แน่ใจ ว่าผมแอบมองหล่อนมานาน อันที่จริงก็ตั้งแต่วันแรกที่ผมย่างกรายเข้ามาอยู่ร่วมบ้านหลังนี้ในฐานะลูกเขย
แม่เดือนอาบน้ำเสร็จแล้ว หล่อนเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพกระโจมอกด้วยผ้าถุง ผมหันมาพอดี ตาถลนมองสองเต้า ทะลักล้นขึ้นมาจากขอบผ้าถุงเพราะนมใหญ่มาก
ผมอุทานในใจ นั่งดื่มกาแฟต่อมาอีกครู่สั้นๆ รู้สึกปวดฉี่จึงเดินเข้ามาในห้องน้ำ เห็นเสื้อซับในลายลูกไม้ของแม่ยายและกางเกงใน ถอดพาดเอาไว้กับราวแขวนข้างผนัง
ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมคว้ากางเกงในของแม่ยายมาสูดดม
“โอ้ว… ซี้ด… ”
ผมสูดกลิ่นจากรอยชื้นเป็นวงจางๆ กลางเป้า กลิ่นผู้หญิงของแม่เดือนหอมมาก ยิ่งสูดดมก็ยิ่งทำเอาแก่นกายของผมคัดแข็งขึ้นเป็นลำ
“อาร์ตจ๋า… แม่ฝากกระเป๋าไปใส่รถด้วยนะ”
เสียงแม่เดือนตะโกนมา ผมสะดุ้ง คลายมือที่กำลังลูบไล้ท่อนเอ็นของตัวเอง ขณะสูดดมกางเกงในของแม่เดือนไปพลาง
“ครับแม่… เดี๋ยวผมจัดการยกไปใส่รถให้ครับ”
ผมรีบตะโกนบอก แขวนกางเกงในของแม่ยายคืนไว้ตรงจุดเดิม ด้วยกลัวว่าแกจะรู้ว่าผมแอบทำบางอย่างน่าอายกับกางเกงในของหล่อน
‘บ้าฉิบ… โรคจิตหรือเปล่าวะเนี่ยตรู’
ผมนึกตำหนิการกระทำของตัวเองเมื่อครู่ รู้ว่าไม่ใช่โรคจิต หากเป็นเพียงแค่ความคิดแปลกๆ ที่วาบขึ้นมาในสมองหื่นๆ ของผม รู้แต่ว่าได้ทำแล้วรู้สึกตื่นเต้นก็เท่านั้น
ในเวลาต่อมา
ผมกับแม่ยายพากันมาถึงรีสอร์ตในตอนบ่าย พอขับรถเข้ามาถึงภายในอาณาบริเวณด้านใน ก็รู้ว่าสถานที่แห่งนี้สวยงามสมราคา ไม่ผิดหวังที่ได้รับการโหวดให้เป็นรีสอร์ตห้าดาว
หลังจากก้าวลงจากรถ เราพากันเดินมาถึงประตูทางเข้าด้านในรีสอร์ตซึ่งมีลักษณะเป็นซุ้มพฤกษาสีเขียวขจี เลื้อยพันขึ้นมาระหว่างเสาซุ้มประตูต้นใหญ่
“ดอกไม้สวยจัง… ”
แม่ยายผมทอดสายตามองประตูทางเข้า มีไม้เลื้อยแผ่พุ่มคลุมใบอยู่เหนือหลังคาที่มุงเอาไว้ด้วยปีกไม้ หากความหนาแน่นของดอกและใบก็ทำให้มองไม่เห็นหลังคาเดิมกันเลยทีเดียว มันถูกแทนที่ด้วยสีเขียวของใบและดอกสีน้ำเงินครามของต้นมอร์นิ่งกลอรี่ ผลิสะพรั่งท่ามกลางรีสอร์ตที่อุดมไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ
“ร่มรื่นมากครับแม่เดือน”
ผมกวาดสายตามองด้วยความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ รอบๆ มีทั้งต้นยาง ต้นปีบ หมาก และปาล์มขนาดใหญ่ อุดมสมบูรณ์ราวกับสวนป่ากลายๆ
“อากาศสดชื่นสุดๆ… ”
แม่เดือนกล่าว ในขณะที่แหงนใบหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ก็เห็นแต่สำแสงที่สาดลอดพุ่มไม้ลงมาลางๆ อีกทั้งต้นเฟิร์นป่าและเฟิร์นก้านดำที่ปลูกขนานไปกับแนวทางเดินแคบๆ เชื่อมต่อระหว่างห้องพักแต่ละหลัง ยิ่งทำให้รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันชื้นเย็น สงบสงัด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใครที่พิสมัยการพักผ่อนในบรรยากาศอิงแอบไปกับธรรมชาติ
