นันท์นภัสรู้สึกตัวเบา หัวใจดวงน้อยๆ เต้นระรัว ความกระสันซ่านแผ่กระจายไปทุกรูขุมขน เลือดในกายสูบฉีดแรง เธอไม่เคยได้รับจุมพิตแบบนี้มาก่อนเลย จูบของเขาอ่อนโยน ไม่ดุดัน อ่อนหวานเสียจนเธอแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ จุมพิตของเขาไม่เอาแต่ใจ ไม่บดเคล้าปากจนปากเธอร้าวระบม ทุกสิ่งอย่างที่เขาทำในครั้งนี้ทำให้เธอคิดว่า เธอเป็นสิ่งมีค่าสำหรับเขาที่จะต้องทะนุถนอม นันท์นภัสเผลอไผลไปกับจูบอ่อนหวานระคนเรียกร้อง จูบตอบโต้เขาตามอารมณ์ที่คุกรุ่นในกาย
เป็นเวลาชั่วครู่อูโก้จึงถอนจุมพิตที่ความรู้สึกผิดแปลกไปจากทุกครั้งออกห่างปากนุ่ม แต่ยังใช้ลิ้นไล้เลียคลอเคล้าบนกลีบปากสวย จูบแผ่วเบาเป็นการส่งท้าย
“ทำให้ฉันหน่อยสิแคท ฉันอยากให้มันตื่นเต็มที่ในปากของเธอ”
เสียงของเขาดังไม่ห่างกลีบปากนุ่ม คนถูกสั่งหน้าแดงระเรื่อกับคำสั่งเชิงขอร้องของเขา ซึ่งเธอก็พร้อมที่จะทำตามคำขอนั้นระหว่างที่รอคำตองอูโก้ก็อำนวยความสะดวกให้เธอเสร็จสรรพด้วยการถอดกางเกงนอนออกจากร่างกาย เพื่อให้เธอทำในสิ่งที่เขาต้องการ รวมถึงเสื้อนอนของเขาด้วย
“ค่ะ” เสียงหวานตอบรับคำสั่ง นันท์นภัสขยับร่างเปล่าเปลือยของตนมานั่งกลางระหว่างขาของอูโก้ แก้มทั้งสองข้างของเธอร้อนผ่าว เมื่อเห็นความเป็นชายของเขาอวดตัวเป็นท่อนลำ แต่ถึงกระนั้นนันท์นภัสก็เอื้อมมือไปกอบกุมสิ่งเร้าใจไว้ในกำมือ ขยับรูดขึ้นรูดลงหลายครั้ง ก่อนจะโน้มใบหน้าไปยังอวัยวะที่มือของตนทำงานอยู่ครอบครองความเป็นตัวตนเข้าไปในปากเล็กของตน
“อืม” เสียงครางพอใจดังออกมาจากปากของอูโก้ ยามที่กายแกร่งสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนในช่องปากสาว ยิ่งเธอขยับปากเข้าออกอ้าอมแก่นกายชายเขาถึงกับตัวสั่น เปล่งเสียงครางพอใจต่อเนื่อง
นันท์นภัสทำราวกับว่าอวัยวะที่ตนเองกำลังครอบครองอยู่นี้คือไอศกรีม เธอใช้ลิ้นไล้เลียไปรอบๆ ท่อนเนื้อชายจากโคนสู่ปลาย ตวัดสะบัดลิ้นไปบนผิวเนื้อที่ตอบสนองความรู้สึกเต้นเร้าไปมา แล้วยิ่งเน้นดูดกลืนส่วนปลาย ดูดแรงๆ และเน้นหนัก อูโก้ปล่อยลมหายใจร้อนๆ ซ่านกระสันออกมา พร้อมกับเสียงครางห้าวต่ำ
“อา...อืม...ดีมากแคท”
แม้ว่าการปลุกเร้าอารมณ์ทางปากของนันท์นภัสจะไม่เจนจัดเท่าหญิงสาวหลายคนที่เข้าร่วมหลับนอน แต่เธอก็สามารถเรียกลม เรียกเลือดให้ตีกันยุ่งเหยิงก่อนจะหล่อหลอมรวมตัวกันเดือดพล่าน เพลิงพิศวาสกำลังเผาไหม้กายความร้อนประดุจไฟบรรลัยกัลป์สูงจนเกือบทะลุจุดเดือด ความสุขมันล้นปรี่อยู่ปลายกายแกร่งจนเขาแทบอยากจะระเบิดความสุขใส่ปากสาวให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
เมื่อถูกชมเชยนันท์นภัสก็ยิ่งทำให้เขาพอใจมากขึ้น มือเล็กกำแก่นกายใหญ่ขยับขึ้นลงในขณะที่ปากสาวยังคงเม้มดูดส่วนปลายสลับกับตวัดลิ้นรัวเร็ว อูโก้ทั้งเสียวซ่าน ทั้งรู้สึกหวามไหวไปทั่วกาย
“อา...อูวว์” อูโก้พิงศีรษะกับหัวเตียง ดวงตาหลับพริ้มเสมือนเคลิบเคลิ้มกับห้วงอารมณ์ ปากหนาเผยอร้องคราง บางครั้งก็สูดปากสูดคอเรียกอากาศเข้าไปในปอด ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาระบายความรุ่มร้อนในกาย
ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งวางอยู่บนกลุ่มผมนุ่มลื่นของเธอ ลูบไปมายิ่งเธอครอบครองขยับปากขึ้นลงเขาก็ยิ่งขยุ้มเส้นผมของเธอ พลางส่งเสียงครางไม่หยุดปากที่มาพร้อมกับเสียงซี้ดซ้าดเช่นเดิม ส่วนอีกมือหนึ่งก็เอื้อมมาบีบคลึงเต้าทรวงอวบอัดนวดเฟ้นและขยำ ยอดถันก็ถูกปลายนิ้วขยี้ บางครั้งก็จับมันหมุน ใช่ว่าเขาจะปลุกระดมความปรารถนาในร่างสาวเพียงแค่ทรวงอก มือใหญ่เลื่อนไปยังใจกลางร่างหญิง ใช้ปลายนิ้วบดบี้จุดอ่อนไหวของสตรี เร็วบ้างผ่อนเป็นช้าบางแต่สร้างความรัญจวนให้นันท์นภัสอย่างมากมาย
“อา...” ด้วยความกระสันซ่านที่เข้าสู่กาย ปากสาวละห่างจากกายแกร่งเล็กน้อยเพื่อระบายเสียงครางและแรงสั่นก็สะเทือนไปทั้งกาย ความร้อนในร่างก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย แต่ทว่ามือและปากรวมทั้งลิ้นของตนก็ไม่หยุดสร้างความกระสันให้กับชายที่ตนรัก ปากบางเม้มส่วนปลายก่อนจะใช้ปลายลิ้นตวัดไล้ไปรอบๆ จากบนสู่ล่างแล้วกลับขึ้นสู่ด้านบน ก่อนจะครอบครองด้วยปากอีกรอบ
“พอแล้วแคท” เขาเอ่ยบอกสาวร่างเล็กเสียงสั่น ดึงรั้งร่างเธอให้ใบหน้าสาวออกห่างความเป็นตัวตนที่เวลานี้อวดความใหญ่โตเต็มพิกัด “ทำให้ฉันด้วย”
