ตอนไม่ทันได้ตั้งตัว
พิมพ์ภิษาพยายามสกัดกลั้นหยาดหยดใสๆ กำลังไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างเอาไว้ได้อย่างยากลำบาก มานานเกือบชั่วโมงแล้ว นับตั้งแต่ได้สูญเสียสิ่งหวงแหนที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิงไป ‘ให้กับชายที่ไม่ได้รัก’
ผิดแผกจากแผนชีวิตที่ตั้งใจเอาไว้ แม้รู้ว่าวินาทีนี้จะเกิดขึ้น โดยมีเขาเป็นคนหยิบยื่นให้สักแค่ไหน แต่ก็ทำใจเอาไว้รับกับเหตุการณ์นี้ในอาทิตย์หน้า
ไม่ใช่ในค่ำคืนนี้!
ค่ำคืนที่ไม่ได้ตั้งตัว!
ค่ำคืนที่ยังไม่ได้เตรียมใจ!
ชายผ้าห่มผืนหนา ถูกมือบางดึงขึ้นมาซับหยดน้ำตา ที่ไหลรินลงมาอาบจมูกโด่งแต่พองาม เรื่อยเป็นสายลงไปหาหมอนครั้งแล้วครั้งเล่าจนเปียกชุ่ม
ความหนาวเหน็บไม่รู้เกิดจากเครื่องปรับอากาศ หรือเพราะคิดว่าตัวเองกำลังเผชิญความทุกข์อยู่อย่างโดดเดี่ยวกันแน่
แต่มันมีผลส่งให้ขนลุกซู่ขึ้นแทบจะพร้อมกัน ผ้าห่มก็คงไม่อาจจะช่วยได้ เลยค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า ดวงตาคู่เศร้าหมองเหม่อมองหาอะไรสักอย่าง
จะมาห่อหุ้มกายเปล่าเปลือยไว้ ให้พอเดินเข้าไปพึ่งน้ำอุ่นในห้องน้ำได้ แต่ก็ไม่เห็นอะไรร่วงหล่นฝั่งที่เธอกำลังนั่งอยู่เลยแม้แต่ชิ้นเดียว
เหลียวมองไปทางปลายเตียง เห็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวตัวใหญ่ จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากของเขา หญิงสาวนั่งชั่งใจอยู่นาน ว่าระหว่างรวบผ้าห่มห่อหุ้มกายไปแล้วหันหลังให้อีกคน
ที่คงจะไม่มีอะไรปกปิดไว้ กับคว้าเสื้อตัวนั้นมาสวมใส่ อย่างไหนจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เสื้อนั้นคงจะง่าย แต่ให้เกลียดคนเป็นเจ้าของเหลือกำลัง
‘ผ้าห่มเป็นของเธอเหรอไวน์’
และใช่!
ข้าวของในห้องนี้ มีน้อยชิ้นนักจะเป็นของเธอ เมื่อคิดได้ดังนั้น กายอันไร้เรี่ยวแรง จึงโน้มไปคว้าเสื้อมาสวมใส่อย่างเชื่องช้า พอๆ กับการลุกและก้าวเดินจากเตียงไปหาระเบียงห้อง
เพื่อหยิบผ้าเช็ดตัว ก็เชื่องช้าไม่แพ้กัน แม้ใจอยากไปให้ถึง แล้วปิดประตูขังตัวเองไว้อย่างนั้นตลอดไปสักแค่ไหน
แต่กายก็ไม่เอื้ออำนวย เพราะมีความเจ็บแสบแปลบปลาบกับทุกย่างก้าว อานุภาพแห่งความสูญเสียไม่ได้มีแค่ทางใจเท่านั้น แต่มันมีทางกายด้วย เธอเองก็เพิ่งจะรู้ว่ามันเป็นแบบนี้
อดสงสัยไม่ได้ว่าเพื่อนสาว มักจะพลีกายให้อาเสี่ยเงินหนาเรื่อยมานั้น ประสบพบเจอกับความเจ็บปวดแบบเดียวกันบ้างไหม
ไม่! เธอจะไม่เอ่ยถามเพื่อนหรือใคร!
และจะพยายามลืมเหตุการณ์เมื่อครู่ให้หมด จะได้เสียใจน้อยหน่อย เสียน้ำตาน้อยหน่อย แต่มันไม่ง่ายนัก ยิ่งเข้าไปอยู่ในห้องน้ำโอ่อ่ากว้างขวางสะอาดสะอ้าน กายสาวก็หนาวสะท้านเมื่อคิดถึงห้วงเวลานั้น เข่าก็พลอยไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
จนกายผอมบางทรุดลงนั่งกับพื้น ซบหน้ากับขอบอ่างปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมา พร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้นอย่างยากจะหักห้ามเอาไว้ได้
ชายหนุ่มกำลังนอนหงาย มีชายผ้าห่มปกปิดกายช่วงล่างไว้อย่างหมิ่นเหม่ ค่อยๆ ยกแขนขึ้นก่ายหน้าผากอย่างคนครุ่นคิด หูก็รับรู้กระแสเสียงแห่งความเสียใจได้ไม่ยากเย็น
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่คนอย่าง ‘คฑาธร ไวทยาพาณิชย์’ ใช้กำลังกับผู้หญิง และก็เป็นครั้งแรก ที่ได้ยินเสียงร้องไห้จากผู้หญิงที่ผ่านการร่วมรักกับเขามา
เขาอยากหน้าด้านเหมาเอาว่า เสียงที่ได้ยินนั้น มันมาจากความเสกสรรปั้นแต่งของเจ้าหล่อน เพื่อเรียกร้องความสนใจ หรือเรียกให้เขาใจอ่อนเพิ่มค่าตัวให้ แต่ไม่ว่าจะบอกใจให้คิดแบบนั้นยังไง
ก็ยังฟังดูไม่ดีเอาเสียเลย มันไม่เหมือนคนเรียกร้องความสนใจสักนิด แต่เหมือนคนกำลังเสียใจ ประหนึ่งเขาได้ปลิดชีวิตเธอทิ้งไปแล้วก็ไม่ปาน
“เฮ้อ!”
เขาถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะลุกพรวดพราดขึ้น คว้าบ๊อกเซอร์มาสวมใส่ แล้วเดินออกไปจากห้องในทันที เพราะไม่อยากได้ยินเสียงที่จะทำให้เขาใจอ่อน ทำให้เขาต้องพ่ายแพ้ต่อสิ่งที่ตั้งใจจะทำ
อีกครั้งที่พิมพ์ภิษาปฏิเสธการใช้ออดี้ แล้วเดินไปโบกแท็กซี่หน้าคอนโดแทน เมนูสารพัดที่วางแผนไว้ว่าจะทำไปฝากพ่อกับน้าดา ก็พลอยถูกงด
เพราะอยากหนีออกมาจากห้องนั้นให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะตอนมีเขานอนอยู่อีกห้อง หญิงสาวก้มอ่านข้อความจากเพื่อนที่ส่งผ่านไลน์มา แล้วยิ้มบางๆ กับภาพเพื่อนถ่ายร่วมกับ ‘ไอ้เ*******ู’ เขียนกำกับไว้บนรูปนั้น
‘ผู้ชายดีๆ ก็ยังคงมีแค่ในนิยายเท่านั้นล่ะไวน์ มันหาไม่ได้ในชีวิตจริงหรอก หรือถ้าหาได้ ก็ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรซะอีก มองในแง่ดีว่าอย่างน้อยๆ ไวน์ก็ได้นอนกับผู้ชายหนุ่มกว่า หล่อกว่า‘ไอ้เ*******ู’ ของเราไง ทำใจให้สบาย อย่าคิดมาก คิดเสียว่านี่คือการตอบแทนบุญคุณพ่อก็แล้วกัน ไวน์น่ะยังดี ต้องทนแค่ปีเดียว ก็จะได้ทุกอย่างแล้ว แต่เราสิ นอนให้ไอ้แก่เอามาห้าหกปีแล้ว ยังไม่ได้บ้านสักหลังเลย อย่ามคิดมากนะเพื่อน’
ถ้อยคำปลอบใจถูกส่งมาจากแดนไกล มีค่ายิ่งตอนนี้ ตอนที่ไม่รู้จะเอาเรื่องสุมอยู่ในอกไปบอกกล่าวให้ใครร่วมรับรู้ได้ จะมีก็เพียงแค่เพื่อนรักคนเดียวเท่านั้น
ดวงตาคู่สวยเศร้าจ้องมองออกไปนอกถนน เมื่อใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง แล้วรีบควักกระเป๋าสตางค์ออกมา
“พี่จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ”
ส่งให้คนขับชนิดไม่รับเงินทอน เพราะมีรถหลายคันจอดต่อท้ายอยู่ เดินดูแผงขายอาหารตามข้างทางไปเรื่อยๆ คิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไรไปฝากพ่อ ส่วนน้าดานั้นได้ข้าวเหนียวหมูปิ้งสำหรับมื้อเช้าแล้ว เลยเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ เลือกน้ำข้าวกล้องกับน้ำถั่วต่างๆ มาหลายขวด พร้อมแซนด์วิชทูน่าที่พ่อชอบ
พอไปถึงห้องก็เห็นพ่อกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง มีน้าดายืนคอยป้อนมื้อเช้าให้อย่างเอาอกเอาใจ เธอวางของฝากพ่อไว้ตรงหัวเตียง ส่วนของอีกคนยังอยู่ในกระเป๋าสะพาย เพราะไม่อยากให้พ่อเห็นพวกเนื้อต่างๆ จะทำให้อยากกิน ซึ่งมันไม่ค่อยถูกกับโรคนี้สักเท่าไหร่