EP 12

1188 คำ
“แล้วเรื่องร้าน พ่อจะทำยังไงต่อคะน้าดา” “เมื่อกี้สั่งให้น้าไปหากำนันเอี่ยมแต่เช้า ถ้าให้เดาก็คงจะขายร้านหรือไม่ก็สวนนี้ให้จ้ะ เพราะกำนันเคยมาเสนอราคาแข่งกับเจ้านั้นสองสามครั้งแล้วเหมือนกัน ถ้าเลือกไม่ได้และดูจะสู้อำนาจเงินเขาไม่ได้ ก็คงจะให้คนใหญ่กว่า มีกำลังเยอะกว่าสู้แทน” “แล้วพ่อไม่เสียดายร้านเหรอคะ ถ้าจะต้องขายจริงๆ” พิมพ์ภิษารู้ว่าพ่อจะไม่ขายสวนแล้วย้ายไปอยู่ร้านแน่ๆ เพราะคับแคบ ไม่เป็นส่วนตัว หรือจะไปเช่าบ้านอยู่ยิ่งไม่มีทางใหญ่ ในเมื่อพ่อรักหน้ายิ่ังกว่าอะไรทั้งหมด ลัดดาถอนหายใจหนักๆ ให้กับหนทางต่อสู้ที่มีน้อยเต็มที “บางทีเราก็ต้องปล่อยวางบ้างค่ะคุณไวน์ ถ้าเราสู้ไม่ได้ หรือสู้แล้วเจ็บตัวก็ไม่ควรทำ”   คฑาธรมองแฟ้มตรงหน้า ที่ได้จากเพื่อนรักกับนักสืบ หลังสั่งเลขาให้จ้างไปหาข้อมูลเชิงลึกอย่างเร่งด่วน เพราะอยากรู้ว่า ผู้หญิงที่เขาอยากครอบครอง ข้องเกี่ยวกับตลาดน้ำได้ยังไง เขาจ้องชื่อ นามสกุลของเธอกับผู้คนในบ้านนั้นอยู่นาน ประหนึ่งอยากให้มันละลายหรือเปลี่ยนเป็นอื่นก็ไม่ปาน แต่เมื่อมันไม่อาจจะเปลี่ยนได้ดังใจ เขาเลื่อนแฟ้มทั้งสองออกไป ใช้เท้าหยัดพื้น จนเก้าอี้ราคาเรือนแสนไถลออกห่างขอบโต๊ะทำงานหรูหรา แล้วพาร่างอันสูงใหญ่ก้าวเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าต่างกระจกใสแจ๋ว เหม่อมองออกไปดูวิวทิวทัศน์เมืองหลวง ในยามอาทิตย์ใกล้อัสดงอยู่นิ่งๆ ในหัวก็ครุ่นคิดว่าจะทำยังไงกับเธอดี ‘โลกมันช่างกลมอะไรอย่างนี้’ เขาแค่นยิ้ม ด้วยสีหน้าไม่ได้บ่งบอกว่าปลาบปลื้มใจสักนิด แล้วก็คิดเลยไปว่า จะต้องมอบบทเรียนอะไรให้พวก ‘วัฒนากรณ์’ ดี ถึงจะสาสมกับสิ่งที่ขจรทำไว้กับครอบครัวเขา ในแฟ้มบอกอย่างชัดแจ้ง ว่าขจรกำลังพบเจอกับอะไร จะมีลมหายใจดูโลกอันโหดร้ายไปได้กี่มากน้อย เขารู้ว่ากรรมกำลังตามสนอง มัจจุราชกำลังจะมาเด็ดชีวิตมันไปในไม่ช้าไม่นานนี้ พ่อคงไม่ยินดีที่มันจะมาด่วนตายไปอย่างรวดเร็ว มันดูจะง่ายไป มันได้รับความเจ็บปวดน้อยไป และเขาก็รู้แล้วว่า จะทำยังไงให้พ่อสะใจ ที่ได้เห็นมันเจ็บปวดก่อนลาโลกไป มันจะได้ลิ้มลองรสชาติอันขมขื่นก่อนตาย  เหมือนเขากับพ่อและย่าเคยได้รับมาอย่างแน่นอน เมื่อได้บทสรุปอย่างไม่ลังเล อย่างไม่สนใจอะไรหรือใครแล้ว เขาล้วงมือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดไปหาเพื่อนรัก บอกเรื่องเดิมที่ทำค้างคาเอาไว้เมื่อหลายวันก่อน ได้ยินเสียงเพื่อนถอนหายใจในความไม่ยอมแพ้อย่างชัดเจน เขาไม่คิดจะเอ่ยปากบอกใคร เกี่ยวกับภูมิหลังอันขมขื่นของครอบครัว เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว เขาไม่ชอบให้ใครมายุ่ง “คุณรุณ ช่วยทำ...” อรุณรุ่งผู้เป็นเลขาคู่ใจวัยสี่สิบห้า ถูกเขาโทรหาเป็นรายต่อไป แม้จะนั่งอยู่ใกล้แค่หน้าห้อง แต่เขาไม่มีกะจิตกะใจจะพบหน้าหรือให้ใครเข้าหาเลยด้วยซ้ำ จึงจำเป็นต้องสั่งงานผ่านมือถือ ซึ่งเขามักจะทำบ่อยครั้งกับเลขาที่ทำงานด้วยกันมาเกือบยี่สิบปีแล้ว   พิมพ์ภิษาถอนหายใจหนักๆ ขณะก้าวเดินไปหาลิฟต์ ในหัวครุ่นคิด ว่าถูกเรียกทำไมอีก ใจได้แต่หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องที่ปฏิเสธไปหลายครั้งแล้ว แม้คฑาธรจะยังคงส่งช่อดอกไม้มารบกวนจิตใจเสมอ แต่เธอก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจ เพราะตั้งมั่นในปณิธานของตัวเอง ว่าถ้าชีวิตนี้จะต้องมีผู้ชายสักคนเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ขอยึดเอาความรักเป็นที่ตั้ง เธอฝันอยากมีความสุขในวันแต่งงาน ได้มอบกายให้ชายคนที่รักและเขาก็รักเธอ มีความจริงใจ ไม่ใช่รักในตัวเธอ รักในเนื้อหนังมังสาของเธอแค่นั้น หรือมีแค่ความใคร่ฝังอยู่ในหัวแต่ปราศจากความรัก หญิงสาวเดินไปยังห้องเจ้านายอีกคน ซึ่งไม่ใช่ห้องด้านขวาเหมือนวันก่อน เลขาก็เป็นอีกคนที่ไม่เคยได้พูดคุยด้วย เลย เห็นรอยยิ้มของเลขาขณะเดินไปเปิดประตูห้องให้ โดยไม่พูดอะไร ช่วงขากลมกลึงก้าวไปในห้องอย่างหวาดหวั่น คนนั่งรออยู่ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นหุ้นส่วนใหญ่อีกคน ที่เคยนัดเธอทานข้าวในร้านอาหารหรูหรา เพื่อตกลงต่อรองเกี่ยวกับข้อเสนอ วันนี้เธอไม่รู้ว่าเขานัดมาทำไม หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าจะไม่ใช่ข้อเสนอเดิมๆ เพราะเธอไม่รู้ว่าจะปฏิเสธยังไง ไม่ให้ขุ่นเคือง จนถึงขั้นหาเรื่องไล่เธอออกจากงานที่มีความสำคัญกับเธอยิ่ง เพราะพ่อแม่และน้องๆ ต้องมีค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่ารักษาของพ่อที่มีมากขึ้น “เชิญ!” คฑาธรผายมือให้นั่งลงกับเก้าอี้ ตรงหน้าโต๊ะทำงานอันกว้างใหญ่ ด้วยใบหน้าเคร่งขรึมกว่าครั้งก่อน ที่เธอเคยเห็นมา โดยไม่ต้องใช้เวลาคิดนานให้เปลืองสมอง ‘เขาอาจจะเบื่อหรือขุ่นเคืองกับอาการดื้อดึงไม่ยอมง่ายๆ ก็เป็นได้’ “ขอบคุณค่ะ” พิมพ์ภิษาเอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบา แล้วทรุดกายลงนั่งด้วยท่าทีนอบน้อม ไม่แสดงความเย่อหยิ่งใดๆ ให้เขาเห็นเพียงนิด แม้จะมีเป้าหมายหรือคำตอบให้เขาอยู่แล้วก็ตาม ถ้าเรื่องที่เรียกมาคุยนั้นเป็นเพียงเรื่องเดิมๆ “คุณคงคิดว่าผมจะเรียกมาคุยเรื่องวันนั้นใช่มั้ย” พิมพ์ภิษาไม่ได้เอ่ยอะไรใช้เพียงความเงียบเป็นคำตอบ แล้วนั่งด้วยท่าทีสงบนิ่ง เพื่อรอให้เจ้านายเอ่ยธุระเอง “ใช่! คุณเดาไม่ผิดหรอก เป็นเรื่องเดิมอยู่นั่นเอง แต่ผมคิดว่าคราวนี้คุณจะปฏิเสธข้อเสนอของผมไม่ลง” คฑาธรเอนหลังไปกับพนักเก้าอี้อย่างเคยชิน แม้สีหน้าจะเคร่งขรึมก็ตามที “ทำไมคะ” เขาไม่ตอบ แต่เลื่อนแฟ้มเอกสารตรงหน้าไปให้ ผายมือเชิญให้เปิดอ่านเอง แล้วดันกายกลับไปนั่งเอนหลังกับพนักเก้าอี้ตามเดิม ดวงตาคู่คมก็จ้องมองใบหน้าสวยใส กำลังสนอกสนใจกับภาพ ข้อมูลในแฟ้ม ที่ระบุชัดเจน ว่าเขามีอิทธิพลต่อเธอและคนรอบข้างรวมทั้งคนในตลาดมากน้อยแค่ไหน “คุณคงรู้แล้วว่าผมเป็นใคร มีอำนาจมากน้อยแค่ไหน จะเนรมิตให้ตลาดที่พวกคุณทำมาหากินอยู่หรือไป คุณมีพ่อแม่พี่น้องร่วมสายเลือด มีพี่น้องในชุมชนที่คุณเห็นและผูกพันมาตั้งแต่เกิด”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม