เพราะจ้อยช่วยท่านขุดดินอยู่ทุกวัน เพียงวางร่างของท่านลงในดิน กลบฝัง ส่งท่านกลับสู่ดินก็พอ อย่ามีพิธีรีตองอะไรมากมาย ไม่ต้องสรรหานิมนต์พระวัดอื่นมาสวด ทำตามที่ท่านสั่งเสียไว้ในกระดาษแผ่นนี้ก็พอแล้ว
สุมิตรายกมือเช็ดน้ำตา มองรสิตาแล้วก็คิดว่าต้องรอให้เธอคลายความเสียใจค่อยบอกเรื่องคำสั่งเสีย
คิดแล้วก็หันหลังจะออกไปคุยเรื่องการเคลื่อนย้ายศพกับทางโรงพยาบาล
ทว่าเธอกลับเผชิญหน้ากับใครคนหนึ่ง
ใคร... ที่ทำให้เธอยืนตัวแข็ง เบิกตาโต
แทบจะล้มทั้งยืน!
พิธีศพเป็นไปอย่างเรียบง่ายตามคำสั่งเสียของหลวงตา สุมิตราเห็นรสิตากำลังเสียใจและดูเหมือนจะสงสัยเหมือนกันว่าลูซิโอโผล่หัวมาที่นี่ได้อย่างไร หญิงสาวจึงตัดเรื่องที่ว่ารสิตาผิดคำพูดไป
เมื่อสามเดือนก่อน... สุมิตราตื่นมาในอ้อมแขนกำยำของดาราหนุ่ม เธอเปลือยเปล่า หายเมา และรีบสวมเสื้อผ้าหนีออกมาโดยลืมหน้ากากขนนกเสียสนิท เธอกลับไปนั่งตัวสั่นในห้องพักของตัวเอง เจ็บแปลบไปทั่วร่างโดยเฉพาะ...ตรงนั้น...หญิงสาวตั้งสติได้ตอนสาย เธอไม่ได้เสียดายพรหมจรรย์ เพราะหากไม่โกหกตัวเอง มันก็คือเซ็กส์ครั้งแรกที่ดีสุดยอดของเธอ
แต่เธออยู่เที่ยวต่อตามคำชวนของรสิตาไม่ได้แล้ว การได้เห็นหน้าลูซิโออีกครั้งอาจทำให้เธอกระอักกระอ่วน อาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ เนื้อตัวรุ่มร้อนด้วยความต้องการ ไม่ได้! เขาอันตรายต่อร่างกายและหัวใจของเธอเกินไป และตัวเขาเองคงคิดสนุกกับเธอแค่คืนเดียวเหมือนผู้ชายเกือบทุกคนบนโลกที่เห็นผู้หญิงเป็นแค่ที่บำบัดความใคร่เธอจะไม่ทำตัวไร้ค่าเหมือนคืนนั้นอีก
แค่คืนเดียวก็เกินพอ
หากอยู่ต่อ เธอคงหลงเสน่ห์เขาหัวปักหัวปำ และเจ็บปวดใจแทบขาดเพราะเขาหมางเมิน
สุมิตรารีบเก็บของกลับเมืองไทย โดยไม่คิดเลยว่ารสิตาจะส่งข่าวมาว่าลูซิโอเล่าเรื่อง ‘สาวชุดแดง’ ให้อัลเบอร์โตฟังเพื่อสอบถามเจ้าบ่าวให้ได้ความว่าเธอคือใคร ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน! สุมิตราไม่เข้าใจว่าเขาจะตามหาเธอทำไม ได้แต่ขอร้องรสิตาให้เก็บเรื่องของเธอไว้เป็นความลับ เธอไม่ควรพบลูซิโออีก
เธอกลัวเขา...
แต่ตอนนี้ตั้งแต่ที่โรงพยาบาลมาจนถึงหน้าหลุมศพของหลวงตา ลูซิโอก็ไม่ได้เข้ามาคุยอะไรกับเธอ เขาได้รับการแนะนำให้รู้จักเธออย่างเป็นทางการจากอัลเบอร์โต ชายหนุ่มดูเหมือนจะจำเธอไม่ได้... นั่นทำให้สุมิตราทั้งโล่งใจ ทั้งเจ็บยอกในอก
และความเจ็บยิ่งเพิ่มพูนเมื่อต้องยืนข้างเขา เธอแอบน้ำตาซึม นี่ไง... ถึงต้องหนีมา เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาแบบนี้
มันเจ็บ...
ลูซิโอกำลังช่วยกันกับน้องชายก้มลงใช้จอบกลบฝังสรีระของ หลวงตาที่หลังวัด โดยมีรสิตาอุ้มอัลเบอร์ริโกมองอยู่อย่างเศร้าสร้อย เด็กชายที่ชื่อจ้อยยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดเอวสุมิตราไม่ห่าง เซียนนายืนหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ตามสไตล์นาง เมื่อการกลบฝังเสร็จสิ้น สุมิตราและจ้อยจึงทรุดลงก้มกราบหลวงตาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนพาทุกคนออกจากป่าช้า
“ขอบคุณมากนะคะพี่มิ้ว” รสิตาพูดทั้งน้ำตาเป็นภาษาไทย “ขอบคุณที่ดูแลหลวงตาอย่างดีมาตลอด แล้วยังต้องกลับมาจัดการเรื่องที่โรงพยาบาลให้อีก ขอบใจจ้อยด้วยนะ”
เธอก้มลงลูบศีรษะจ้อย
“พี่กับอัลเบิร์ตคุยกันว่าขาดหลวงตาไป จ้อยคงไม่มีใคร พวกเราจะรับจ้อยไปอยู่ด้วยในฐานะน้องชายของพี่ จ้อยจะว่ายังไง หลวงตาท่านเลี้ยงจ้อยมาตั้งแต่เกิด พี่ถือว่าจ้อยเป็นญาติคนหนึ่ง จ้อยจะรับพี่เป็นพี่สาวได้ไหม มาเป็นน้าของริโกนะ ช่วยพี่เลี้ยงหลาน”
จ้อยอ้าปากค้าง หันมองสุมิตราที่ยิ้มกว้างจนลักยิ้มที่แก้มบุ๋ม สุมิตราก้มลงจับบ่าจ้อย เธอรู้ดีว่าหากจ้อยไปอยู่อิตาลีในฐานะน้องชายของรสิตา จ้อยจะมีอนาคตที่ดีกว่าอยู่กับเธอมาก จึงผลักบ่าเด็กชายเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
“ไหว้พี่โรสสิจ้อย พี่โรสจะพาไปเรียนหนังสือนะ”
จ้อยหันรีหันขวาง หันมองกุฏิของหลวงตาแล้วก็น้ำตาไหลด้วยความผูกพัน เขาหันมองรสิตาทั้งน้ำตานอง หากเลือกได้ จ้อยอยากอยู่กับหลวงตาตลอดไป ที่กุฏิเก่าๆ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีครูบาอาจารย์ที่ไหนดีเท่าหลวงตาที่สอนให้จ้อยเขียน ก ไก่ ข ไข่ แต่หลวงตาจากไปแล้ว จ้อยต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป...
“จ้อยจะไม่ทำให้พี่โรสกับหลวงตาผิดหวังในตัวจ้อยครับ”
สองพี่น้องต่างสายเลือดกอดกันร้องไห้ ท่ามกลางความสะเทือนใจของทุกคนที่รายล้อม สุมิตราตั้งใจจะกลับไปกรุงเทพฯ พร้อมพวกรสิตา แต่ที่ท่าเรือเธอเห็นบิดาเดินขึ้นเรือไปด้วยท่วงท่าเมามายอย่างที่เคยเห็นจนชินตา หญิงสาวชะงักเท้า หน้าซีด ก่อนรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วหันไปบอกรสิตาอย่างเร่งรีบ
“ตายแล้ว พี่ลืมของค่ะ โรสกับทุกคนขึ้นเรือกันไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวพี่กลับไปเอาของที่บ้านแล้วจะรีบกลับมา ถ้าไม่ทันจะขึ้นเรือลำถัดไป” สุมิตราก้มลงจูบศีรษะจ้อย “ทำตัวดีๆ นะจ้อย เกาะติดพี่โรสไว้นะ ถ้าหลงกันไปจะยุ่ง ตอนนี้มีแค่พี่โรสที่พูดภาษาของเราได้”
เหมือนจ้อยจะเดาออกเพราะเห็นบิดาของสุมิตราอยู่เหมือนกันและรู้ว่าพ่อลูกไม่ถูกกัน เขากอดเอวสุมิตราแน่น ก่อนรีบปล่อย เขาพูดจาเป็นผู้ใหญ่กว่าวัย นั่นเพราะได้รับการสั่งสอนอย่างดีจากหลวงตา และบอกตัวเองเสมอว่าต้องรีบโตเพื่อดูแลท่านยามป่วยไข้
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับพี่มิ้ว”
“จ้ะ” สุมิตราลูบหัวจ้อยเป็นครั้งสุดท้ายแล้วถือกระเป๋าเดินเร็วๆ ออกมาจากท่าเรือ เธอขึ้นไปนั่งบนรถสามล้อรับจ้าง บอกที่หมายให้กลับไปยังหมู่บ้านของตน พ่อไม่อยู่แบบนี้ เธอต้องรีบกลับไปรื้อเอาเอกสารสำคัญที่เอาออกมาไม่ทันวันที่หนีไปจากที่นี่ โอกาสแบบนี้ไม่มีอีกแล้ว!