8
จอมทัพเดินหน้าเซ็งเข้ามาในอาคารสูงยี่สิบสองชั้นกลางเมืองหลวง เขาเหมือนคนไม่มีชีวิตชีวา วันนี้เขายอมรับว่า ไม่มีกระจิตกระใจจะทำงาน นั่งทำงานก็เหมือนหุ่นยนต์ สมองไม่สั่งการ เข้าประชุมอย่างไม่มีสมาธิ เหม่อลอยหลายครั้งที่คนร่วมประชุมเรียกชื่อเขาหลายครั้ง กว่าที่จะรู้สึกตัว พอเสร็จสิ้นการประชุม เขาได้เดินทางมาหาศตวรรษ เพื่อนรักเพื่อปรับทุกข์
“ลมอะไรหอบนายมาถึงที่นี่ แล้วทำไมทำหน้าตาอย่างนั่นละ หุ้นตกหรือไง”
ศตวรรษนึกแปลกใจที่จอมทัพมาหาตนถึงที่ เพราะตั้งแต่คบกันมายี่สิบกว่าปี ส่วนใหญ่จะนัดเจอกันข้างนอกมากกว่า หรือไม่ก็ที่บ้านของแต่ละคน การมาของจอมทัพในวันนี้ ต้องมีเรื่องไม่สบายใจมาแน่ๆ
“หุ้นตกยังแย่กว่าเรื่องที่ฉันกำลังจะทำอาทิตย์นี้”
“เรื่องอะไรวะที่ทำให้นายรู้สึกแย่ขนาดนี้”
ศตวรรษอยากรู้ขึ้นมาจับใจว่า เพื่อนรักกำลังเผชิญปัญหาอะไรอยู่ แต่ดูท่าทางบวกกับสีหน้า เรื่องที่ว่านี้คงจะใหญ่พอตัว ไม่เช่นนั้นคงไม่มีสีหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ
“ฉันจะแต่งงานวันอาทิตย์นี้ แต่เจ้าสาวไม่ใช่น้ำหวาน”
จอมทัพบอกให้เพื่อนรู้ ศตวรรษร้อง ‘เฮ้ย!’ ออกมาเสียงดังลั่น ตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน เพราะมันเหนือความคาดเดาทั้งปวง
“นายล้อเล่นฉันใช่ไหม นายจอมทัพ รุจิเวโรจน์จะแต่งงานทั้งที ทำไมมันเงียบเป็นเป่าสากแบบนี้วะ มันน่าจะกระหึ่มไปทั่วประเทศไม่ใช่เหรอ” ศตวรรษหวังว่าจอมทัพจะพูดเล่น
“เรื่องแบบนี้พูดเล่นได้เหรอ ถ้าเป็นเรื่องไม่จริง หน้าฉันคงไม่ซังกะตายอย่างนี้หรอก” จอมทัพตอบเพื่อน “คุณปู่บังคับให้ฉันแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ ถ้าไม่แต่งคุณปู่จะยกสมบัติให้ผู้หญิงคนนั้นครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งยกให้การกุศล ฉันเห็นแก่ส่วนรวมก็เลยจำใจแต่ง แล้วค่อยเลิกทีหลัง”
“แปลกแฮะ เท่าที่ฉันรู้จักคุณปู่ คุณปู่ไม่เคยบังคับลูกหลานให้ทำอะไรตามใจท่านนะ ยิ่งเรื่องนี้ยิ่งไม่น่าบังคับ สมัยนี้มันหมดยุคคลุมถุงชนแล้ว ที่สำคัญคุณปู่อยากให้นายแต่งงานมากถึงขึ้นตั้งเงื่อนไขแบบนี้เชียวเหรอ ทำให้ฉันคิดว่า คุณปู่คงอยากได้ผู้หญิงคนนั้นเป็นหลานสะใภ้มากๆ” ศตวรรษตั้งข้อสังเกต
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่า ทำไมคุณปู่ถึงอยากให้ฉันแต่งงาน ฉันว่าจะถามอยู่ แต่คิดไปคิดมาไม่จำเป็นต้องรู้ เพราะการแต่งงานครั้งนี้ฉันไม่จำใจแต่ง แต่งตามความต้องการของคุณปู่ ท้ายสุดฉันก็จะเลิกกับผู้หญิงคนนั้น”
“ว่าที่เจ้าสาวของนายคือใคร ชื่ออะไร ลูกเต้าเหล่าใคร” ศตวรรษถามต่อ
“ฉันไม่รู้หรอก แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย”
“อะไรวะจะแต่งงานอยู่แล้ว นายยังไม่เคยเห็นว่าที่เจ้าสาวเลยเหรอ เป็นไปได้ยังไงวะเนี่ย”
“เป็นไปแล้วไง อย่างที่บอก ฉันจำใจแต่ง แต่งสักพักก็เลิก ฉันก็เลยคิดว่า ไม่จำเป็นต้องรู้ประวัติของผู้หญิงคนนั้น”
“นายแน่ใจเหรอว่าคุณปู่จะให้เลิกกับผู้หญิงคนนั้นง่ายๆ ขนาดตอนแต่งงานยังตั้งเงื่อนไข แต่งไปคุณปู่จะเล่นแง่อะไรอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้”
คำพูดของศตวรรษทำให้จอมทัพฉุกใจคิด เขาลืมนึกถึงข้อนี้เสียสนิท คิดเพียงว่าแต่งงานตามความของลิขิต และจะเลิกล้างในเวลาต่อมา
“ฉันคิดว่าคุณปู่ไม่น่าตั้งแง่อะไรแล้วนะ แค่ถึงตั้งแง่ฉันก็ไม่กลัว ฉันจะหาทางเลิกกับผู้หญิงคนนั้นให้ได้”
จอมทัพไม่หวั่น แค่เขาจำยอมเข้างานวิวาห์ก็เหลือทนแล้ว อย่าให้ต้องอยู่กับคนที่ไม่รัก ไม่ปรารถนาไปตลอดชีวิตเลย หากลิขิตมีข้อแม้อีก เขาก็จะทำทุกวิถีทางที่จะให้ตนเองพ้นจากบ่วงชีวิตคู่ให้ได้
“เอาเถอะ มันอาจจะไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ก็ได้ แล้วนายแต่งงานที่ไหน เชิญแขกยังไง”
“ไม่ได้เชิญใคร แต่งกันภายในแค่นั้น”
“น้ำหวานรู้เรื่องนี้หรือยัง” เจ้าของห้องถามถึงคนสำคัญอีกหนึ่งคนของจอมทัพ
“รู้แล้ว ฉันโทรไปบอกน้ำหวานตั้งแต่วันที่ตอบตกลงแต่งงาน และบอกเหตุผลที่ฉันจำต้องแต่งให้น้ำหวานรู้ด้วย ยังบอกอีกว่าฉันเลิกกับผู้หญิงคนนั้นเมื่อไหร่ ฉันจะแต่งงานกับน้ำหวานทันที” จอมทัพทำสีหน้าเศร้าลงถนัดตา เมื่อเอ่ยถึงธนัสสรณ์ หญิงงามในดวงใจ
ศตวรรษเห็นหน้าเพื่อนแล้วก็ไม่อยากเซ้าซี้ถามต่อ จึงเปลี่ยนเรื่องให้เพื่อนคลายจากความทุกข์
“ไปหาอะไรดื่มกันไหม ฉันว่างพอดี”
“ไปสิ ฉันมาที่นี่ก็กะว่าจะชวนนายไปดื่มแก้กลุ้ม ทำงานก็ไม่มีสามธิ”
“งั้นไปเลยละกัน ไปคอนโดฉันก่อนนะ แล้วค่ำๆ ค่อยไปคลับ”
“อืม” ศตวรรษชวนไปไหมจอมทัพไปหมด เพราะตอนนี้เขาต้องการแอลกอฮอล์แรงๆ มาดับความกลัดกลุ้มที่กินเซาะจิตใจ สองเพื่อนสนิทพากันเดินออกจากห้อง จุดมุ่งหมายคือคอนโดมิเนียมสุดหรูใจกลางเมืองหลวง สถานที่ดับกลุ้มของจอมทัพ
ในที่สุดงานวิวาห์ที่จอมทัพไม่ปรารถนาก็มาถึง ครอบครัวรุจิเวโรจน์มารวมตัวกันอยู่ในห้องโถงใหญ่ เพื่อรอเจ้าสาวที่เวลานี้กำลังเดินทางมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เพื่อทำพิธีแต่งงานอันเรียบง่ายตามกำหนด เริ่มจากตักบาตรพระสงฆ์ ทำบุญเลี้ยงพระ จากนั้นก็เป็นการรดน้ำสังข์ เสร็จสิ้นก็จะเป็นการรับประทานอาหารเลี้ยงฉลองมงคลสมรส ต่อจากนี้จะเป็นการส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอ
งานวิวาห์วันนี้ไม่มีแขกเหรื่อมาร่วมงาน จะมีเพียงสมาชิกในครอบครัวรุจิเวโรจน์และบิดามารดาของเจ้าสาวเท่านั้น หรือจะเรียกได้ว่า แต่งเฉพาะคนภายใน ช่างเป็นงานแต่งงานที่เงียบเฉียบยิ่งนัก ไม่สมกับฐานะขอตระกูลนี้เลย
“มาแล้วค่ะคุณท่าน” ประนอมแม่บ้านวัยดึกเดินมาบอกเจ้านายที่นั่งรอเจ้าสาว
“แหม อยากจจะเห็นหน้าเหลือเกินว่า จะสวยหยาดเยิ้มแค่ไหน เป็นลูกบ้านใคร คุณถึงอยากให้แต่งงานกับใหญ่จนเนื้อเต้น”
สกาวใจไม่วายเหน็บลิขิต ทุกคนที่ยังไม่เคยเห็นหน้าว่าที่เจ้าสาวของจอมทัพ พากันตื่นเต้นและอยากยลโฉม ยกเว้นจอมทัพเพียงคนเดียว
“อีกไม่กี่อึดใจคุณก็ได้เห็นหน้าหลานสะใภ้แล้ว รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังในความสวย” ลิขิตไม่อยากต่อล้อต่อเถียง เขาบอกภรรยาหลวงเสียงเรียบ ทว่าใบหน้ากลับมีรอยยิ้ม “นั่นไง เดินมาโน่นแล้ว”
สกาวใจ วิมุต ดวงดาราและบุตรสาวอีกสองคน ต่างมองเจ้าของชุดไทยประยุคย์สีงาช้าง รูปร่างของเธอสมส่วน ใบหน้าแต่งแต้มเล็กน้อยทว่าส่งเสริมความงดงามได้มากโข ทั้งหมดที่มองเห็นต่างพากันชื่นชมในความสวยของศรัญญา ส่วนเจ้าบ่าวหาได้ชายตาแล เขานั่งตัวตรง สายตามองไปทางอื่น เธอเดินมาพร้อมกับหญิงชายอีกสองคน ที่คาดเดาได้ว่าอาจจะเป็นบิดามารดา