“สภาพฉัน ช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอกค่ะ แต่ไม่ต้องห่วง... ฉันจะพยายามหาทางช่วยเอง”
เพื่อสร้างมิตรภาพ และแสดงน้ำใจให้คนต่างชาติเห็น ถึงเธอไม่สามารถช่วยเขาได้ แต่เมวิกาก็จะหาทางช่วย
“ฉันมีไอ้นี่ ฝากเอาไปขายให้หน่อยได้ไหม?” ชายหนุ่มพยายามสื่อสารให้หล่อนเข้าใจมากที่สุด
เมวิกามองนาฬิกาสีทองยี่ห้อดัง สลับกับมองหน้าเขา นาฬิการุ่นนี้ส่วนมากจะราคาแพง...ผู้ชายตรงหน้าเธอนี่ไม่ธรรมดาเสียแล้ว...
ชายหนุ่มปั้นหน้าใสซื่อ เขาส่งยิ้มให้อีกฝ่ายและพยายามทำตัวน่าสงสาร
“ฉันไม่แน่ใจนะคะว่ามันจะขายได้...” นาฬิกามันหยุดเดิน แล้วเมวิกาก็ดูไม่เป็นเสียด้วยว่ามันคือของแท้ หรือของปลอม แต่เธอจะพยายามช่วย
“ขอบใจนะ” ชายหนุ่มยิ้มแป้น เขารู้ว่ามันขายได้ อาจจะถูกกดราคา แต่รุ่นนี้ใครเห็นก็ต้องรีบตะครุบ เมื่อมันคือรุ่นอันลิมิเต็ด!! ไม่ได้มีเกลื่อนกลาด คนรับซื้อคงตาวาวเพราะฟันกำไรเหนาะๆ
“เห้อ! ฉันต้องไปทำงานแล้วนะคุณ...อยู่แถวนี้ไปก่อนล่ะ นี่เอาไว้ซื้อข้าวกิน ฉันช่วยได้เท่านี้ละ อยู่กับไอ้ตูบไปแล้วกันนะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจ แต่ต้องเข้าใจฉันด้วย” หญิงสาวอธิบายยืดยาว ถึงจะมีน้ำใจ แต่ใครล่ะจะให้คนแปลกหน้าเข้าห้อง เมื่อไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า หากถูกยกเค้าเธอคงไม่มีอะไรเหลือ เพราะฉะนั้นกันไว้ดีกว่าแก้
“ไม่เป็นไร”
ลมเย็นพัดโชย ไม่มีที่นอนนุ่มๆ มีแค่เพิงสังกะสีเก่าๆ คุ้มหัว...ก็ยังดีกว่าออกไปแล้วถูกตามล่า
หญิงสาวหมุนตัวกลับเข้าห้องพัก เธอเดินย้อนกลับมาอีกครั้งกับน้ำขวดหนึ่งในมือแล้วก็หมอนนุ่มๆ ที่หนีบมาในซอกรักแร้ ก่อนจะยื่นให้กับเขา... “เดินออกไปตรงหัวมุม มีร้านตามสั่ง คุณหิวก็ออกไปกินนะ ฉันจะสั่งพี่เขาไว้ให้ เอาสตางค์ที่ฉันให้ไว้แหละจ่าย”
เมวิกาย้อนกลับมา เพราะหากให้เขานั่งอยู่เช่นนั้นมันจะเป็นการใจดำเกินไป เธอเอาน้ำมาให้เขาหนึ่งขวด กับหมอน เขาจะได้รู้สึกดีขึ้น
แวซ็องรู้สึกตื้อๆ ธนบัตรยับๆ ในมือสิ่งที่หล่อนเจียดไว้ให้ น่าจะเป็นน้ำพักน้ำแรงของเธอ แต่ก็สู้อุตส่าห์แบ่งปัน
“เธอชื่ออะไรล่ะ ฉันชื่อ...เซดริก”
ไม่รู้อะไรดลใจ แวซ็องไม่ได้บอกชื่อจริงของตัวเอง เขาเอาชื่อของน้องชายมาใช้...
