อีกด้านของเรือนจำ
ในเวลาพักกลางวันนักโทษชั้นดีทุกคนกำลังพักรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยและนายเชิดก็เช่นกัน
ปุ่บ กินมั๊ย ชายฉกรรจ์วางขนมลงตรงหน้าเชิด..ขอบใจว่ะ กำลังอยากพอดี ว่าจบก็รีบแกะขนมกินอย่างเอร็ดอร่อยจนหมด สักพัก …..ฟื่บ….เขาก็ล้มตัวลงไป ส่วนผู้ต้องขังคนอื่น ๆ ต่างตกใจกับเหตุการณ์นี้ต่างเข้ากันมามุงดูและร้องเรียกผู้คุมกันใหญ่
ผู้คุมครับนายเชิดล้มลงไปน้ำลายฟูมปากครับ ผู้คุมครับ…./เจ้าหน้าที่เรือนจำได้ยินดังนั้นจึงรีบเข้ามา…ไหน ๆ เฮ่ย มาช่วยกัน อย่ามุงนะครับ ถอยออกไปก่อน แจ้งหัวหน้าด้วยนายเชิดมีเหตุผิดปกติ ล้มลงน้ำลายฟูมปาก ประสานรถฉุกเฉินให้ที ทางเรือนจำก็ชุลมุลวุ่นวายกันใหญ่ สักพักใหญ่ก็มีรถฉุกเฉินมารับคนป่วยออกไป
อีกด้านของคนที่ยกหูโทรศัพท์หาใครบางคนเรียบร้อยดีใช่มั๊ย มีใครสงสัยหรือเปล่า..อืมดี..แล้วเราจะได้รู้กันว่ามันเป็นใคร จัดคนของเราคอยคุ้มกันให้ดีที่สุด..อืม..เท่านี้ก่อน..กดวางสาย
……………………………………………
ตัดมาที่บ้านนฤนาทปรีดา
"คุณปรางคะ ทานข้าวเสียหน่อยนะคะ จะได้แข็งแรงเพื่อจะได้รอพบน้องสะใภ้และหลานไงคะ ถ้าคุณท้อแท้คุณจะไม่มีโอกาสได้พบเค้านะ อย่าทำให้น้องชายของคุณผิดหวังซิคะ สู้นะคะ ฉันเอาใจช่วย" อรนภา พยาบาลพิเศษที่พรมแดนจ้างมาดูแลพี่สาวของเพื่อนรักพูดหว่านล้อมอย่างเห็นอกเห็นใจเพราะอยากให้คนป่วยฮึดสู้
"ฉันจะสู้ไปทำไม ในเมื่อน้องชายฉั๊นก็ไม่อยู่แล้วน่ะคุณอร ตาย ๆ ไปซ๊ะก็คงดี คุณอรไปพักเถอะ ฉั๊นจะนอนแล้วรู้สึกเพลียเหลือเกิน" ปรางเอ่ยอย่างหมดอาลัยตายอยาก
"ก็ได้ค่ะ พักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวดิฉันขอไปทำธุระส่วนตัวสักครู่" ว่าแล้วพยาบาลวัยกลางคนก็เดินออกมา
สักพัก เสียงประตูก็ถูกเปิดอีกครั้ง
อ้าวเข้ามาเร็วจังคุณอร ไหนว่าจะไปทำธุระ…. ปรางเอ่ยถามพยาบาลพิเศษด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเพราะเธอเพิ่งจะออกไปไม่นาน
"พี่ปรางครับ..ผมมาเยี่ยม.." ปราบเอ่ยออกมาเบา ๆ แต่แอบสั่น ๆ ในตอนปลาย
"ห๊ะ…ปะ..ปราบ..เธอยังไม่ตายเหรอ หรือว่าเธอเป็น.…" ปรางละล่ำละลักพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง
"ผมยังไม่ตายครับพี่ปรางแต่ผมมีเหตุจำเป็น..พี่ปรางต้องเงียบไว้นะครับพี่ต้องอยู่และหายดีรอรับขวัญหลานสาวนะครับ ตอนนี้ผมกำลังสืบหาความจริงให้ไอ้โง่นั่น แล้วผมก็รู้ว่าดวงใจยังเก็บลูกไว้ครับ ผมมีลูกครับ หลานพี่ปรางไงครับ.." ปราบรีบบอกออกไปเพื่อให้พี่สาวคนเดียวได้คลายใจ
"ฮ๊ะ ละ หลานเหรอ…" ปรางมีรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าที่เหี่ยวย่นแต่ยังมีเค้าสวยอยู่มาก
"ใช่ครับพี่ปราง..เข้มแข็งนะครับ อยู่รอให้ถึงวันที่ผมจะพาครอบครัวของเรามาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตานะครับ" ปราบพูดเสียงสั่นในตอนปลาย
"ดะ..ได้ปราบ..พี่ดีใจ แล้วทำไมถึงตำรวจบอกว่าเธอตายล่ะ.."