“แม่ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมยัยพิมพ์อยากให้แม่มาเห็นที่นี่นักหนา”
ดูท่าทางแม่ยายของผมชื่นชอบที่นี่มาก ผมเปิดท้ายรถให้พนักงานของรีสอร์ตเข้ามาช่วยยกกระเป๋าสัมภาระเข้าไปไว้ในห้องพัก
ผมกับแม่ยายเดินตามเข้ามา ห้องพักหรูหราสมกับที่พิมพ์บอกเอาไว้ แม้เป็นเรือนหลังเดียว แต่ก็มีสองห้องนอนติดกัน พื้นที่ตรงกลางเป็นห้องรับแขก ด้านหลังเป็นสระว่ายน้ำขนาดกำลังดี เหมาะสำหรับการพักผ่อนของครอบครับ
“น่าเสียดายที่ยัยพิมพ์มาไม่ได้… ไม่งั้นคงสนุกกว่านี้”
แม่ยายเอ่ยถึงลูกสาว
“ไม่เป็นไรครับแม่… มากับลูกเขยสองคนก็สนุกได้เหมือนกัน… หรืออาจจะสนุกกว่า”
ผมกล่าวอย่างมีนัยสำคัญ เหลือบมองสบตาแม่ยาย หล่อนหลบสายตาวูบ แต่ผมก็มองเห็นประกายความเร่าร้อนบางอย่าง วูบไหววิววับอยู่เบื้องหลังแววตาของแม่ยาย ผมเข้าใจ… ผู้หญิงม่ายมักจะอ้างว้างว้าเหว่เป็นธรรมดา
ผมคงแซวแรงไปนิด ทำเอาแม่ยายนิ่งเงียบไม่กล้ามองตา ผมรีบวกกลับมาที่บทสนทนาก่อนหน้า พยายามสะกดเก็บอาการหื่นเอาไว้ ก่อนที่จะทำให้แม่ยายกลัว
“ไม่เป็นไรครับแม่เดือน… ถ้าชอบเดี๋ยวคราวหน้ารอให้พิมพ์ว่างผมพามาอีก… ”
หลังจากเอาสัมภาระเข้าห้อง เรานั่งดื่มน้ำเย็นอยู่ในห้องรับแขกครู่สั้นๆ จากนั้นก็พากันออกมาเที่ยว ตามเส้นทางที่ได้จากแผ่นพับโบรชัวร์แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ รีสอร์ต
ผมพาแม่ยายไปเที่ยวสะพานข้ามแม่น้ำแคว เรากินข้าวเที่ยงกันที่นั่น เสร็จแล้วก็พาแม่ยายเดินซื้อของฝาก แม่เดือนซื้อหมวกสานปีกกว้างมาหนึ่งใบ เป็นหมวกสานด้วยใบลาน มีริบบิ้นผ้าสีครีมผูกรอบและติดช่อกุหลาบสีชมพูหวาน
“สวยไหมจ๊ะอาร์ต”
แม่เดือนถาม
“หมวกสวยมากครับ… แต่คนใส่สวยกว่า”
ผมตอบเสียงหวาน ยกโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปให้แม่ยาย ก่อนจะพากันเดินทางต่อไปยังน้ำตกไทรโยคใหญ่และน้ำตกไทรน้อย กระทั่งเย็นก็พากันกลับมาที่รีสอร์ต
“ขอบใจมากนะจ๊ะอาร์ต… อุตส่าห์พาแม่เที่ยวทั้งวัน”
แม่ยายทรุดร่างลงนั่งบนโซฟาหนังสีดำ ตั้งอยู่กลางห้องรับแขก หันมาส่งยิ้มขอบใจ ผมเหลือบมองหน้าแม่เดือน ส่งยิ้มหวานให้… แล้วตอบว่า
“ไม่เหนื่อยหรอกครับ… พิมพ์อุตส่าห์ไว้ใจให้ผมพาแม่เดือนมาเที่ยวทั้งที ผมต้องดูแลแม่เดือนให้ดีที่สุดครับ… ยินดีให้บริการแม่เดือนทุกอย่างที่แม่ต้องการ”
ผมตอบอย่างเอาใจ แม่ยายยิ้มเขิน เอนหลังพิงหมอนอิงลายดอกไม้สีหวานที่วางอยู่บนโซฟา
“แล้วแม่เดือนล่ะครับ เหนื่อยไหมครับ”
ผมชวนคุย ในช่วงเวลาที่ต้องสร้างความคุ้นเคยกันใหม่ น่าแปลกที่การมาด้วยกันสองต่อสองในครั้งนี้ทำให้เราไว้ท่าทีต่อกัน
“ไม่เหนื่อยจ้ะ… แต่เจ็บข้อเท้านิดหน่อย”
แม่เดือนเอื้อมมือมาลูบเท้าตัวเองเบาๆ ทำให้ผมนึกถึงตอนที่แม่เดือนลื่นที่น้ำตก เกือบจะล้มอยู่แล้วเชียว โชคดีที่ผมปรี่เข้าประคองได้ทัน
“ผมช่วยนวดให้ไหมครับ… มีครีมนวดอยู่ในกระเป๋า ผมเอาติดมาด้วย”