เขาสั่งเธออีกรอบ และครั้งนี้นันท์นภัสก็รู้ความหมายนั้นว่าอูโก้ปรารถนาให้ทำสิ่งใด เธอยิ้มให้ชายตรงหน้าเป็นคำตอบ แต่ก็ยังไม่ได้ทำตามที่เขาบอกในเวลานี้ เธอโน้มใบหน้าลงต่ำ ละเมียดลิ้นไปตามหน้าท้องแข็งแรงเป็นลอนคลื่นของเขา ลากลิ้นตวัดขึ้นสูงไปจนถึงทรวงอกกำยำ ใช้ปลายลิ้นละเลงบนยอดอกของอูโก้พร้อมกับดูดเม้ม ในขณะที่มือเล็กกอบกุมความใหญ่โต ขยับรูดขึ้นรูดลงไปด้วย อูโก้ถึงกับครางสั่น เนื้อตัวเร่าร้อนมีเพลิงไฟลามเลีย
และแล้วช่วงเวลาสำคัญของทั้งคู่ก็เดินทางมาถึง นันท์นภัสยืดตัวขึ้นสูงขึ้นคร่อมร่างชาย ก่อนจะค่อยๆ หย่อนบั้นท้ายให้ความเป็นอิสตรีครอบครองความเป็นบุรุษ กลืนกินหายเข้าไปในร่างของตน
“อา...อืม” ฝ่ายหญิงครางรับความสยิวกับท่อนเนื้อใหญ่ที่ลุกล้ำ
“โอ้วววว...ร้อนดีจัง” ความร้อนในกายเธอสร้างความเสียวสยิวให้กับเขามากจนต้องระบายออกมา “ขยับเลยแคท ขยับเลย”
นันท์นภัสทำตามที่เขาบอกทันที เธอยกลำตัวขึ้นสูงก่อนจะกระแทกกายลงมาในจังหวะเนิบช้า ขยับเสยร่างกายให้แนบชิดกับลำตัวหนา แล้วยกตัวขึ้นลงใหม่โดยเร่งแรงรักขึ้นทุกขณะที่เคลื่อนไหว วางมือลงบนบ่าแข็งแรงเพื่อเป็นหลักยึดในการโยกคลอน
“อา...อืม...คุณอูโก้”
แม้ว่าตนเองจะเป็นฝ่ายคุมเกม แต่ทุกอณูในร่างเต็มไปด้วยความสยิว เพราะตอนนี้ปากของอูโก้ครอบงับปทุมถันทั้งสองข้างที่สลับกันไปมาทั้งซ้ายขวา แล้วยังมีมือใหญ่ประคองบีบบงกชไปด้วย ระดับความปรารถนาลุกโชนเสมือนกับความเสียวกระสันที่ทวีมากตามยิ่งเสียวมากเท่าไรนันท์นภัสก็โยกไหวร่างกายดุเดือดมากเท่านั้น
“โอ้ววว...แคท...อา...อูวว์”
อูโก้คายสิ่งที่เขาดูดกลืนเพื่อปลดปล่อยเสียงคราง จากนั้นก็ลงมือละเลงลิ้นบนยอดถันสีสวยต่อไป ผลัดกับดูดดื่มราวกับเขาเป็นเด็กเล็กหิวโหยน้ำนมมารดา
นันท์นภัสเอนตัวไปทางด้านหลัง ฝ่ามือทั้งสองข้างเปลี่ยนมาเท้าวางลงบนที่นอนกลางระหว่างขาของอูโก้ ก่อนจะยกร่างขยับเร่งเครื่องต่อเนื่อง เสียงครางของทั้งคู่ดังประสานไปพร้อมกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อ
“อืม...คุณอูโก้...อา”
“ดีมากแคท อย่างนั้นแหละ โยกอย่างนั้น...ดี...อา”
ชายหนุ่มเอ่ยชมสาวหัวไวที่ค่อยๆ เรียนรู้เกมกามารมณ์ที่เขาสอน สองมือใหญ่ยังคงกอบกุมบีบกระชับเต้าทรวงอวบที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะ เขาอดใจไม่ไหวที่จะเลื่อนปากไปอ้าอมยอดถันที่ล่อตาล่อใจและล่อปากให้เชยชิม แต่ละมือทั้งสองข้างมาจับเอวเล็ก กระชั้นกายอัดสวนความเป็นอิสตรีที่กระทั้นกระแทกจังหวะลงมา
