ก๊อก ก๊อก ก๊อก ...
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้คนที่นั่งบนเก้าอี้ทำงานเงยหน้าจากกองเอกสาร
“ใคร” เสียงเข้มเอ่ยขึ้น
“ป้านิ่มเองค่ะคุณจิณณ์”
“เข้ามาสิ”
เมื่อได้รับอนุญาตประตูก็ถูกเปิดออก ร่างค่อนข้างท้วมของหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้อง มองเจ้าของห้องด้วยแววตามีกังวลเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจเอ่ยว่า
“คุณท่านให้นายเพิ่มส่งคนมาค่ะ รออยู่ที่ห้องนั่งเล่น”
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดครั้งแรก แต่แตกต่างตรงครั้งนี้คนมาเยือนถูกพาตัวมารอที่ห้องนั่งเล่น ปกติเขาไม่เคยยอมให้ผู้หญิงที่คนเป็นปู่ส่งมาให้ เข้ามาในบ้านได้ จะให้รออยู่หน้าประตูพร้อมกับนายเพิ่ม
“ไล่ไปซะ ปล่อยให้เข้ามาได้ยังไง”
คิ้วดกหนาขมวดนิ่ว ดวงตาวาววับขึ้นมาในทันที ทำเอาคนสบตาถึงกับตัวสั่นรีบละล่ำละลักตอบว่า
“ข้างนอกฝนกำลังตกค่ะ ป้าเลยให้เข้ามาหลบฝนข้างใน แล้วนายเพิ่มก็กลับไปแล้วด้วยค่ะ”
รอบนี้นายเพิ่มไม่อยู่รอรับกลับเหมือนคราวก่อน แต่ปล่อยหญิงสาวทิ้งไว้แล้วขับรถกลับไปเลย นางนิ่มเป็นหัวหน้าแม่บ้านของที่นี่ นางเพิ่งมาทำงานได้สองปี หลังจากจิณณ์ย้ายออกจากคฤหาสน์ของเจ้าสัวเจียงมาอยู่ที่ไร่ธารดาวแห่งนี้ เขาจ้างคนทำงานบ้านและคนงานในไร่เอง โดยไม่ยอมใช้คนของผู้เป็นปู่ งานในหน้าที่รับผิดชอบเขายังทำตามเดิม แต่ไม่ยอมพักร่วมบ้านกับคนเป็นปู่ ตัดขาดตัวเองมายู่เพียงลำพังที่ไร่แห่งนี้ ซึ่งเคยเป็นบ้านพักตากอากาศสมัยที่ภรรยายังมีชีวิตอยู่
“ไล่ออกไป ถ้าไม่ยอมก็จับโยนออกไป” จิณณ์บอกเสียงกร้าว
“แต่ฝนตกนะคะ” นางนิ่มบอกเจ้านายเสียงแผ่ว
“ป้าจะให้ผู้หญิงคนนั้นออกไป หรือป้าจะออกไปเอง”
เสียงพูดเข้มจัด ดวงตาคมนั้นจ้องมองแม่บ้านนิ่ง ทำเอาคนโดนจ้องขนลุกเกรียวรีบหมุนกายเดินออกมาอย่างเร็วรี่ ทุกคนที่นี่ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งผู้เป็นนาย หากไม่พอใจขึ้นมาจิณณ์ก็พร้อมจะไล่ออกได้ตลอดเวลา
นางนิ่มเดินลงมายังชั้นล่างของบ้าน ตรงไปยังห้องรับแขก บนโซฟามีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ นางหยุดเพื่อปรับสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไป
“คุณคะ คือว่า คุณจิณณ์ท่านไม่รับแขกค่ะ เชิญกลับไปก่อนนะคะ”
คำปฏิเสธที่สุภาพถูกเอ่ยออกไป ใบหน้าของนางนิ่มพยายามแต้มรอยยิ้มสุดความสามารถ ทั้งที่ในใจเวทนาหญิงสาวคนนี้ไม่น้อย นายเพิ่มก็ใจดำเหลือเกินเอาเขามาส่งแล้วไม่อยู่รอรับ ทั้งๆที่รู้ว่าคุณจิณณ์ไม่มีทางให้ผู้หญิงที่ท่านเจ้าสัวส่งมาเข้าบ้าน แล้วเลือกเวลามาส่งเสียใกล้ค่ำแถมฝนยังมาตกอีก
“ขอฉันพบคุณจิณณ์ก่อนได้ไหมคะ บอกเขาหน่อยว่า ฉันขอพูดอะไรด้วยสักนิด”
หญิงสาวไม่ยอมกลับ เธอเอ่ยขอร้องแม่บ้านอีกครั้ง
“คุณจิณณ์ท่านสั่งว่า เอ่อ... ถ้าคุณไม่ยอมกลับ ให้โยนคุณออกไปค่ะ”
นางนิ่มจำต้องเอ่ยออกมาตามตรง หากไม่ทำตามคนที่ต้องออกไปคือตัวนางเอง นางเลือกจะเห็นแก่ตัวเองเสียก่อนที่จะเห็นใจหญิงสาว
“เขาพูดแบบนั้นหรือคะป้า”
คิ้วเรียวสวยยกขึ้นสูง มองหน้าคนพูดอย่างไม่เชื่อ เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าพร้อมกับยิ้มแห้งๆ ก็จำต้องเชื่อ ไม่คิดว่าหลานชายเจ้าสัวจะเจ้าอารมณ์กว่าที่คิด ก่อนจะมาที่นี่เธอได้พบท่านเจ้าสัว ได้พูดคุยกับท่านถึงสิ่งที่เธอต้องทำเพื่อแลกกับการปลดหนี้แทนผู้เป็นพ่อ
“พ่อของหนูติดหนี้ฉันอยู่ ทรัพย์สินที่เขาเอามาจำนองไว้ไม่ได้ส่งดอกเบี้ยเกินกำหนดแล้ว ฉันเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าๆ เลยยอมชะลอเวลาในการยึด แต่นี่ผ่านมาสองปีแล้วดอกทบต้นจนบานไปหมดแล้ว ถ้าไม่ชดใช้ก็คงต้องยึดบ้านกับทรัพย์สินที่มีมาชดใช้”
หนี้สินของพ่อของเธอ เกิดจากความผิดพลาดในการบริหารงานทำให้บริษัทขาดทุน เพื่อจะหมุนเงินให้ทันจึงขอให้ท่านเจ้าสัวช่วยเหลือ แต่ทุกอย่างไม่ดีขึ้น พ่อของเธอสร้างหนี้เพิ่มและตอนนี้ดอกทบต้นจนไม่มีหนทางชดใช้ ท่านแบกหน้าไปขอให้เธอช่วย แม้ตอนนี้แม่ของเธอจะเลิกรากับพ่อมาร่วมยี่สิบปี แม่มีสามีใหม่แล้ว แต่เธอกับพ่อไม่ได้ตัดขาดกัน เธอในฐานะลูกจะปฏิเสธก็ดูจะเป็นคนอกตัญญู เธอจำต้องโกหกแม่ว่ามาช่วยงานพ่อ แต่ความจริงคือมาเจรจากับเจ้าสัวเจียงเพื่อขอผ่อนผันหนี้ แต่อีกฝ่ายกลับยื่นข้อเสนอมาว่า
“ฉันต้องการให้หนูเป็นภรรยาของหลานชายฉัน อยากให้เขาได้เริ่มต้นใหม่ มีชีวิตที่มีความสุขไม่ต้องจมปลักกับความทุกข์จากการสูญเสีย ถ้าหนูทำให้เขายอมรับหนูได้ ฉันจะยกหนี้ทั้งหมดให้”
“ท่านคะ หนูกับหลานชายท่านเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ข้อเสนอของท่านมันยากมากเลยค่ะ แล้วหนูก็มีคนที่ชอบอยู่แล้วด้วย หนูคงทำตามที่ท่านต้องการไม่ได้หรอกค่ะ”
เธอปฏิเสธท่านไปตรงๆ เธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว การมาเจรจากับท่านเจ้าสัวคือการขอผ่อนผันหนี้ เธอจะพยายามหาทางชดใช้ให้ท่าน ขอเพียงท่านยืดเวลาชำระหนี้ออกไปสักระยะ เธอเชื่อว่าเธอจะสามารถหาเงินมาชำระดอกเบี้ยได้ และจะพยายามให้พ่อของเธอกอบกู้บริษัทขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้าหนูไม่ต้องการแต่งงานกับหลานชายฉัน ถ้าอย่างนั้นก็ขอแค่มีทายาทให้ฉันสักคน เป็นเมียหลานชายฉัน แล้วตั้งท้องคลอดเด็กออกมาสักคน หลังจากนั้นหนูจะเป็นอิสระ หนี้สินทั้งหมดก็จะยกให้”
ท่านเจ้าสัวเปลี่ยนข้อเสนอใหม่ ท่านมองหน้าหญิงสาวอย่างคาดหวัง เมื่อเห็นเธอพยักหน้ารับก็ยิ้มกว้างดีใจ
“ตกลงค่ะ หนูขอเวลาสามเดือน ถ้าไม่สำเร็จ หนูขอให้ท่านยืดเวลาชำระหนี้ให้พ่อของหนูได้ไหมคะ”
ความสำเร็จนั้นไม่สามารถวัดเป็นเปอร์เซ็นได้ หญิงสาวจึงยื่นข้อเสนอให้ตัวเองไม่เสียเปรียบ อย่างน้อยทนให้ได้สักสามเดือน ถึงไม่สำเร็จก็มีทางช่วยบิดาไม่ให้ถูกยึดทรัพย์สิน
“ตกลง ฉันจะให้ตามที่หนูขอ สามเดือนนี้ให้หนูพยายามให้เต็มที่ หลานชายของฉันเขาเจ้าอารมณ์นิดหน่อย ฉันหวังว่าหนูจะเปลี่ยนเขาได้”
ท่านเจ้าสัวฝากความหวังไว้ที่เธอ ก่อนจะให้เธอกลับไปเตรียมตัว เมื่อเธอพร้อมก็เรียกมากำชับอีกครั้งแล้วให้นายเพิ่มมาส่งที่ไร่ของหลานชาย ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของเธอแล้วที่จะทำอย่างไรก็ได้ ให้หลานชายของท่านยอมรับเป็นเมีย