"เอาไว้ผมจะอธิบายให้พี่ฟังนะครับ..ผมต้องไปแล้ว..รักษาสุขภาพนะครับ"
"อือ..พี่จะรอนะ รักษาตัวนะปราบอย่าทิ้งพี่ไปอีกคนนะ ฮึ่ก.." ปรางเผลอสะอื้นไห้ด้วยความปรีติยินดีที่รู้ว่าน้องชายคนเดียวยังมีชีวิตอยู่อีกทั้งยังรู้ว่าเธอมีหลาน เป็นหลานสาวเสียด้วย ได้แต่นอนยิ้มคนเดียวแต่มีน้ำใส ๆ ไหลออกทางหางตา
ด้านพยาบาลพิเศษที่กลับมาจากทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เข้ามาในห้องเหมือนเดิม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก (เสียงเคาะประตูอย่างรู้มารยาท) "ขออนุญาตค่ะ ดิฉันมาแล้วค่ะ ขอโทษที่ไปเสียนาน พอดีท้องเสียน่ะค่ะ คุณปรางต้องการอะไรมั๊ยคะ หรือว่าอยากทานอะไร ช่วงนี้อนุญาตให้พอทานได้ค่ะ แล้วก็ออกกำลังกายเพิ่มอีกเล็กน้อยจะได้ช่วยย่อย ฮื่อ ๆ" พยาบาลวัยกลางคนกล่าวอย่างขอลุแกโทษ
"ไม่หรอกค่ะ ไม่ต้องการอะไรแล้ว คุณอรก็พักเถอะค่ะ เหนื่อยกับดิฉันมาทั้งวันแล้ว มากินมานอนกับดิฉันไม่คิดถึงบ้านบ้างเหรอคะ.." ปรางเอ่ยถามอย่างเข้าใจหัวอกคนวัยนี้เพราะเคยผ่านมาก่อน
"คิดถึงซิคะ แต่คนเรามันไม่เท่ากัน อร เอ๊ย ดิฉันต้องทำงานหาส่งหลานเรียนน่ะค่ะ ลำพังแม่เค้าคงไม่พอ.."
"เหรอคะ หลานคุณอรอายุเท่าไรแล้วคะ"
"19 ย่าง 20 ปี แล้วค่ะ กำลังเรียนปีหนึ่งจะขึ้นปีสอง ค่าใช้จ่ายกำลังหนุบหนับเลย ก็เลยต้องช่วยแม่เค้าอีกแรง แม่เค้าเป็นซิงเกิ้ลมัมน่ะค่ะ.."
"ออ…ค่ะ" ปราง อือออเข้าใจและสักพักความรู้สึกของเธอก็วูบดับไป ส่วนอีกคน หลับแล้ว สงสัยวันนี้จะอารมณ์ดี เลี้ยงง่าย ๆ นะคะคุณปราง หายเร็ว ๆ แข็งแรงเร็ว ๆ น๊า พยาบาลวัยกลางคนได้แต่คิดในใจ
ส่วนคนที่ทุกคนเข้าใจว่าได้เสียชีวิตไปแล้วเขาไม่ได้ไปไหนไกล ยังคงวนเวียนอยู่กับทุกคนที่เขารัก โดยเฉพาะคนที่คิดถึงเสมอแต่อยู่ไกลถึงภูเก็ต ระยะทางชั่งห่างไกลเหลือเกิน ความเข้าใจผิดที่รอวันอธิบาย ความผิดที่รอวันให้อภัย แต่จะมีวันนั้นหรือไม่ เขาได้แต่คิดในใจ หวังไว้ลึก ๆ ว่าสักวันต้องมีวันนั้น เขาจะทวงครอบครัวที่อบอุ่นคืนมาอีกครั้งให้จงได้ แต่ตอนนี้ต้องช่วยเพื่อนรักเปิดหน้ากากไอ้คนชั่วโฉดเสียก่อน นี่คือภารกิจหนักอึ้งที่เขาและเพื่อนรักต้องทำมันให้สำเร็จในรุ่นเขาให้จงได้เพราะไม่อยากให้มีปัญหาตามมาเหมือนรุ่นลูก
และครั้งนี้เขาจะให้สติสัมปชัญญะ และหัวใจไตร่ตรองดูให้ถี่ถ้วนไม่ให้บทเรียนครั้งนั้นมาทำร้ายชีวิตเขาได้อีกต่อไป เขาค่อย ๆ ย่องออกมาจากบ้านของพี่สาวด้วยความระมัดระวังเพราะไม่อยากให้ใครเห็น ประกอบกับแม่บ้านสาวใช้ในบ้านคนเก่าแก่ต่างก็แยกย้ายลาออกกันหมดแล้ว คงเหลืออยู่แต่คนใหม่ เป็นคนสวน 1 คน และแม่บ้านอีกสองคน ที่เพื่อนรักของเขาได้จัดหามาให้ ประกอบกับทุกคนจะเชื่อและฟังคำสั่งของเพื่อนรักของเขา จึงไม่เป็นที่สงสัยอะไรมากมายในการที่เพื่อนของเขาและเขาจะเข้าออกบ้านหลังนี้เพราะทุกคนเข้าใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่มาดูแลคนป่วยที่เพื่อนของเขาหามา..