“แล้วพี่คิดว่า คุณแม่จะยอมตลอดไปหรือ ท่านหลงตาหนึ่งยังกะอะไรดี”
เรื่องนี้เขาทราบว่าหลานชาย ที่เป็นลูกของเขากับอดีตภรรยา เป็นที่ปลาบปลื้มชื่นใจของคุณบุษยาผู้เป็นมารดา
“พี่ใหญ่ทำเหมือนกับว่า บ้านเรานี้มองไม่เห็นความสำคัญของตาหนึ่ง ไม่ได้นะคะ เอาแกไปชั่วคราว ขิมยังพอทนได้ แต่ก็ช่วยเอาแกกลับมา ให้พวกเราช่วยเลี้ยงด้วย ยังไงขิม ก็เป็นอา แล้วคุณแม่ก็เป็นย่า”
เขาเจอเรื่องอึดอัดแบบนี้อีกแล้ว
ทั้งน้องและแม่ก็รักหลาน ทีนี้จะทำยังไง ภรรยาก็หย่าขาดจากกันแล้ว
ไปหาหล่อนนะหรือ ฝันไปเถอะ ว่าคนอย่างสิดาวัน จะใจอ่อน เขารู้จักอุปนิสัยของหล่อนดี ลองตัดสินใจทำอย่างนี้แล้ว หล่อนไม่มีทาง ให้เขาคืนกลับไปสู่ชีวิตหล่อนแน่ แต่ลึกลงไปแล้วนั้น สำหรับเขา
มันยังไม่ลืม และมีความอาวรณ์ สักวันเถอะ พ่อจะดอดไปหา และขอให้รู้ ที่อยู่ด้วยเถอะ ฮึ
เพราะจะยังไงก็ตาม เขาเชื่อว่า ความสัมพันธ์เก่าที่ยังมีอยู่ จะสานต่อให้มันเป็นดังเดิมได้ แต่เวลานี้ ปรไมยคิดด้วยความขุ่นเคือง
พสวีคิดว่าวันหยุดอีกสองวันที่จะถึงนี้ เขาจะแวะไปหาหลาน และทุ่มเทความใส่ใจให้หลานรักคนเดียว กับพี่สาวให้มากที่สุด ในเมื่อสิวันดาไม่มีใคร และเขาก็คงจะหาซื้อรถยนต์เล่นสำหรับเด็ก หรือหุ่นยนต์นำไปฝาก
หลังจากที่สะสางจัดงานเสร็จแล้ว พสวีตัวคนเดียว และเขาจะไปไหนมาไหนก็คล่อง โดย ไม่ต้องนึกคิดเป็นห่วงใคร ที่ไหนอีก เพราะจะว่าไปแล้ว สิ่งที่เป็นทั้งห่วง และบ่วงผูกตัวชายหนุ่มไว้มีเพียงพี่สาวและหลานชายวัยน่ารักเท่านั้น
ช่วงนี้อาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทาง เป็นเพราะพี่สาวเพิ่งเลิกราหย่าขาดกับสามี ว่าจะไม่แล้วเชียว แต่ใจก็นึกตงิดจนได้ ไปถึงใบหน้าของนายโมน ที่ถือว่าเป็นอดีตพี่เขยของเขา คนในตระกูลนี้ทั้งหมด และพสวีคิดว่าเขาจะเลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่เรื่องนี้พสวี ไม่ได้ทักท้วงหรือห้ามปราม เพราะคิดว่า คนเรานั้น เมื่อถึงที่สุดของหมดความอดทน ก็ไม่อาจทัดทาน กับการพังทลาย และสูญเสียเกิดขึ้น พสวีถือเอาเป็นบทเรียน โชคดีที่ตัวเขา ไม่ได้เอาตัวเองลิ้มลอง เล่นกับความรักอีก
“โธ่ความรักนะหรือ?”
เขาเคยรำพึงถึงเรื่องนี้เช่นกัน ใครว่า หัวใจของเขาไม่ได้ปรารถนาความรัก เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนนี่นา
“แล้วพี่จะจัดการยังไงคะ เกี่ยวกับแม่เลี้ยงคนใหม่ของตาหนึ่ง”
ขิมมพัสตร์คนหนึ่งที่ไม่ได้ยกย่องชาดาวี เพราะหล่อนก้าวเข้ามาในชีวิตของพี่ชายของหล่อน นั้นเร็วเกินไป
แค่ตำแหน่งเลขาส่วนตัวของเขาไม่ถึงอาทิตย์ เพราะรักพี่ชายของหล่อน ทั้งๆที่ฐานะของชาดาวีร่ำรวยกว่าหล่อนหลายเท่า
และหล่อนก็พัฒนาก้าวไปไกล ถึงขนาดกล้าค้างอ้างแรมกับปรไมย ซึ่งพี่ชายของหล่อน เขาก็เปรมนะสิ เพราะของชอบเขาแบบนี้นี่
แต่จะว่า ไปนั้น นึกสงสารอดีตพี่สะใภ้ ที่หล่อนไม่ได้รับรู้ในเรื่องนี้เลย
ทำงานอยู่บริษัทเดียวกัน ในเครือเดียวกัน แต่คนละที่ จนกระทั่งทราบเรื่องระแคะระคายหนัก จนเรื่องปูดแดงขึ้นมา วันดีคืนดี พี่สะใภ้คนก่อนที่กลายเป็นอดีต ก็ลุกขึ้นมาท้าพี่ชายของหล่อน ให้หย่าทันที
