07-ถนนสายเก่า กับเรื่องเล่าบทใหม่

1880 คำ
เช้าวันรุ่งขึ้นเหมยรีบตื่นแต่เช้า เพราะว่านัดกับกวินเอาไว้ว่าจะไปในตัวอำเภอด้วยกัน กวินต้องเอาของไปส่งที่ไปรษณีย์เป็นประจำ วันนี้ยังมีนัดส่งปลาให้กับร้านขายปลาในตัวอำเภอด้วย "ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจังล่ะ" มลเอ่ยถามลูกสาว ปกติเธอไม่เคยเห็นว่าเหมยจะตื่นเช้าแบบนี้สักที ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา แถมวันนี้ยังอาบน้ำแต่งตัวราวกับว่าจะออกไปไหน "ป๊าไม่ได้บอกม๊าเหรอ ว่าเหมยจะไปในเมือง" ลูกสาวหันไปร้องถามผู้เป็นพ่อ เธอบอกกับเล้งตั้งแต่กลับจากบ้านของกวิน ซึ่งเล้งก็ได้อนุญาตเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจึงทำให้เขาลืมบอกกับภรรยา มลเองก็หันไปมองผู้เป็นสามีเพื่อรอคำตอบ เธอรู้ว่าเล้งนั้นมักจะให้ท้ายลูกเสมอ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าครั้งนี้เหมยบอกกับพ่อของเธอจริงหรือเปล่า หรือเพิ่งจะทำมาเป็นบอกตอนเธอถาม "เอ่อ...ป๊ามัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย เลยลืมบอก” “แน่ใจนะ ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะบอกเมื่อกี้ แล้วเนียนว่าบอกแล้ว” มลถามย้ำอีกรอบ เธอไม่ไว้ใจทั้งสามีตัวเอง แล้วก็ลูกสาวตัวดีั่นแหละ สองคนนี้เข้ากันดีอย่างกับปี่กับขลุ่ย ลูกว่าอะไรพ่อก็ว่าอย่างนั้นตลอด “ม๊าอะ ไม่เคยเชื่อใจเหมยเลย” เด็กสาวหันไปทำหน้ามุ้ยใส่แม่ เพราะมลรู้จักลูกสาวดี ตั้งแต่ตอนอยู่ที่กรุงเทพแล้ว อยากไปไหนก็จะบอกกับพ่อตลอด เพราะหากบอกเธอก็มักจะได้รับคำปฏิเสธ หรือไม่ก็ต้องทำงานแลก แต่ถ้าหากขอพ่อ เธอจะได้รับอนุญาตทันทีโดนที่ไม่ต้องทำอะไรแลกเลยสักนิด และแม้ว่ามลจะไม่ชอบวิธีการเลี้ยงลูกของเล้งนัก แต่ก็จำใจยอมมาโดยตลอด เพราะอย่างน้อยเหมยก็ไม่เคยนอกลู่นอกทางให้พ่อแม่ต้องไม่สบายใจ “แล้วจะไปทำอะไรในเมือง ไปยังไง” “เหมยก็อยากไปซื้อของใช้จำเป็นบ้าง อยู่แต่บ้านอุดอู้ ขนมก็ไม่มีให้กิน ร่างกายต้องการน้ำอัดลม พอดีเมื่อวานไปช่วยวินแพ็คของมา วันนี้วินบอกว่าจะเอาของไปส่งที่ไปรษณีย์ตรงหน้าอำเภอ ก็เลยขอวินติดรถไปด้วย ถามพอดีเลยงั้นเหมยขอเงินหน่อยสิ” เด็กสาวว่าพลางแบมือของเนจากคนตรงหน้า พอร็ว่าลูกสาวจะไปกับกวินก็พอเบาใจบ้าง แม้จะไม่ได้เจอกันนานแล้ว แต่ก็เคยสนิทชิดเชื้อกันมาก่อน ทั้งบ้านยังอยู่ติดกันแค่นี้คงไม่มีอะไรให้ต้องห่วง “วินจะส่งของไปไหนเหรอ” เล้งถามพร้อมกับเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์มาควักเงินให้กับลูกสาว แม้ว่าจะวางแผนการเงินเอาไว้คร่าวๆ แต่ก็มีส่วนที่แยกไว้ให้ลกได้ใช้จ่าย เขาไม่อยากทำให้เหมยต้องรู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตที่ตกต่ำกว่าเมื่อก่อน “วินขายปลากัดน่ะป๊า คนซื้อเยอะมากเลยนะ เมื่อวานเหมยไปช่วยวินแพ็คตั้งเกือบ 50 กล่อง แถมวินยังสร้างฟาร์มเพาะเลี้ยงปลากัดตั้งใหญ่โต อ๋อแล้วก็มีพวกพืชน้ำด้วย ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าจะมีคนซื้อ” เหมยเล่าด้วยความตื่นเต้น เมื่อวานตอนที่ไปเห็นฟาร์มปลาเล็กๆ ของวินเธอยังตื่นตาตื่นใจไม่หาย ยิ่งได้ไปแพ็คของก็รู้สึกว่าชอบกิจกรรมนี้มาก จนอยากจะเป็นแม่ค้าออนไลน์อีกคน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะขายอะไรดี เพราะไม่เคยขายของมาก่อน “ปลากัดอะไร เดี๋ยวนี้ยังมีคนสนใจเลี้ยงอยู่อีกเหรอ แล้วส่งปลามันจะไม่ตายก่อนถึงหรือไงกัน” เล้งถามต่อ เขาเองก็ประหลาดใจที่ได้รู้เรื่องนี้เหมือนกัน สมัยหนุ่มๆ เขาเองก็เคยเลี้ยงปลากัด แต่ไม่ได้สนใจอะไรมากก็แค่เลี้ยงตามเพื่อน แต่ด้วยยุคสมัยที่มันเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้ามากขึ้น คนสมัยนี้มองไปทางไหนก็เห็นแต่จะก้มหน้าไถจอโทรศัพท์มือถือกันทั้งนั้น ไม่คิดว่าจะมีกลุ่มคนที่เลี้ยงปลากัดแบบเด็กๆ สมัยก่อนสมัยที่ยังไม่มีโทรศัพท์ให้เล่น “มีหลายสายพันธุ์นะป๊า เท่าที่จำได้จะแยกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ คือเลี้ยงสวยๆ เลี้ยงไว้ดูเล่น กับเลี้ยงไว้กัดแล้วก็พนันแบบตีไก่ เหมยก็ไม่เข้าใจหรอกว่าพนันตีไก่แบบไหน แต่วินบอกมาแบบนี้ โห...เกินเวลานัดแล้ว เหมยไปก่อนนะป๊า เหมยไปก่อนนะม๊า เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังใหม่” หญิงสาวยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วเห็นว่าเลยเวลาที่นัดกับกวินเอาไว้แล้ว เธอจึงได้รีบล่ำลากับพ่อแม่ แล้ววิ่งลงจากบ้าน ตรงไปยังบ้านข้างๆ ทันที เหมยวิ่งมาทันตอนที่กวินขนกล่องพัสดุขึ้นรถจนเสร็จเรียบร้อยพอดี เขาหันมองดูหญิงสาวที่กำลังยืนหอบ เธอสวมกางเกงยีนส์ขายาว กับเสื้อยืดสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบสีขาว สะพายกระเป๋าใบเล็กเข้ากับชุดที่ใส่ “นึกว่าเปลี่ยนใจไม่ไปด้วยกันซะแล้ว” เขาเอ่ยแซวคนตรงหน้า “โทษที....