“เมวิกา เรียกฉันเมก็ได้” หญิงสาวตอบแล้วจึงหมุนตัวเดินจากไป เขาชะเง้อคอมองตามบั้นท้ายตึงๆ ใต้กางเกงผ้ายืดพอดีตัว เห็นเธอกระโจนขึ้นรถมอเตอร์ไซน์รับจ้างหายลับไปกับตา
“ไง...ชื่อตูบเหรอเรา...ฉันว่าไม่เหมาะกับแกนะ เอาเป็นว่า...ฉันตั้งชื่อใหม่ให้แกเอง” ชายหนุ่มทรุดนั่งบนแคร่ เขาลูบหัวสุนัขไร้เจ้าของ เมื่อมันขยับเข้ามาใกล้และกระดิกหางเหมือนกำลังฝากตัว “ชื่ออะไรดีล่ะ...ดีเย่ร์แล้วกัน” เขาหัวเราะลงลูกคอเมื่อตัดชื่อของดิดิเย่ร์มาตั้งชื่อสุนัข หากเจ้าตัวรู้คงแทบกระอัก โลกมันกลมสักวันเถอะ เขาจะพาดีเยร์ตัวนี้ ลัดฟ้าไปหาดิดิเย่ร์ที่ปารีส
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอน เขามองผ่านรอยรั่วของสังกะสี แดดเริ่มส่องและทอดลำแสงลงมา รู้สึกครั่นตัวนอนต่อไม่ได้ เมื่อมีแต่คราบทรายที่เกาะลำตัว ตอนที่ถูกฟาดหัวจนล้มไปคลุกขี้โคลน คงต้องขยับขยายหาทางล้างตัวทำความสะอาดคราบโคลน แต่เขาไม่มีผ้าเปลี่ยนนี่นา เอาไงดีล่ะ
ที่เปลี่ยนเป็นเงินได้ก็คงเจ้านั่น!!
ถึงมันจะเปื้อนคราบโคลนแต่มันคือามาร์นี่เชียวนะ หากเอาไปขายคงได้หลายสตางค์ มากพอที่เขาจะหาเสื้อผ้ามาผลัดเปลี่ยน แทนที่ไอ้ชุดฟิตๆ บนร่างกายนี่สักที แต่ชุมชนแออัดเช่นนี้ใครล่ะจะซื้อ
คงต้องเริ่มต้นที่ร้านขายกับข้าว ตามที่หญิงสาวบอกไว้ ที่นั่นน่าจะมีทางขายได้
แวซ็องตัดสินใจหอบสูทที่พอจะหมาดๆ แต่ก็ยังมีคราบกระด่างกระดำติดอยู่...เดินออกไปตามทิศทางที่เมวิกาชี้บอก
ปากทางค่อนข้างมีคนชุกชุม มีร้านรวงขายอาหาร มีทั้งแผงเล็กและใหญ่จนชายหนุ่มมึน ตกลงร้านไหนล่ะที่เขาควรเข้าไป...ใครบ้างที่จะพอสื่อสารกับเขารู้เรื่อง
สายใจตาโต ฝรั่งที่เมวิกามาฝากฝังไว้หล่อกระชากใจ แค่มองเห็นยังอยากจะเสียตัว ถึงจะไม่มีเงินทองแต่ได้ผัวรูปหล่อเช่นนี้ มันคือแรงใจในการทำงาน หากเขาสนใจเธอ สายใจก็ว่าจะลองทาบ
“ทางนี้คุ๊ณ! ตายล่ะหว่าภาษาประกิตก็ไม่กระดิกหูเล๊ยกู! จะพูดกับเค้ารู้เรื่องไหมล่ะ”
สาววัยรุ่นหุ่นอวบอัดออกไปยืนหน้าร้าน หล่อนโบกไม้โบกมือให้ผู้ชายที่ยืนหมุนไปหมุนมา เขาเข้าข่ายที่เมวิกาฝากฝังไว้ แต่จะสื่อสารกันยังไงล่ะ หล่อนฟังไม่รู้เรื่อง ภาษาต่างชาติไม่กระดิกหู
แวซ็องยิ้มแป้น! เขาเดินข้ามถนนหลังจากรอจนแน่ใจว่าไม่มีรถยนต์วิ่งสวนมา ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาพร้อมกับพยายามพูดภาษาไทยเท่าที่ตัวเองทำได้
“ข้าว ขาย” เขายกมือลูบท้อง ชี้มือไปที่เสื้อผ้าของตัวเองแล้วก็ปั้นน่าเศร้า
“ต๊ายตาย!! หิวข้าว กับอยากขายพวกนี้เหรอ เอาเงินไปทำอะไรล่ะ?” สายใจยิ้มรับ เธอตะแคงหูฟังด้วยความตั้งใจ...และแวซ็องรีบพยักหน้ารับ