ความเสียวสะท้านสุดหัวใจจึงเกิดขึ้นกับนันท์นภัสอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เฉกเช่นเดียวกับความสุขที่วิ่งใส่ร่างสาวอย่างจัง ภายในร่างสาวตอบสนองความเกษมสันต์จากเกมสวาทในครั้งนี้ เต้นเร่าตอดขมิบแก่นกายใหญ่ที่เวลานี้เดินเครื่องเต็มสูบ กระชั้นเข้าสู้ห้วงเสน่หาล้ำลึก
“อา...คุณอูโก้...อา...อืม”
เมื่อความสุขมาเยือน ความเสียวก็วิ่งมาตามเสียงกรีดร้องเบาๆ รับความสุขก็ดังขึ้นพร้อมกัน แต่ทว่าความกระสันยังไม่หมดไปเนื่องจากอูโก้ยังคงเร่งซอยจังหวะต่อเนื่อง จับเอวคอดเล็กไว้มั่นยกขึ้นสูงแล้วกระแทกลงมาพร้อมกับอัดกายใหญ่สวนใส่
“โอ้วววว...เยี่ยม เธอรัดฉันแน่นมาก”
อูโก้ดันร่างเล็กให้นอนลงบนที่นอน ส่วนตัวเขาขยับขึ้นคร่อมเพื่อให้ตัวเขาเร่งเร้าซอยถี่ได้มากกว่าเดิม แน่นอนที่ว่ามันจะต้องเป็นการเดินเครื่องเต็มสูบที่ดุเดือดและเต็มไปด้วยความรุนแรงตามอารมณ์ของฝ่ายชายที่เวลานี้กำลังทะลุองศาเดือด
ร่างของนันท์นภัสถูกจับให้อยู่ในท่านอนตะแคง อูโก้เอนกายตามซ้อนแผ่นหลังชื้นเหงื่อของเธอ ยกเรียวขาด้านบนของเธอขึ้นสูง มือใหญ่จับข้อพับเข่าข้างนั้นของเธอไว้ก่อนจะดันให้มาแนบชิดกับข้างลำตัวของเธอ จากนั้นก็เริ่มต้นขยับจังหวะการสอดใส่อีกครั้ง กระแทกกระทั้นรุนแรงเข้าสุดออกสุด
“คะ...คุณอูโก้...อา...อืม...คุณอูโก้”
เธอครางไม่หยุดหย่อน ร่างกายสั่นสะเทือนไปตามแรงรักที่สาดใส่ราวกับพายุ ความสุขสมวิ่งเข้าใส่เธออีกครั้งแต่เขาไม่มีทีท่าว่าจะถึงที่หมาย ถาโถมใส่ร่างเธอประดุจพายุบ้าคลั่ง
“อูวว์...สุดยอดแคท...ร้อนดีจัง...อา”
ช่องทางรักที่ตอดรัดแก่นกายใหญ่มันมากเหลือเกิน ยิ่งเธอเสร็จสมอารมณ์หมายแรงขมิบภายในถ้ำสวาทยิ่งเพิ่มมากขึ้น อูโก้รู้สึกดี รู้สึกเยี่ยมยอดและกระหายที่จะกระโจนจ้วงล้วงลึก
อูโก้พลิกกายลงนอนหงายโดยรั้งร่างสาวให้นอนตามร่างมาด้วย ส่งผลให้เวลานี้เธอนอนบนตัวของเขา ศีรษะสาวอยู่ตรงบ่าแกร่ง เรียวขาเพรียวสวยตั้งฉากบนที่นอนข้างบั้นท้ายของอูโก้ทำให้สะโพกของเธอยกขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้การขยับเอวสอบกระชั้นใส่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
“อืม...อา...อา...คุณอูโก้”