พอดีเราตื่นสายน่ะ แต่จริงๆ วันนี้เราตื่นเช้ากว่าปกติแล้วนะ” กวินยิ้มร่าเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาได้ยินเสียงมลร้องเรียกให้เหมยกินข้าวทุกวัน ถ้าเธอตื่นนอนเวลานั้นเป็นปกติ เขาก็เชื่อคำที่เธอบอกว่าวันนี้ตื่นเช้ากว่าทุกวัน กวินเช็กของที่จะนำไปส่งอีกครั้งเพื่อความรอบคอบ และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้ถอยรถออก เตรียมเดินทาง “จะไปไหนเหรอเหมย” เสียงสมบุญเอ่ยทักเด็กสาวข้างบ้าน เพราะเห็นว่าแต่งตัวสวย แต่ก็ไม่ได้คิดเอะใจว่าเธอจะไปกับลูกชายตัวเอง “หนูจะไปในเมืองกับวินค่ะ” “อ๋อ...ไปส่งปลาน่ะเหรอ ยังไงก็ระวังตัวเอง ใส่แมสด้วย บ้านนอกเราก็ไม่เบาเหมือนกัน ไปไหนก็ต้องระวังตัวเอง สเปรย์แอลกอฮอล์น่ะฉีดเข้า พอลงรถไปกลับขึ้นรถมาก็ฉีดเลย เจลล้างมือก็มี” กวินได้แต่ส่ายศีรษะไปมาเมื่อได้ยินเสียงแม่สั่งเหมย เขาเองก็โดนประจำเวลาจะออกไปนอกบ้าน กว่าจะได้ไปไหน ต้องมาฟังแม่สั่งเรื่องนี้ตั้งหลายนาที “แม่ผมรีบ” เสียงกวินทำให้สมบุญที่กำลังพรรณนายืดยาวต้องหยุดลง เธออยากจะตะโกนด่าสวนไปใจแทบขาด แต่เพราะอยู่ต่อหน้าเหมยเลยทำได้แค่กัดเขี้ยวยิงฟันใส่ลูกชายเท่านั้น “งั้นหนูขอตัวนะคะ สวัสดีค่ะ” เหมยรีบยกมือไหว้ลาสมบุญ แล้วโดดขึ้นรถไปกับกวินทันที “แม่เราขี้บ่นนิดนึงนะ” กวินหันไปบอกกับคนข้างเบาะคนขับ เธอพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มให้คนพูด “ป้าบุญก็น่าจะเป็นห่วงนั่นแหละ แต่เราก็พกมานะเสปรย์น่ะ เห็นข่าวยอดผู้ติดเชื้อแล้วขนลุกเลย ไม่ลดสักทีมีแต่จะเพิ่ม” หญิงสาวว่าพลางดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดตัว “แล้วนี่ตั้งใจจะไปซื้ออะไรเหรอ เราจะได้พาไปถูก” “อืม...พวกของใช้น่ะ โรออน แป้ง แชมพูอะไรพวกนี้ อยากซื้อมาตุนไว้ ร้านค้าอยู่ไกลหมดกะทันหันขึ้นมาเดี๋ยวจะซวย...โหยยย นี่โรงเรียนเหรอทำไมดูดีขึ้นเยอะเลย” เหมยร้องขึ้นเมื่อรถผ่านไปทางโรงเรียนที่เธอเคยเรียน ความเจริญเข้ามาสู่หมู่บ้าน ธุรกิจก็ประโคมกันบริจาคให้กับสาธารณะ ทั้งวัด โรงเรียน จนทำให้สถานที่ดูโอ่อ่าเจริญหูเจริญตาขึ้นมาก “สิบปีแล้วนะเหมย เจริญขึ้นก็ไม่แปลกหรอก” กวินแกล้งว่า “นั่นสิเนอะ เวลาเดินเร็วจนแทบไม่รู้ตัวเลย ตอนนั้นเรายังตัวกะเปี๊ยก วิ่งเล่นมอมแมม เห็นหนองน้ำไม่ได้เลย