“สวัสดีค่ะน้อง พี่ชื่ออรุณรุ่งนะคะ เป็นเลขาคุณเบียร์ จะมารับน้องค่ะ”
สาวใหญ่รูปร่างผอมบางเอ่ยแนะนำตัวยืดยาว เมื่อหญิงสาวเปิดประตูรับ หลังเสียงออดดัง แล้วก้าวเข้ามาในห้องเมื่อเธอเบี่ยงกายให้ ตามด้วยหนุ่มใหญ่วัยไม่น่าจะหนีกันอีกสองคนก้าวเข้ามาด้วย
“เก็บของเสร็จหมดแล้วใช่มั้ยคะ เราจะได้ไปกันเลย”
เลขาในสูทเรียบร้อยเอ่ยขณะกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง
“ค่ะ”
“งั้นขอกุญแจรถน้องให้พี่ทีนะคะ”
พิมพ์ภิษางงกับคำบอกนั้น และไม่คิดจะทำตามแต่อย่างใด จนสาวใหญ่ดึงชายสูทที่ร่นขึ้น ให้ลงไปอยู่สภาพเดิม ต้องรีบอธิบายต่อด้วยท่าทีรำคาญนิดๆ หรือไม่เธอก็คงจะคิดไปเอง
แต่ปกติแล้วนิสัยการมองคนในแง่ลบนั้น จะอยู่ห่างไกลเธอเสมอๆ
“คุณเบียร์ให้น้องขาย จะได้เอาเงินมาเก็บไว้ เพราะยังไงๆ แกก็จะซื้อคันใหม่ให้อยู่แล้ว ระหว่างนี้น้องจะมีรถไว้ให้ใช้ เดี๋ยวไปถึงคอนโดแล้วมีจะคนเอารูปให้เลือก แต่ตอนนี้เราต้องรีบไปค่ะ เพราะพี่มีงานอื่นอีก”
แม้จากคอนโดที่พิมพ์ภิษาพักอยู่ จะไม่ไกลจากคอนโดของเขา ชนิดคนละฟากเมือง แต่ด้วยสภาพการจราจรในยามใกล้เที่ยงอย่างนี้ ก็กินเวลาเกือบชั่วโมง เมอร์เซเดรส-เบนซ์ป้ายแดง แล่นเข้าไปจอดตรงช่องที่เขียนไว้ว่าผู้บริหาร ใต้อาคารสูงชื่อ ‘Paradise Residence I’ เดาว่าเขาคงเป็นเจ้าของ และคงจะมีอีกไม่ต่ำกว่าสองที่ภายใต้ชื่อนี้เป็นแน่
พิมพ์ภิษาถูกเลขาพาไปขึ้นลิฟต์มีตัวเลขแค่ ‘สี่สิบแปด’ แล้วมีแป้นไม่ปรากฏตัวเลขอะไรเลยไว้หนึ่ง ไม่นานมันก็ดังติ๊ดด้วยการ์ด ที่อรุณรุ่งล้วงออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท
ผู้โดยสารร่วมในลิฟต์ออกคนสุดท้ายตรงชั้นสี่สิบแปด แต่ลิฟต์ยังคงขึ้นไปอีกชั้น พอประตูเปิดออก ก็พบว่ามีห้องโถงเล็กๆ ชุดรับแขกราคาแพงจัดไว้ไม่ห่างจากประตูสักเท่าไหร่
เลขาไม่ได้พาเดินไปทางนั้น แต่หันไปอีกทางมีประตูและต้องใช้การ์ดเสียบเข้าแล้วกดรหัสตาม ประตูไทเทเนียมถึงเปิดออก ภาพปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นอัศจรรย์เกินคำบรรยาย
ไม่บอกก็รู้ว่ามูลค่าห้องชุดนี้ ไม่หนีร้อยล้านหรืออาจจะมากกว่า เพราะมันกินเนื้อที่ทั้งชั้นเลยก็ว่าได้
“ในนี้มีสามห้องนอน แล้วก็มีอะไรมากมาย อีกหน่อยน้องอยู่ๆ ไปก็จะรู้เอง ห้องด้านซ้ายเป็นของน้อง ตรงกลางเป็นห้องคุณเบียร์ อีกห้องส่วนใหญ่จะมีไว้ให้เพื่อนๆ คุณเบียร์มาพัก แต่ไม่บ่อยเท่าไหร่”
“ค่ะ”
พิมพ์ภิษาก้าวเดินตามเลขา พาไปยังห้องนอนอันโอ่อ่าหรูหราของตัวเอง ข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ ถูกบอกกล่าวโดยคนเก่า ไม่นานห้องก็เย็นฉ่ำไปด้วยเครื่องปรับอากาศ
“นอกจากน้องจะมีหน้าที่...”