แม้ว่าเธอจะอยู่เหนือร่างหนาแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคกับการบรรเลงเพลงสวาท เขายังคงขยับซอยแก่นกานชายเข้าสู่คูหาสวรรค์ที่เปิดรับความเร่าร้อนและหนักหน่วง
อูโก้เดินเครื่องเต็มกำลังเสมือนเครื่องยนต์ที่เร่งความเร็วเต็มที่ เร่งขับเคลื่อนเพื่อไปให้ถึงฝั่งฝัน มือใหญ่จับทรวงอกสาวแล้วเคล้นคลึงเมามัน ปลายทางแห่งความสุขเปิดรับเขาอยู่ไม่ไกล
“โอ้...พระเจ้า...อูวว์...อา”
เสียงของเขาเหมือนกับว่ากำลังทรมานแต่ก็ยังมีความสุขรวมอยู่ด้วย อูโก้ยังคงเร่งจังหวะต่อไปไม่นานนักเขาก็ไขว้คว้าแตะขอบสวรรค์ได้สำเร็จ
เวลาผ่านไปชั่วครู่หลังจากที่อูโก้ปรับสภาพลมหายใจเป็นปกติ มือใหญ่ก็ดันร่างเล็กลงไปจากตัวของเขา แล้วขยับตัวลุกขึ้นนั่งสวมเสื้อตามด้วยกางเกงนอน หันมามองร่างสวยที่นอนระโรยแรงเพียงนิดก็หันมาหยิบกล่องกำมะหยี่ที่วางอยู่บนตู้หัวเตียง เปิดมันออกหยิบสร้อยคอพร้อมจี้ออกมา
“แคทลุกขึ้น” เขาสั่งเสียงเข้ม น้ำเสียงต่างกับก่อนหน้านี้
“ค่ะคุณอูโก้” เธอลุกขึ้นนั่งตามที่เขาบอก คว้าผ้าห่มมาปิดกาย แต่เขาก็กระชากมันออก
“ทำไมต้องปิด ฉันเห็นไปถึงไหนๆ แล้ว”
เสียงของเขาคล้ายกับเยาะเย้ยถากถาง ยิ่งสายตาของเขาด้วยแล้ว มันทำให้คนถูกมองรู้สึกว่าตนเองเป็นสิ่งของไม่มีค่า ไร้ราคาก็มิปาน
“ฉันมีอะไรจะให้เธอ” อูโก้พูดพร้อมกับชูของที่จะให้ตรงหน้าเธอ “มันเป็นสร้อยที่แสดงความเป็นเจ้าของ ก็เหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่ต้องมีปลอกคอไงล่ะ”
พูดจบอูโก้ก็สวมใส่คอระหงของนันท์นภัสที่ตกใจนิ่งอึ้งไปกับคำพูดของเขา สมองของเธอคล้ายจะหยุดทำงาน ตกตะลึงกับคำว่า สัตว์เลี้ยงที่ดังออกจากปากของชายหนุ่มที่ตนรักสุดหัวใจ ความเสียใจปะทุเดือดในความรู้สึก ความน้อยเนื้อต่ำใจผุดขึ้นทุกอณูในจิตใจ เธอไม่มีค่าใดๆ กับเขาเลย ช่างเป็นการเปรียบเทียบที่เจ็บปวดหัวใจมากที่สุดก็ว่าได้ แน่นอนที่น้ำตาจะหยดไหลลงมาเคลียแก้มคำพูดของเขาเสมือนมีดกรีดใจเธอ
“คุณอูโก้” เธอเอ่ยชื่อเขาเสียงเบา
“จะเรียกหาสวรรค์วิมานอะไรแม่แมวไร้ถิ่นสัตว์เลี้ยงของฉัน” เป็นอีกถ้อยคำนึ่งที่สร้างความร้าวรานใจให้กับนันท์นภัส “จำใส่หัวของเธอเอาไว้ด้วยว่า ฉันเป็นเจ้าของร่างกายของเธอ ถ้าหากฉันเห็นว่าเธอสนิทกับไอ้แจ็คกี้เกินพอดีล่ะก็ ฉันจะสงเคราะห์ความร่านของเธอให้หนำใจจากนั้นก็จะพาเธอไปส่งซ่อง ให้ผู้ชายสนองความร่านของเธอจนเธอกระอักอยู่อย่างไม่เป็นผู้เป็นคน เวลาจะทำอะไรกรุณาใช้สมองกลวงๆ ของเธอคิดให้ดีนะว่า สิ่งที่เธอทำมันส่งผลกระทบอะไรกับตัวเองบ้างเพราะไม่มีใครช่วยเธอได้...ไม่มี”
อูโก้ทิ้งประโยคทิ่มแทงหัวใจดวงน้อยๆ ของแมวพลัดถิ่นจบ เขาก็เดินจากเธอไปอย่างไม่แยแสเธอเลยแม้แต่น้อย ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาของเจ้าของห้องมองตามร่างสูงใหญ่ที่เดินจากไปด้วยความรู้สึกที่ยากเกินจะประมาณว่าความเสียใจมันมากเพียงไร
“ฮือ...ฮือ” นันท์นภัสนั่งกอดเข่าร้องไห้ตัวโยน เสียงสะอื้นดังไม่ขาดสาย น้ำตาไหลพรากราวกับเขื่อนแตกระบายความเสียใจ น้อยใจ อดสูในตัวเอง
หญิงสาวไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนเองถึงต้องทน ทนกับชายใจร้ายใจดำ ชายหนุ่มที่ไม่เห็นคุณค่าในตัวเธอ ทนให้เขาเหยียบย่ำเธออยู่ใต้ฝ่าเท้าบดขยี้ให้จมดิน เธอจะบอกเรื่องนี้ให้ซัคคาร์โด้กับมากาเร็ตรับรู้เรื่องนี้ก็ได้ แต่คำขู่ของอูโก้ก็วนเวียนอยู่ในสมองและก็กลัวว่าเขาจะถูกบิดามารดาตำหนิถึงขั้นทะเลาะกันใหญ่โต นันท์นภัสจะมองเห็นครอบครัวผู้มีพระคุณบาดหมางกันได้หรือ
ไม่มีทาง...เธอทำไม่ได้แน่นอน
การที่เธอจำต้องทนเป็นเพราะไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี จะไปจากที่นี่ก็มีเรื่องเหนี่ยวจิตใจของตนไว้ ไม่ว่าจะเป็นความรักที่มั่นคงที่มีต่ออูโก้ แม้ว่าเขาจะทำร้ายตนทั้งกายและใจมากเพียงใดก็ตาม ไหนจะบุญคุณของตระกูลนี้ที่เธอจะต้องชดใช้และไม่มีวันลืม ครั้นจะกลับเมืองไทย บ้านเกิดเมืองนอน ที่นั่นก็ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้เธอกลับไปหา อีกทั้งเธอก็ไม่แน่ใจในความปลอดภัย เพราะรู้ดีว่ามีบางสิ่งบางอย่างรอตนอยู่หากกลับไปเหยียบแผ่นดินเกิดอีกครั้ง
คงจะมีหนทางเดียวในเวลานี้ที่นันท์นภัสจะทำได้ นั่นคืออดทนและอดทน แต่ก็ไม่รู้ว่าความอดทนของเธอจะสิ้นสุดลงเมื่อไรหรืออาจจะไม่มีวันนั้น ตราบใดที่หัวใจของหญิงสาวมีเพียงอูโก้ ตราบนั้นชีวิตของนันท์นภัสก็จะย่ำเดินอยู่บนเส้นทางชีวิตที่โรยด้วยหนามแหลมคม รับรู้ได้เพียงความเจ็บปวดไปตลอดทาง