“ปล้น...ไม่มีเงิน”
เขาพูดช้าๆ ชัดๆ แม้จะฟังเพี้ยนๆ แต่ก็พอสื่อสารได้
“อ๋อ ได้ๆ เดี๋ยวสายใจขายให้ แต่มานั่งนี่เถอะ หิวข้าวใช่ไหม ไอ้เมมันมาสั่งไว้...รอเดี๋ยวนะไปผัดข้าวให้ก่อน”
สาวใสวัยรุ่น แม่ค้าหน้าหวานรีบฉกเสื้อเปียกๆ กางเกงชุ่มน้ำขึ้นมาสะบัด เธอมองเนื้อผ้าแล้วยิ้มแป้น “น่าจะขายได้ค่ะคุณ...ผ้าอย่างดีเลยนะนี่...ใครสนใจไหม? พี่ฝรั่งเขาเอาเสื้อผ้ามาขาย โดนโจรกระจอกดักปล้นเมื่อคืน สงเคราะห์เขาหน่อย เขาจะได้ไม่เกลียดเมืองไทย เกลียดคนไทย” สายใจเข้าใจพูด หล่อนประกาศเสียงลั่นร้าน ยกเสื้อ กางเกงขึ้นโชว์ และมีคนตาถึงรีบคว้าไว้ เป็นผู้ชายแต่งตัวดี ใส่เสื้อเชิ้ตผูกเนกไท...เขาพลิกกลับไปกลับมา “มันสกปรกนะ ให้ได้เต็มที่2000”
ชายหนุ่มกลอกตา เขาด่ามันในใจ ‘ไอ้หน้าเลือด’ แล้วจึงแสร้งยิ้มจืดๆ พร้อมกับก้มหน้าลง ทำเหมือนกับว่าจำใจขาย ร้อนถึงสายใจต้องออกโรงเอง
“อย่าเขี้ยวนักพี่ชัยทัต! ผ้าแบบนี้ รูปทรงแบบนี้ ฝีมือการตัดเย็บอย่างดี หากพี่ไปซื้อในห้างต้องหลายตังแน่...อย่าทับถมคนตกยากนักสิพี่ เขาเดือดร้อนมานะจ๊ะ...อย่าใจดำนักเลยค่ะ นึกว่าทำบุญ ทำทานเถอะ”
หล่อนหลอกด่าตั้งแต่ประโยคแรก แล้วตบท้ายด้วยการพูดให้ฟังเหมือนกับว่ากำลังยกยอ หนุ่มโสดอายุเยอะเลยทำหน้าพิกล...ก่อนจะอ้อมแอ้มพูดใหม่ “เพิ่มให้อีก2000ก็ได้ เต็มที่แล้วนะสายใจ พี่อยากช่วยนะ เลยเทให้”
แวซ็องเข่นเขี้ยว มันโขกอามานี่ของเขาเสียสะบั้น หั่นแหลก...ขนาดมือสองที่ขายอยู่ในร้านหรู ราคายังแพงหูฉี่ แต่เมื่อกำลังแกล้งจน เขาก็ต้องทำให้เนียน
“เอาไหมพี่ฝรั่ง? หากไม่ เดี๋ยวสายใจรอถามลูกค้าคนอื่นๆ”
แวซ็องรีบพยักหน้ารับ เขายกมือขึ้นเหมือนกำลังไหว้ขอบคุณ
“ชิ! เขี้ยวจริงจริ๊งๆ ดูสิหากเขาไม่เข้าตาจน เขาจะขายไหมล่ะ” หลังรับเงินมาจากชัยทัต สายใจอดไม่ได้ที่จะกระแหนะกระแหน...
“กินข้าวก่อนพี่ฝรั่ง พอไหมแค่นี้...แล้วจะไปไหนต่อล่ะจ้ะ”
จานข้าวผัดมีข้าวกับไข่ ผัดใส่ผักสีเขียว กลิ่นพอใช้ได้และท้องของเขาร้องเตือน มันก็ยังดีกว่ากินน้ำเปล่า
ชายหนุ่มรับสตางค์มาจากสายใจ ยัดใส่กระเป๋ากางเกง ลงมือกินข้าวในจานด้วยความหิว มีสายใจเดินมาคอยเมียงๆ มองๆ อำนวยความสะดวกให้ แถมด้วยรอยยิ้มหวานฉ่ำ จนลูกค้าคนอื่นๆ ตะโกนแซว
“พี่สายใจวันนี้จะเล่นของนอกเหรอ? ไม่เห็นสนใจพวกผมเลย”
หญิงสาวหันขวับ เธอขยับปากด่าแบบไม่มีเสียง “@#%&!” ภาษาบ้านๆ ที่คนโดนด่าสะดุ้ง ถึงไม่มีเสียงแต่อ่านจากการขยับริมฝีปาก มันน่าจะใช่ จึงรีบก้มหน้าหลบ รีบกิน รีบไป ก่อนที่จะโดนหนักกว่านี้