เลขาละคำนั้นไว้ แล้วหันมามองหน้าเธอ ก่อนจะเดินนำออกมาจากห้องนอน ไปหาห้องครัว มีเครื่องใช้ครบครัน พิมพ์ภิษาเดินตามด้วยท่าทีนอบน้อม
แล้วหันไปมองคนขับรถขนกระเป๋าของเธอไปไว้ในห้องให้ แล้วก็ส่งสัญญาณให้เลขาว่าจะไปรอข้างล่าง ซึ่งได้คำอนุญาตเป็นการพยักหน้าแทน
“น้องยังจะต้องคอยดูแลคุณเบียร์ในเรื่องอาหารการกิน เสื้อผ้า ตลอดจนของใช้อื่นๆ ให้ด้วย ถ้าทำอาหารไม่เป็นก็บอก พี่จะจัดตารางให้ไปเรียน โอเคมั้ยคะ”
“ค่ะ”
“วันนี้พี่จะโอนเงินเดือนเข้าบัญชีให้ห้าหมื่น”
“เงินเดือน...ไม่ใช่สองแสนเหรอคะ”
เพราะจำได้ว่าครั้งสุดท้ายเขาเสนอตัวเลขนี้ ในสัญญาก็ระบุไว้ชัดเจน เธอจำได้ไม่มีวันลืม
และจากคำถามนี้ ส่งให้เลขาหันมามอง แล้วส่งยิ้มที่เด็กสามขวบก็อ่านออก ว่ากำลังดูถูกหรือเย้ยหยันอยู่
“คุณเบียร์ไม่เคยให้เงินเดือนคู่นอนคนไหนเต็มจำนวนในแต่ละเดือน แต่จะให้แค่พอใช้จ่าย แล้วทบไว้ให้ตอนแกเบื่อ ซึ่งพี่บอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ แต่ทุกอย่างที่แกบอกว่าจะให้ ก็จะมาอยู่ตรงหน้าทุกคนในวันนั้น เพราะแกเข็ดกับพวกผู้หญิงใช้เงินไม่รู้จักหน้าหลัง พอจะไปจากกันที แกก็ต้องควักก้อนใหม่ให้ไปตั้งตัวอีก แกเลยเปลี่ยนกฏใหม่ ในสัญญาบอกไว้นะถ้าน้องจะอ่านดีๆ”
พิมพ์ภิษาเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าตู้เย็น ห่างจากเลขามาดเนี้๊ยบสองถึงสามก้าว พร้อมกับพยายามทำใจในท่าทีเหยียดหยันนั้น ว่าเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงที่เอาตัวเข้าแลกความสบายจะต้องเจอให้ได้
“ค่าอาหารในแต่ละเดือนจะจ่ายตามจริง น้องจะต้องส่งบิลให้พี่ทุกครั้ง ถ้าไม่มีบิลก็เบิกไม่ได้”
“ค่ะ”
“อ้อ! พรุ่งนี้จะมีคนไปรับพ่อน้องมาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล น้องจะไปหาก็ได้ หรือจะไปทำอะไรที่ไหนก็ได้ ในระหว่างคุณเบียร์ไปดูงานต่างประเทศ อาทิตย์หน้าถึงจะกลับ นั่นแปลว่างานของน้องจะเริ่มตอนนั้น เดี๋ยวพี่จะแจ้งวันให้รู้อีกทีก็แล้วกัน คุณเบียร์ชอบให้ผู้หญิงของแกอยู่ในห้องรอต้อนรับนะคะ ถ้ามาแล้วไม่เห็นแกจะโกรธมาก”
“ค่ะ”
“น้องมานั่งเลือกรถตรงนี้เลยค่ะ แล้วก็เอาเบอร์บัญชีให้พี่ด้วย จะได้โอนเงินเดือนมาให้ แล้วเงินที่ขายรถน้อง พี่ก็จะโอนมาให้เหมือนกัน คงไม่เกินวันนี้หรือพรุ่งนี้หรอก แต่ทำใจไว้หน่อยนะ สภาพอย่างนั้นคงได้ไม่กี่ตังค์หรอกค่ะ”
“ค่ะ”
พิมพ์ภิษาตามจอมเนี้๊ยบไปทรุดกายลงนั่งชุดรับแขกหลุยส์สีเหลืองทองอร่ามตา จ้องมองมืออันชำนาญการ ควักรูปออกมาจากกระเป๋าสะพายหลายสิบใบ หนึ่งในนั้นถูกมือบางหยิบขึ้นมาแล้วเลือก เมื่อเห็นว่า ‘ออดี้สีขาว’ ตรงกับใจตัวเองแล้ว และไม่ได้มองใบอื่นอีก จากนั้นเลขาก็บอกกล่าวอีกสารพัดเรื่องให้รับรู้อย่างรวดเร็ว ตบท้ายด้วย
“มีคำถามอะไรมั้ยคะ”
“ไม่มีค่ะ”