EPISODE 2 : You're so mean.

1780 คำ
“ไหวมั้ยมึง” “ไหว..” “แล้วทำไมพี่ยิมเขาถึงบอกเลิกมึงวะ ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า” เสียงของยัยเกวถามฉันด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะจากกันไกลก็ขอได้ปล่อยโฮกับเพื่อนสนิทแบบทิ้งตัวสักที ไม่งั้นฉันก็ไม่รู้จะไปร้องไห้กับใครแล้ว บรรยากาศเพลงเศร้าเคล้าดนตรีสด เป็นเหมือนตัวกระตุ้นให้บ่อน้ำตาไหลทะลักออกมาเป็นสายราวกับเขื่อนแตก ฉันนั่งสะอึกสะอื้นอยู่มุมด้านหลังสุดของร้าน โดยที่มียัยเกวคอยนั่งปลอบไม่ห่าง นอกจากจะเศร้าเพราะแฟนทิ้ง ยังต้องเศร้าเพราะเพื่อนจะบินไปหาผู้ที่อเมริกาอีก มีแต่คนทิ้งฟีน ฮือ “แกก็จะทิ้งฉันไปหาผู้นี่” ฉันร้องห่มร้องไห้ปนเสียงสะอึกสะอื้นไม่หยุด “ไหนบอกถ้ามีผู้จะแยกย้ายไงคะ” มันเลิกคิ้วใส่คล้ายว่าทวงสัญญาระหว่างเรา กฎก็คือเวลาเพื่อนมีผู้ให้แยกย้ายกันไปใช้ชีวิต แต่วันไหนที่อกหักให้โทรหาชีทันที ชีจะมาแบบด่วนจี๋ยิ่งกว่าสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ซะอีก ถ้าไม่มีเกว วันนี้ฉันก็คงต้องร้องไห้คนเดียวแน่ “ก็เออ.. แต่โดนทิ้งนี่ไง ช่วยร้องไห้เป็นเพื่อนหน่อยดิ” “ฮือ” “มึงปลอมอะเกว” “ก็กูจะไปหาผู้พรุ่งนี้ จะเอาน้ำตาจากไหนมาร้อง นี่กูเตรียมพร้อมจัดเต็มเฉพาะเลยนะ” ฉันที่ได้ยินก็ถึงกับกลอกตามองบนใส่ทั้งที่น้ำตายังไหลอาบแก้มเป็นสาย รู้ดีกับคำว่าจัดเต็มของเพื่อนสนิทตัวเองมันหมายความว่ายังไง กลับมาเดินไม่ได้จะมาร้องโอดครวญ “หรือจะบินไปเมกากับกูดี ไปทำพาสปอร์ตพรุ่งนี้เลยมั้ย” ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบ ไม่ได้อยากจะหนีไปไหนไกล แค่อยากให้เฮียยิมเป็นฝ่ายออกตามหาบ้างแค่นั้นเอง แล้วเพลงร้านเหล้ามันจำเป็นต้องเศร้าขนาดนี้ด้วยเหรอ ทำไมฉันไม่ไปหาคลับอีดีเอ็มโยกให้ลืมโลกแทนที่จะมานั่งดื่มเหล้าเคล้าน้ำตา แต่งโป๊ให้สุดขั้ว โยกให้สะโพกปวดไปข้าง ไม่ใช่มานั่งร้องไห้หน้าเปรอะเครื่องสำอางแบบนี้ รองพื้นแพงซะด้วยสิ ระหว่างที่นั่งรอยัยเกวไปเข้าห้องน้ำ ฉันที่ทิ้งหัวลงไปนอนกับแขนตัวเองก็ยกมือถือขึ้นกดโทรออกหาใครบางคนอย่างลืมตัว น้ำตาเอ่อล้นออกมาจนต้องใช้มือปาดมันลวกๆ พลางสูดน้ำมูกด้วยความขี้แง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปลายทางกดรับสายหรือยัง “ฮึก” (.....) “เฮียยิม.. ฟีนต้องการเฮีย” (.....) “อย่าทิ้งฟีนไปเลยนะคะ.. ฟีนทำอะไรผิด ฮึก.. ฮือ” ฉันยกมือขึ้นเสยผมอย่างหัวเสีย ถือสายคาหูอยู่อย่างนั้น ก่อนจะกดวางถ้าเสียงทุ้มปลายสายไม่ดังขึ้นมาซะก่อน (อยู่ไหน) เขาตอบกลับมาเป็นคำถามเสียงเรียบเฉย ติดรำคาญซะมากกว่า “ไหนบอกว่าจะอยู่ด้วยกัน คนโกหก.. ฟีนรักเฮียยิม ฟีนรัก.. ฮือ กอดฟีนหน่อย กอด..” ฉันพรรณาโวหารแทบจะอยากเรียงหน้ากระดาษเอสี่ส่งไปหาเขา เฮียยิมมันหมดใจง่ายกว่าน้ำมันรถอีก.. (ถามว่าอยู่ไหนไงวะ!) “โทรหาพี่ยิมเหรอวะ” “เกว..” ฉันเงยหน้ามองเพื่อนสนิทที่เดินเข้ามาหา ก่อนจะทิ้งมือถือในมือวางไว้บนโต๊ะแล้วเบะริมฝีปากมองเกวมันที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ไปด้วย “ไม่เป็นไรนะมึง.. ไม่เป็นไร” “ฟีนคิดถึงเฮียยิม..” “ปล่อยเขาไป.. ถ้าเขาไม่รักมึง กูรักมึงเองเพื่อน” “ฮึก” อ้อมกอดอุ่นจากเพื่อนสนิทในเวลานี้มันอุ่นมาก อุ่นจนรู้สึกว่าน้ำเสียงของเฮียยิมที่ดังเข้ามาในโสตประสาทเย็นราวกับน้ำแข็งไปเลย “เดี๋ยวกูขอไปรับโทรศัพท์ก่อน มึงไปรอในรถ เดี๋ยวกูขับกลับไปส่งเอง” “.....” “ที่เหลือกูจัดการเอง..” ไม่รู้ว่าภาพมันตัดไปตอนไหน เพราะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เข้ามานั่งคดอยู่บนเบาะรถแล้ว แก๊สในกระเพาะมันตีจนต้องสะลืมสะลือขึ้นมองบรรยากาศรอบตัว ฉันนอนรออยู่ในรถนานหลายนาที ก่อนที่คนเข้ามานั่งเบาะคนขับจะเป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งไม่ใช่ยัยเกวเพื่อนสนิทที่นั่งดื่มด้วยกันก่อนหน้านี้ “เฮียยิมหรอ..” สิ้นเสียงฉันที่พำพึมออกมา เปลือกตาบางก็ปิดลงอย่างไม่อาจฝืนได้ เมาจนตาฝาดมองเห็นเพื่อนตัวเองเป็นแฟนเก่าเนี่ยนะ ไม่น่าเชื่อว่าสติของผู้หญิงหนึ่งคนที่ถูกแฟนทิ้งจะเลอะเลือนได้มากขนาดนี้ เคยคิดเอาไว้ว่าวันหนึ่งเราเลิกกันฉันจะเป็นหญิงแกร่งแบบนาตาชาให้ได้ คิดถึงเขาขนาดไหนก็ห้ามโทรไปหา แต่ว่าฉันพลาดโทรไปคร่ำครวญแล้วนี่สิ อยากร้องห้าย ฮือ ฉันยกมือขึ้นลูบคมหน้า รู้สึกได้ถึงอากาศที่ร้อนอบอ้าววนเวียนอยู่รอบกาย จนต้องใช้เท้าถีบผ้าห่มออกจากตัวแล้วพลิกตัวนอนคุดคู้เป็นลูกแมวหนาวสั่นแทน ทว่าเหมือนจะหนาวได้เพียงไม่กี่วินาที ความอุ่นวาบก็แผ่ซ่านเข้ามาอีกรอบด้วยความนุ่มของผ้าห่ม ฉันปรือตาขึ้นมองก่อนจะหลับลงอีกครั้งเมื่ออาการหนักหัวถาโถมเข้ามา “แล้วจะบอกพ่อเธอยังไงวะว่าเอามานอนนี่” “.....” “เวรชิบ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มลอยแว่วเข้ามาในโสตประสาท คลับคล้ายคลับคลาว่านั่นจะเป็นเสียงบ่นอุบของเฮียยิม ฉันปรือตาขึ้นมองอีกครั้ง ก่อนจะใช้มือตะปบบนพื้นที่ว่างบนเตียงนอน แล้วก็พบว่ามีขาของใครสักคนอยู่ตรงหน้าฉันพอดี “เฮียยิม” ฉันเอ่ยชื่อเจ้าของขาที่จับอยู่ เขาขมวดคิ้ว “อะไร” ตอนแรกนึกว่าความฝัน แต่พอฉันจับมือหนามาแนบไว้ข้างแก้ม กลิ่นหอมจากเขาก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่าภาพตรงหน้ามันคือของจริง ฉันแนบริมฝีปากลงบนหลังมือเขาเหมือนที่ชอบทำ เฮียยิมไม่ได้ปฏิเสธหรือชักมือกลับ แต่เขาก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้อะไรมากไปกว่านั่งเงียบใส่ “มาหาฟีนหรอ” “นอนไป ไม่อยากคุยกับคนเมา” เมาก็เพราะเฮียนั่นแหละ.. อยากจะตอกหน้าเขากลับไปแบบนั้น แต่ฉันก็ขี้เกียจจะง้างปากแล้วยันตัวลุกขึ้นนั่ง หันรีหันขวามองหายัยเกวเพราะจำได้เลือนลางว่านัดมาเจอกัน แต่ตอนนี้เหลือแค่ฉันกับเฮียยิมซะแล้ว “จะไปไหน นอนนี่แหละ” “เกว..” “กลับถึงคอนโดแล้ว” พอได้ยินแบบนั้นฉันก็นั่งไหล่ห่อคอตก ก่อนจะหันไปมองคนตัวสูงกว่าแล้วทำปากงุ้ยออดอ้อน “มาหาหรอ..” ฉันถามเขาเสียงอ้อยอิ่ง “มาหาอะไร ไปรับมานอนห้อง” เขาตอบกลับคล้ายว่าไม่สบอารมณ์ นั่งเอนหลังพิงอยู่กับเตียงนอนมองฉันด้วยใบหน้าเมินเฉย “อ่า.. ห้องเฮีย” “พ่อเธอรู้ เธอโดนหนักแน่ยัยเด็กแสบ” ฉันขมวดคิ้วนิ่วหน้าใส่เฮียยิมที่เอ่ยถึงพ่อตอนเราอยู่ด้วยกัน เขาไม่ได้ดูใส่ใจฉันขนาดนั้นถ้าให้เดาจากสีหน้า แต่ว่าการกระทำของเขาต่างหากที่บ่งบอกความรู้สึกของเจ้าตัว ไม่ห่วง ไม่หวง จะพากลับมานอนห้องทำไม “ถ้าตื่นแล้วจะได้พากลับบ้าน” “ไม่กลับ..” “ดื้อจังวะ” ฉันเชิ่ดใบหน้าแง่งอนใส่อีกฝ่าย ก่อนจะรู้สึกได้ถึงน้ำตาที่รื้นคลอคาเบ้าจนมันร้อนผ่าวไปทั้งกระบอกตาเลย “ฟีนรักเฮียยิมนะคะ” “.....” “บอกว่ารักไงคะ..” ฉันบอกรักเขา รักที่แปลว่ารักจริงๆ ดีเอ็มในอินสตราแกรมฉันแทบแตก มีคนอีกหลายคนรอจะแทรกที่ของเฮียยิม แต่ทำไมฉันถึงเลือกผู้ชายคนนี้ คนที่ครั้งแรกเจอกันแทบจะไม่มีแม้แต่หางตามองมาด้วยซ้ำ “เฮียจะเงียบหรอ..” “.....” “เฮียยิมขา” ฉันลากเสียงออดอ้อนทว่าเขากลับนิ่งงันไม่ตอบสนอง ขนาดที่ว่าฉันคลานขึ้นมานั่งบนตักเขา เจ้าตัวก็ยังตีหน้าเมินเฉยราวกับเป็นรูปปั้นยังไงยังงั้น แถมยังไม่ยอมสบตากันอีกต่างหาก “ทำไมเฮียไม่บอกรักฟีนล่ะคะ ปกติก็พูดนี่..” ฉันพูดแล้วยกมือขึ้นโอบล้อมรอคอเขา ก่อนจะเอนหัวพิงซบบนไหล่แกร่ง “ก็เพราะไม่ได้รักแล้วไง จะให้พูดอะไร” เขาหลุบตามอง “เจ็บนะ” “ก็พูดให้เจ็บ” “ใจร้ายชิบหาย” มือหนาเชยปลายคางฉันให้เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะทำหน้ายักษ์ดุใส่ แต่ฉันก็ยังเชิ่ดหน้าอย่างไม่เกรงกลัว “ชิบหายกับใครวะ” “.....” “ถ้าไม่มีฉันแล้วจะทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาอีกหรือไง” ฉันเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง มองค้อนใส่คุณแฟนเก่าแล้วเอาหัวเขกกับหน้าผากของเฮียยิม จนเจ้าตัวร้องเจ็บออกมา ไม่ชกหน้าให้ตอนที่เขาบอกเลิกก็ดีเท่าไหร่แล้ว ยังมีหน้ามาต่อว่าฉันทั้งที่ตัวเองเป็นคนบอกเองว่าจะไม่พูดคำว่าเลิกเด็ดขาด ลมปากของคนหลอกลวง “ฟีน” “คนขี้ขลาด.. ยอมแพ้เรื่องของเราง่ายเกินไปหรือเปล่าคะ” “พี่บอกเหตุผลเราไปหมดแล้ว” “เอาจนเบื่อแล้วอ่ะหรอ เหตุผลที่ไหนกัน.. ข้ออ้างของคนลูซเซอร์” ฉันชกกำปั้นหนักลงบนอกของเฮียยิม ก่อนจะกระชากคอเสื้อเจ้าตัวจนใบหน้าเราขยับใกล้กัน คนตรงหน้ากลืนน้ำลายลงคอ ก่อนเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ราวกับไม่อยากจะสนใจว่าตอนนี้ฉันกำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อซะด้วยซ้ำ “เฮียยิมใจร้าย..” “.....” “จำวันที่ตัวเองใจร้ายไว้ด้วยนะคะ แล้วถ้าฟีนใจร้ายคืนบ้าง.. จะมาว่าฟีนไม่ได้” เขาหันกลับมามองที่ฉันอีกครั้ง คราวนี้แววตาแทบจะไร้ซึ่งอารมณ์ร่วมไปโดยปริยาย ไม่มีคำพูดแม้แต่ประโยคเดียวหลุดออกมาจากริมฝีปากของเขาด้วย “อือ” “เฮียยิม” “ใจร้ายให้สุดเลย.. อย่าใจดีกับคนแบบเฮีย จำคำพูดตัวเองไว้ด้วย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม