Chapter 6 สังหรณ์ใจ

1181 คำ
“แม่อยู่คนเดียวระวังฟืนไฟนะคะ นี่เงินค่าใช้จ่ายของเดือนนี้ค่ะ” สุมิตราส่งซองธนบัตรให้สมใจ มารดาของเธอรับไว้ “เดี๋ยวหนูกลับไปดูหลวงตาแล้วจะโทรมาเล่านะคะว่าเป็นไงบ้าง ถ้ายังกลับมาไม่ได้แล้ว เงินหมดแล้วยังไง หนูจะโอนมาฝากให้ดาวเอาเงินมาให้แม่นะคะ” สมใจกดเอทีเอ็มไม่เป็น เมื่อฉุกเฉินแบบนี้สุมิตราจึงต้องไหว้วานดารกา หญิงสาวเจ้าของห้องตรงข้ามในคอนโดเดียวกันให้ช่วยเป็นธุระให้ “ไม่ไปไม่ได้เหรอลูก” สมใจรับเงินไว้ ดวงตาห่วงใย “แม่ใจคอไม่ดีเลย กลัวพ่อเขาเจอหนู...” สุมิตราก็กลัวเหมือนกัน... “พ่อเขาทำอะไรหนูไม่ได้หรอกค่ะ” เธอแสร้งยิ้มให้มารดาสบายใจ “ถ้าเกิดอะไรขึ้นหนูจะหนีกลับมาค่ะ หนูนัดโรสกับสามีไว้ มีอะไรน่าจะให้คุณอัลเบอร์โตช่วยเหลือได้ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ” หญิงสาวออกเดินทางกลับบ้านเกิดด้วยรถโดยสารถึงเกาะภูเก็ตแล้วเดินทางต่อด้วยเรือไปสู่เกาะยาตราและตรงไปโรงพยาบาลทันที หลวงตาพูนอยู่ในห้องไอซียู อาการหนัก แต่ยังมีสติพูดคุยได้และคุณหมอยืนยันว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว ไข้ก็ลดลงมากแล้ว สุมิตราจึงรอจนรสิตากับอัลเบอร์โตมาถึงโรงพยาบาล สองหนุ่มสาวพาอัลเบอร์ริโก หลานชายตัวน้อยของหลวงตาพูน มาด้วยพร้อมเซียนนาพี่เลี้ยง สุมิตราจึงปล่อยให้ครอบครัวได้เฝ้าไข้ใช้เวลากับญาติที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของรสิตา ส่วนตัวเธอออกมาซื้อของกับจ้อยที่ร้านสะดวกซื้อหน้าโรงพยาบาล “ทีแรกหมอบอกให้จ้อยทำใจเลยนะ” จ้อยรับซองขนมจากสุมิตราใส่ตะกร้า “ตอนแรกหลวงตาไข้ขึ้นสี่สิบองศาแน่ะ อายุก็มากแล้ว ปอดก็มีปัญหา หมอจะส่งไปกรุงเทพฯ อยู่แล้ว แต่ดีนะที่ไข้ลด จ้อยตกใจหมดเลย นึกว่าต้องนอนคนเดียวแล้วเสียอีก” จ้อยเสียงสั่น น้ำตาซึม วัดยาตราเหลือพระสงฆ์รูปเดียวคือหลวงตาพูน ส่วนเขาเป็นเด็กกำพร้า พ่อตายในทะเล ตอนนั้นแม่ตั้งท้องเขาเกือบถึงกำหนดคลอดแล้ว ได้ข่าวพ่อก็เสียใจหนักจนคลอดก่อนกำหนดและเสียชีวิตไป หลวงตาสงสารเลยรับเขาไปเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะโดยมีสุมิตราคอยหานมหาเสื้อผ้าให้ ถ้าหลวงตาเป็นอะไรไป วัดนั้นจะเป็นวัดร้าง และเขาคงขาดที่พึ่ง สุมิตราเองก็ย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ แล้ว จ้อย ไม่กล้าที่จะอ้อนวอนขออะไร แค่ที่หญิงสาวดูแลเขามาจนโตป่านนี้ก็เป็นบุญคุณท่วมหัว สุมิตราวางมือลงบนศีรษะเด็กชายอย่างสงสาร “จ้อยมีพี่ไง” เธอยิ้ม “หลวงตาแก่มากแล้ว วันนึงคงถึงเวลาของท่าน คนเราหนีการเกิดแก่เจ็บตายไม่พ้นหรอกไม่ว่าใครก็ตาม ถ้าถึงวันนั้น พี่จะรับจ้อยไปอยู่ด้วยนะ” จ้อยเอื้อมมือกอด ซบหน้าเปื้อนน้ำตากับหน้าท้องแบนราบ เอ่ยอู้อี้ “พี่มิ้วสัญญาแล้วนะ” “พี่สัญญา” ขณะที่หนึ่งสาวหนึ่งเด็กชายกอดกันนั้น ภายนอกร้านมีชายคนหนึ่งมองตรงเข้ามาจากถนนฝั่งตรงข้าม เขาถอดแว่นกันแดด มองเข้าไปในร้านสะดวกซื้อด้วยดวงตาคมกล้า และบอกกับตัวเองอย่างมั่นใจว่าเขาหาเธอเจอแล้ว แม้ว่าเธอจะไม่ได้สวมหน้ากากหรือใส่ชุดสีแดงก็ตาม นั่นใช่เธอแน่นอน เขามั่นใจ! ลูซิโอคิดแล้วก็นึกขอบคุณอัลเบอร์โตที่แอบมาย้ำนักย้ำหนาว่าเขาต้องตามมาดูอาการคุณตาของรสิตาด้วย ทีแรกลูซิโอเอะอะโวยวายว่าทำไมเขาต้องแลกช่วงหยุดรับงานเพื่อพักผ่อนกับการตามไปดูแลญาติผู้ใหญ่ของเมียน้องชายด้วยวะ จะว่าเขาใจดำก็ช่างเถอะ แต่เขาไม่รู้จักญาติของรสิตาสักหน่อย แต่อัลเบอร์โตก็ดูมีลับลมคมในแปลกๆ แถมยังย้ำแล้วย้ำอีกว่าให้ตามมาเที่ยวบินต่อไป แล้วอย่าให้รสิตารู้เชียวว่าเขาชวนมา ให้บอกว่าลูซิโอตามมาเองด้วยความห่วงใยคุณตาของเมียน้องชาย ลูซิโอรู้สึกว่ามีอะไรพิกล เลยลองตามมาดูอย่างนั้นเอง ถ้ามาแล้วไม่มีอะไรน่าพิศมัยก็คงเข้าไปเยี่ยมคุณตาของรสิตา ด่าน้องชายสักชุด แล้วชิ่งไปเที่ยวพัทยาต่อก็ไม่เสียเที่ยว แต่แทนที่จะเฉ่งน้องชายชุดใหญ่แล้วเดินทางต่อ สงสัยลูซิโอต้องทำตรงกันข้าม คือต้องตบรางวัลอัลเบอร์โตอย่างหนัก อ้อ ก่อนตบรางวัล ขอตบหัวสักทีเถอะ นี่ชัดเจนแล้วว่าอัลเบอร์โตกับรสิตารู้ว่าสาวชุดแดงเป็นใคร แต่ไม่ยอมบอกเขา ด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง เขาจะช่างหัวน้องสะใภ้ และจะขอถีบน้องชายด้วยความหมั่นไส้สักที! ร่างสูงเดินอาดข้ามถนนไป เป้าหมายคือหญิงสาวในร้านสะดวกซื้อนั่น เขาจะลากตัวเธอออกมาคุยกันตามลำพัง อาจจะรื้อฟื้นความหลังนิดหน่อยให้เธอจำได้ว่าเมื่อสามเดือนก่อน เขาและเธอร่วมรักกันอย่างร้อนแรงแค่ไหน! และคราวนี้เขาจะไม่ปล่อยให้เธอหายไปราวกับเจ้าหญิงเงือกน้อยที่กลายเป็นฟองคลื่นลอยสู่ทะเล ไม่มีวันหวนมาอีก ลูซิโอชะงักเท้า เมื่อเห็นเซียนนาวิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ พูดคุยกับแม่สาวชุดแดงของเขาไม่นาน คนทั้งสามรวมเด็กชายก็รีบวิ่งออกจากร้านเข้าไปในโรงพยาบาลหน้าตาตื่น ลูซิโอสังหรณ์ใจวาบ หันหน้ามองไปทางห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล แล้วสวมแว่นตา เดินไปทางนั้นทันที ที่ห้องฉุกเฉิน ลูซิโอเดินผ่านเซียนนาที่หลอกล่อให้ อัลเบอร์ริโกชมนกชมไม้ไปเรื่อยเปื่อย เขาเข้าไปในห้อง เห็นรสิตากำลังร้องไห้อยู่กับอกของอัลเบอร์โต เด็กชายชาวไทยวัยราวแปดขวบร้องไห้โฮกับแขนของพระสงฆ์ที่นอนนิ่งไม่ไหวติง สาวชุดแดงของเขาที่ตอนนี้สวมชุดสีขาวยืนน้ำตาไหลเงียบๆ เธอหันไปคุยกับหมอ และรับกระดาษเก่าๆ แผ่นหนึ่งมาถือไว้ “หลวงตาสั่งเสียหมอไว้ครับ ว่าหากท่านมรณภาพให้มอบคำสั่งเสียนี้ให้ลูกหลาน” สุมิตรายกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะหมอ” เธอก้มหน้าอ่านคำสั่งเสียของหลวงตา ท่านเขียนไว้ว่าหากท่านมรณภาพขอให้ฝังท่านในป่าช้าเก่าหลังวัด ท่านขุดดินรอไว้นานแล้ว... จ้อยรู้ดี...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม