และแล้วก็ถึงงานแต่งงานของคุณทวีและน้าเรย์ ทั้งสองคนอยู่ในโรงแรมดังและมีแขกที่สนิทเท่านั้นที่มาร่วมงาน เรย์ไม่อยากให้คนรู้เยอะจึงเอาแค่เป็นพิธีก็เท่านั้น ตอนนี้เธอกำลังแต่งหน้าอยู่ในห้องพักของโรงแรมโดยมีหลานสาวนั่งเฝ้าอยู่ ส่วนรวีเขาทำงานอยู่ที่บริษัทไม่ได้มีความสนใจอยากจะไปร่วมงานแต่อย่างใด
“คุณรวีครับงานใกล้จะเริ่มแล้วนะครับ”
“ไม่ไป… ออกไปได้ล่ะฉันจะทำงาน”
เขาเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะก้มหน้าลงอ่านเอกสารต่อ ผู้ช่วยของเขาโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปตามคำสั่ง เขาแอบเห็นใจท่านทวีที่มีลูกชายคนเดียวแต่เขาทำเหมือนไม่มีพ่อ แต่ก็เข้าใจคุณรวีในสิ่งที่คุณพ่อเขาทำไว้มันคงหนักหนาเกินอภัย
ทับทิมมองคุณน้าของตัวเองอย่างหลงรัก ท่านเป็นผู้หญิงที่สวยและใจดีกับเธอที่สุดในโลกใบนี้ ไม่มีใครรักเธอได้เท่านี้แม้แต่พ่อกับแม่แท้ๆ
“คุณน้าเรย์สวยจัง”
“เราก็สวยเหมือนกันแหละ น้าดีใจนะที่มีทับทิมอยู่ตรงนี้”
“หนูก็ดีใจค่ะที่ได้อยู่กับคุณน้า”
สองสาวสวมกอดกันก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข และไม่นานท่านทวีก็เดินเข้ามาหาทั้งสองคนในห้องพัก เขาหันไปบอกให้คนอื่นๆออกไปก่อนเพราะอยากจะคุยกับทั้งสองคน
“ออกไปก่อน”
“ค่ะท่าน”
เขาหันไปมองหน้าที่ว่าภรรยาและหลานสาวก่อนจะเดินมานั่งลงตรงข้าม ปัญหาในตอนนี้คือลูกชายตัวดีไม่ยอมมางานแต่งงานทั้งที่เขาบอกไว้แล้วแถมยังให้ลูกน้องของเขาไปเตือนความจำอีก นี่ก็ใกล้าจะเริ่มงานแล้วทำไมยังไม่มาสักที
“มีอะไรรึเปล่าคะคุณ”
“ลูกชายผมยังไม่มาเลย ไม่รู้ว่าคิดจะเล่นอะไรอีกผมล่ะปวดหัวจริงๆ”
ท่านทวีถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า เขาแค่อยากมีชีวิตต่อจากนี้อย่างมีความสุขไม่อยากต้องทนทุกข์อยู่กับอดีตที่แสนเจ็บปวดอีก เขารู้ว่าตัวเองผิดแต่ตอนนี้สำนึกแล้วเจ้ารวีจะไม่ให้อภัยพ่อคนนี้เลยเหรอไง
“ใจเย็นนะคะคุณเดี๋ยวก็คงมาค่ะ”
“ขอให้มาเถอะผมไม่อยากเป็นแบบนี้อีกแล้ว ผมอยากกลับมาเหมือนเดิมกับลูกแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่”
เขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้ากุมมือว่าที่ภรรยาไว้แน่นก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ ทับทิมนิ่งเงียบไปอย่างใช้ความคิดก่อนจะตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาชายหนุ่มเพื่อบอกให้เขามาที่นี่ บางทีเขาอาจจะลืมจริงๆก็ได้เพราะฉะนั้นเธอจะย้ำเตือนเขาอีกที
“ทับทิมไปข้างนอกสักครู่นะคะ”
“จ้ะ ไปเถอะ”
เธอโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะถือกระเป๋าโทรศัพท์เดินออกไปจากห้องพักทันที หญิงสาวเปิดหานามบัตรของชายหนุ่มที่คุณลุงทวีให้ไว้ก่อนจะกดเบอร์แล้วโทรออกทันที และไม่นานก็มีคนกดรับสาย
(สวัสดีครับรวีพูดสาย)
“คุณรวีเหรอคะ ทับทิมเองนะคะคือหนูจะโทรมาบอกว่างานแต่งงานจะเริ่มแล้วค่ะคุณพ่อของคุณรออยู่”
รวีได้ยินแบบนั้นก็เงียบไปพลางคิดในใจ เขารู้ว่างานแต่งงานคุณพ่อคือวันนี้แต่เขาไม่อยากไปร่วมงานจึงไม่สนใจและไม่ใส่ใจ แต่คนที่โทรมาถือว่าใจกล้ามากเลยนะขนาดพ่อยังไม่กล้าโทรมาสั่งให้เขาไปร่วมงานเลย
(แล้วยังไง…)
“คุณควรจะมานะคะนี่มันเป็นงานแต่งงานของคุณพ่อคุณ ทำแบบนี้มันไม่ได้ดีขึ้นเลยนะคะ”
(เธอจะรู้อะไรล่ะ ฉันไม่ได้อ้อนวอนให้พ่อแต่งงานกับน้าเธอสักหน่อย ถ้าอยากแต่งก็จัดการกันเองสิไม่ใช่เรื่องของฉันสักหน่อย)
“แต่คุณท่านรอคุณมาร่วมงานนะคะ ท่านเครียดมากเลยนะตอนนี้มาเถอะนะคะฉันขอร้อง”
ทับทิมเอ่ยออกมาเสียงอ้อนวอน รวีที่ได้ยินเสียงเธอแบบนั้นก็อยากจะเล่นสนุกกับเธอสักหน่อย
(อยากให้ฉันไปมากนักเหรอ…)
“อยากค่ะ รีบมาเถอะนะคะ”
(งั้นเธอมารับฉันสิ ที่ช่อง B2 ตอนนี้เลยนะฉันจะรอ)
เขากดวางสายก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ถ้าเธออยากให้เขาไปมากเดี๋ยวก็คงมารับเองแหละ ใครอยากแต่งงานก็แต่งเลยเขาไม่ห้ามส่วนเขาจะทำอะไรใครต่อใครก็ไม่ควรที่จะมีคนมาวุ่นวายกับเขาเช่นกัน
ทับทิมกำโทรศัพท์แน่นอย่างคิดหนัก หรือว่าเธอควรจะไปรับตามที่เขาพูดไว้ นี่ก็ใกล้จะเริ่มงานแล้วด้วยเธอไม่มีเวลาแล้ว เธอตัดสินใจเรียกรถแท็กซี่รีบเดินทางไปที่ช่อง B2 หวังว่าเขาจะทำตามที่พูดไว้นะ
เมื่อมาถึงที่ช่องใช้เวลาไม่นานเพราะอยู่ไม่ห่างกันมากนัก เธอรีบวิ่งขึ้นไปในออฟฟิศกดลิฟต์ขึ้นไปบนตึกชั้นยี่สิบก่อนจะเดินตรงไปยังห้องของท่านประธาน
“สวัสดีค่ะคือหนูมาพบท่านประธานค่ะ”
“นัดไว้มั้ยคะ… ถ้าพบท่านประธานต้องนัดล่วงหน้าไม่อย่างนั้นคงจะให้พบไม่ได้ค่ะ”
เลขาของท่านประธานเอ่ยออกมาเสียงเรียบ เธอจะให้ใครต่อใครเข้าพบท่านประธานตามอำเภอใจไม่ได้ ถ้าให้คนหนึ่งก็ต้องมีอีกคนเพราะฉะนั้นกฎก็ต้องเป็นกฎไม่สามารถฝ่าฝืนได้ คุณเดียร์หรือผู้ช่วยของท่านประธานเห็นทับทิมก็จำได้ทันที หลานสาวของคุณเรย์ว่าที่ภรรยาของท่านทวีนี่เอง เขาเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะหันไปบอกให้เลขากลับไปทำงาน
“คุณไปทำงานได้ล่ะผมจัดการเอง”
“ได้ค่ะคุณเดียร์”
เลขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกลับไปนั่งที่โต๊ะ เดียร์ยิ้มทักทายหญิงสาวก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนโยน
“สวัสดีครับคุณทับทิม ผมเดียร์ผู้ช่วยของท่านประธาน”
“สวัสดีค่ะคุณเดียร์ คือหนูมาพบท่านประธานค่ะเขาบอกว่าให้หนูมารับไปงานแต่งงาน”
“งั้นเหรอ.. งั้นเชิญทางนี้ครับ”
เดียร์พาหญิงสาวเข้าไปพบกับท่านประธานในห้องทำงาน ลักษณะเหมือนจะคุยกันแล้วเธอถึงได้มาที่นี่ได้ และเมื่อมาถึงที่ห้องทำงานเขาก็เอ่ยเรียกเจ้านายทันที
“คุณรวีครับคุณทับทิมมาหา”
ชายหนุ่มได้ยินแบบนั้นก็เหลือบสายตามองเธอก่อนจะยิ้มกว้างออกมา
“น่าเหลือเชื่อที่เธอมา อยากให้ฉันไปงานแต่งงานมากขนาดนั้นเชียว”
“คุณลุงทวีท่านอยากให้คุณไปนะคะ ท่านรักคุณมากนะและท่านก็ไม่มีความสุขที่ไม่มีคุณอยู่ในงานมงคลของท่าน”
ทับทิมเอ่ยออกมาอย่างใจเย็น เธออยากให้เขากับพ่อดีกันทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองพ่อลูกทำไมถึงเหมือนเป็นคนแปลกหน้ากันแบบนั้น
“มานี่ เข้ามาใกล้ๆหน่อย”
เธอเดินเข้าไปหาชายหนุ่มด้วยแววตาใสซื่อ เธอไม่รู้หรอกว่าเขากำลังคิดอะไรแต่ถ้ามันทำให้เขายอมไปร่วมงานเธอก็ดีใจมากแล้ว รวีดึงหญิงสาวมานั่งลงบนตักก่อนจะลูบไล้ตามตัวของเธออย่างเสือมือไว
“อ๊ะ คุณทำอะไรเนี่ยปล่อยนะ”
หญิงสาวร้องโวยวายออกมาอย่างรู้สึกเหมือนกำลังถูกลวนลาม เธอพยายามดันตัวของเขาออกแต่ดูเหมือนว่าแรงจะสู้ไม่ไหว
“ปล่อยนะ!”
“อย่าดิ้นสิ อยากให้ฉันไปร่วมงานแต่งงานก็ต้องทำให้ฉันพอใจก่อน”
เธอหยุดนิ่งไปก่อนจะมองสบตากับชายหนุ่มอย่างสงสัย เขาคิดที่จะทำอะไรกันแน่และความพอใจของเขาคืออะไร รวีลูบแก้มหญิงสาวอย่างเบามือก่อนจะหอมแก้มหญิงสาวอย่างนุ่มนวลลากริมฝีปากไปตามแก้มลงจนจนถึงลำคอ มือหนาโอบรอบเอวเธอเอาไว้แน่นลูบไล้ตามตัวอยากสัมผัส ทับทิมหลับตาปี๋กลัวชายตรงหน้าเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่กล้าดิ้นหนีเพราะกลัวว่าจะไปทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจอีก เขายิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนจะหันไปมองหน้าผู้ช่วย
“เดียร์เอารถออก ฉันจะไปร่วมแสดงความยินดีกับคุณพ่อแล้วก็แม่เลี้ยงสักหน่อย”
เดียร์โค้งตัวรับคำสั่งก่อนจะเดินออกไปทันที ทับทิมได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ ในที่สุดเขาก็ยอมไปร่วมงานแต่งงานแล้วแค่นี้ก็ดีมากแล้วคุณลุงทวีและคุณน้าของเธอจะได้มีความสุข
“คุณยอมไปแล้วเหรอคะ”
“อืม… ไปก็ได้ ก็เธอทำให้ฉันพอใจนี่”
เขายิ้มมุมปากออกมาก่อนจะกุมมือเธอแล้วพาเดินออกไปจากห้องทำงาน ทับทิมเดินตามชายหนุ่มไม่พูดอะไรหวังว่าคงจะทันงานเริ่มนะ