อยากแต่จะลง วินพาเราขี่จักรยานตากแดดจนตัวดำปี๋” นึกถึงตอนนั้นรู้สึกว่าชีวิตมันไม่เร่งรีบอะไรเลย ตั้งแต่ย้ายเข้ากรุงเทพไป ทุกอย่างมันดูแข่งกับเวลาไปหมด วันที่มีเรียนต้องตื่นแต่เช้า เพราะต้องเผื่อเวลาเดินทางไปโรงเรียน ตอนที่ยังไปโรงเรียนเองไม่ได้ต้องติดรถไปตลาดเช้ากับพ่อทุกวัน เสร็จจากจ่ายตลาดพ่อถึงจะพาไปส่งโรงเรียน เรียนเสร็จก็มานั่งรอพ่อที่หน้าโรงเรียนทุกวัน กลับถึงบ้านก็ไม่ได้ไปไหน ทำการบ้าน อ่านหนังสือ ดูทีวี “แถวนี้แต่ก่อนมีแต่ป่าใช่มั้ย เราจำได้ว่าวินเคยพาเรามาเก็บลูกหวาย” เหมยมองดูลานมันที่นอกกระจกรถ เวลานี้ความเจริญได้กวาดพื้นที่ป่าหายไปหมด กลายเป็นลานปูนกว้างใหญ่สำหรับตากมันสำปะหรังไปแล้ว “ใช่ เจ้าของที่เค้าตาย แล้วก็แบ่งมรดกให้ลูกๆ คนที่ได้ที่ตรงนี้เค้าเลยทำเป็นลานมัน เงินหนาจริงแหละ สร้างไม่ถึงปีเอง จากป่ากลายเป็นลานปูนขนาดนี้” กวินว่าขึ้น ตาก็มองดูถนน เขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับการเปลี่ยนแปลงพวกนี้ เพราะเห็นมันตั้งแต่ตอนถางป่า จนตอนเทปูน ตอนเสร็จสมบูรณ์แล้วก็ยังเคยเอามันมาขายกับแม่ ตลอดทางเหมยดูจะตื่นเต้นกับทุกการเปลี่ยนแปลงของที่นี้ อาจะเป้นเพราะว่าตอนมาเธอเพลียจนไม่ได้สนใจถนนหนทางเท่าไหร่นัก ทำให้ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงพวกนี้ ไม่นานกวินก็ขับรถมาถึงที่หมาย ทั้งสองคนช่วยกันขนกล่องพัสดุจำนวนมากลงจากท้ายรถ เพื่อนำขึ้นไปส่งข้างบนสำนักงาน แม้แต่ไปรษณีย์เหมยก็ยังรู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ตอนเด็กเธอเคยมาส่งของกับย่า ตอนนั้นไปรษณีย์มีแค่ห้องเล็กๆ มีพนักงานไม่กี่คน ตอนนี้เป็นตึกสูงมีสองชั้น พนักงานระรานตาไปหมด “เดี๋ยวส่งของเสร็จเราจะเอาปลาไปส่งที่ร้านขายปลานะ มันจะอยู่ติดกับร้านขายของชำ ร้านนั้นน่ะของราคาถูก ถ้ายังไงเหมยเดินไปเลือกของรอเราก่อนก็ได้ เราน่าจะนานหน่อย” “อ๋อ...ได้” เมื่อพูดคุยตกลงกันเรียบร้อยแล้ว กวินนั่งรอคิวครู่หนึ่งก็ได้ส่งของ แต่ด้วยจำนวนที่มากทำให้ใช้เวลาในการส่งพอสมควร เหมยนั่งรอไปตาก็กวาดมองดูรอบๆ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองได้ย้อนกลับไปตอเป็นเด็กอีกครั้ง ความรู้สึกตอนเข้ากรุงเทพครั้งแรกมันเหมือนกับเธอที่กำลังตื่นตากับบ้านเมืองที่เปลี่ยนไปในตอนนี้ไม่มีผิด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม