันอยู่กับลูกไป จะมาเป็นพ่อให้ลูก ของผู้หญิงจนๆ คนหนึ่งทำไม ทั้งที่คุณแทบจะไม่รู้จักฉันเลย” เธอเชิดหน้าถาม
“รู้ได้ไงว่าผมไม่รู้จักคุณ ผมว่าคุณมีอคตินะเกรซี ผมไม่ได้บอกให้คุณเชื่อผมว่าผมจะเป็นพ่อที่ดีได้ตอนนี้แต่ให้โอกาสผมได้ทำหน้าที่พ่อก่อนสิ แล้วคุณค่อยตัดสินผมตอนนั้นก็ยังไม่สาย”
คำพูดมีเหตุผลของผู้ชายตัวสูงตรงหน้าที่เธอคิดว่าเขาคงเป็นพวกเพลย์บอยไร้หัวใจทำให้กุลนิดาต้องทบทวนใหม่แต่ยังไม่ทันได้คิด มือเรียวบางก็ถูกมือเล็กป้อมสะกิดยิกๆ
“มามี้ขา น้ำอิงเมื่อยแล้วค่ะ คุยอะไรกันอยู่คะ”
ไรอันเป็นฝ่ายพูดขึ้นทันที “ถ้าอย่างนั้นเราไปคุยกันต่อที่บ้านมามี้นะครับ นี่คุณเห็นไหมว่าน้ำอิงเมื่อยแล้ว ยังไม่รีบพาพวกเรากลับบ้านอีก”
เราอีกแล้ว
กุลนิดาถลึงตาใส่คนที่มั่วนิ่มได้เก่งสุดๆ เธอไม่อยากยืนเถียงกับเขาตรงนี้ต่อหน้าลูก และรู้ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องตามเธอไปบ้านจนได้
หรือบางทีเธอควรจะเลิกหนีและหันมาเผชิญหน้ากับความจริง
“ถ้าอย่างนั้นก็ขับรถตามฉันมา น้ำอิงคะ ไปกับมามี้ค่ะ” เธอพูดจบก็จูงมือลูกสาวตรงไปที่รถ ขณะที่ไรอันยิ้มด้วยความพอใจ อย่างน้อยด่านแรกคือการเข้าบ้านสาวก็ผ่านไปได้สวย
ไรอันเอาแต่เพ่งพินิจรูปร่างงดงามของกุลนิดาจนแทบจะลืมรับน้ำที่หญิงสาวยื่นมาตรงหน้า
กุลนิดาบอกกับตัวเองว่าเธอไม่ใช่คนที่ถูกใครชักจูงหว่านล้อมได้ง่าย ถึงเขาจะเป็นผู้ชายที่ดูมีอิทธิพลและทรงเสน่ห์มากก็ตาม หากเลือกเดินหนี พรุ่งนี้ กุลนิดาเชื่อว่าจะเจอไรอันที่โรงเรียนของลูกอีก เธอหนีมาพอแล้ว และไม่คิดจะหนีอีก เส้นผมสีน้ำตาลเข้มของเขา เธอเพิ่งจะเห็นอย่างเต็มตาก็วันนี้เอง ไหนจะดวงตาสีฟ้าที่มองมาแล้วทำให้เธอจิตใจว้าวุ่นได้อย่างประหลาด แต่ไม่นะ หวั่นไหวไม่ได้เด็ดขาด
อีตานี่อาจมีเมียทิ้งไว้ทุกประเทศที่ขยายการลงทุนไปที่นั่น
“ขอบคุณนะครับเกรซีที่อนุญาตให้ผมเข้าบ้านของเราได้”
“ของฉัน ไม่ใช่ ของเรา”
“อ่อ เหรอ” ไรอันอมยิ้มพยายามรักษาระยะห่างอย่างสุภาพ ทว่าสายตาของเขากวาดมองบ้านหลังเล็กไม่ได้หรูหราอะไรนัก แต่เครื่องใช้ทุกชิ้นดูสะอาดสะอ้าน ทุกอย่างจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ ไม่เหมือนบ้านที่มีเด็กเล็กสักนิด
ลูกสาวของเขายังมีระเบียบวินัยอีกต่างหาก นี่เป็นจังหวะดีสำหรับการเจรจา เขาชอบความมีระเบียบและท่าทางไม่ฟุ้งเฟ้อของกุลนิดา เธอเป็นแม่ที่ดีของลูกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้มีเงินหมื่นล้านถ้าไม่รู้จักใช้ก็หมดได้
“รีบพูดธุระของคุณมาแล้วรีบกลับได้แล้วค่ะ อย่าหาว่าฉันไล่ แต่หลังเลิกเรียนน้ำอิงอาบน้ำกินข้าวเสร็จแล้วฉันต้องสอนการบ้านแก”
สิ่งที่กุลนิดาบอกเล่า ไรอันพยักหน้ารับรู้เห็นด้วย เมื่อเห็นกุลนิดานั่งฝั่งตรงข้ามเรียบร้อยแล้ว ไรอันยืดลำตัวขึ้นเขาพร้อมแล้วสำหรับการเปิดประเด็นเจรจา
“เอาละเกรซี งั้นเรามาเริ่มกันเลยครับ ระหว่างเราคืนนั้น ผมรู้เรื่องหมดแล้ว ผมตามหาคุณกับลูกอยู่นานมาก พอจะเจอคุณก็เหมือนรู้ตัวหอบลูกหนี”