“วันนี้มีคนมารับตาหนึ่งไปแล้วค่ะ น่าจะเป็นน้องชายของพี่เปิ้ล ขิมเองเพิ่งเห็นครั้งแรก”
โมนพยักหน้าน้องสาวของเขา
และไม่เจอชายหนุ่มผู้นี้บ่อยหรอก น้องชายของอดีตภรรยา แต่เขา ก็ยอมรับว่า พสวีเป็นชายหนุ่มที่จัดว่า มีใบหน้าที่คมคายทั้งสูงสง่า แต่ติดที่ความเย่อหยิ่งจองหอง แต่ว่าเข้ากับโมนได้
เมื่อก่อนนี้นะ แต่วันนี้เห็นจะไม่ได้ล่ะ เพราะว่า เมื่อเจอหน้ากัน ก็แทบจะไม่อยากมองหน้า เขารู้ดี ว่าได้ทำอะไรลงไป ให้พสวีเจ็บปวดใ จ ไม่ต่างไปจากพี่สาว
“อ๋อ นายพสนี่เอง”
“ค่ะ เขาบอกกว่า เขาชื่อ พสวี หน้าตาใช้ได้นี่คะ”
“แล้วเธอสนใจเขาหรือเปล่าล่ะ” พี่ชายถามกลับ
และขิมมพัสตร์เ ก็ลยส่งสายตาเคืองไปยังพี่ชาย
“เที่ยวมายัดเยียดขิม ง่ายๆอย่างนี้ได้ไงคะพี่ชาย เดี๋ยวก็ด่าให้เสียพี่ซะหรอก” แววตาเคืองๆของสาวตาคมมาดนางพญากราดดุไปยังพี่ชาย
และเขากลั้วหัวเราะเล่น ที่แหย่น้องสาวแล้วมันได้ผล
“พี่ก็แหย่เธอเล่นนั่นล่ะ เห็นมันสนุกดี”
“ค่า อย่าให้คุณน้องคิดแหย่เล่นกลับไปบ้างนะคะคุณพี่ จะหนาวไปถึงไขสันหลังเลยทีเดียว”
ขิมมพัสตร์ค่อนว่าพี่ชายกลับไป
แต่รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นสำหรับ โมน เพราะ มันยังดีกว่า เก็บงำความเครียด เอาไว้ บนสีหน้า เพื่อแบกกลับไปหาภรรยาคนใหม่ ที่เขาคิดว่า หล่อนช่างงี่เง่า ไม่ได้เรื่อง และได้ความสักนิด เสียนอกจากความสวย และสติปัญญาหรือ ฮึ ก็มีบ้าง แต่ว่า หล่อนก็ตามไม่ทันเขาหรอก
ผิดไปจากภรรยาคนก่อน ซึ่งคมกริบ เก่งการงาน คล่องแคล่ว ทำให้เขา นั้นตามหล่อนไม่ทัน
และการมีเมียสอง มันก็เป็นชีวิต ที่มีรสชาติไปอีกแบบ คนหนึ่งร้ายอีกคนหงอลง หงอจนแทบจะเรียกว่า ซื่อจนบื้อ นั่นคือ ชาดาวี แต่เขารู้ว่า นั่นเป็นเพราะ หล่อนรักเขา
อะไรล่ะ ที่ทำให้เขาเบื่อ เขากำลังคิดหาสาเหตุเหล่านี้ แต่ทะเลาะด่ากับน้องอย่างนี้ มันก็มีความสุขบ้าง ยังดีกว่าไม่มีใครพูดกับเขา
เขาทะเลาะกับชาดาวีอย่างนี้ คงยากที่จะหันหน้า เข้ามาคุยกัน ไม่เหมือนน้องสาว ที่เขาสามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง แม้จะด่าจะทะเลาะกัน ในบางครั้ง
แต่มัน ก็บ่งความหมาย ถึงความรักที่เติมเต็มในใจของสองพี่น้องที่มีต่อกัน โมนรู้มานานแล้ว ว่าอุปนิสัยของน้องสาวเป็นอย่างไร เขาสามารถ ที่จะคุยกับน้องสาวได้ตลอดเวลา
น้องสาวของเขา บางครั้ง ปากร้าย หล่อนเป็นนางแบบ เป็นดาวในวงการบันเทิง
ในระดับซุปเปอร์สตาร์และกำลังรุ่งโรจน์ และฤทธิ์เดชก็ร้ายสุดเหวี่ยง ในเรื่องวีน
ที่พวกหนังสือพิมพ์ประเภทข่าวซุบซิบ ชอบนำมาวิพากษ์วิจารณ์ และเรื่องนี้ เมื่อถาม ขิมทุกครั้ง ขิมมพัสตร์ก็รู้สึกเฉยๆ
และหล่อนจะบอกกับพี่ชายไปว่า
“สันดานของพวกนักข่าวไงคะ คิดมากทำไมให้เปลืองสมองพี่โมน ถ้าขิมไม่ได้ทำอะไรที่มันเลวร้าย สกปรกอย่างนั้น ที่พวกเขา ชอบขุดนำมาแฉ จ้างเถอะยัยขิม จะไม่เดือดร้อนสักเสี้ยว เพราะถ้าใครคิดชั่วทำเลวไป ก็ขอให้ฝ่ายนั้นรับไปเต็มๆก็แล้วกัน”
ดูปากของหล่อนนี่สิ แม้ตะไกรยังยอมยกธงขาวเรียกพี่เลย
เห็นปากจัดอย่างนี้ แต่เสน่ห์ของหล่อน มีผู้ชายติดพันมากทีเดียว